Skip to main content
sharethis

ชาวบ้านกลุ่มอนุรักษ์ป่าชุมชนฯ เฉลิมฉลอง 1 ปีชัยชนะในการปิดเหมืองหินและโรงโม่ได้สำเร็จ พร้อมตั้งศาลปู่ย่าภูผาฮวก ปักธง 3 ข้อเรียกร้อง ผูกต้นไม้ และโปรยดิน บนพื้นที่เคยทำเหมืองหิน

13 ส.ค. 2564 ชาวบ้านกลุ่มอนุรักษ์ป่าชุมชนเขาเหล่าใหญ่-ผาจันได ได้จัดกิจกรรม “ Exploring the Eight Wonders of Thailand (Dongmafai) 365 วันกับสิ่งมหัศจรรย์ของการต่อสู้ที่ดงมะไฟ” เพื่อเฉลิมฉลอง 1 ปีชัยชนะในการปิดเหมืองหินและโรงโม่ได้สำเร็จ รวมทั้งรำลึกถึง 365 วันในการตั้งหมู่บ้านภูผาฮวกพัฒนาชาวประชาสามัคคีที่บริเวณถนนทางเข้า-ออกเหมืองหินและโรงโม่หิน ต.ดงมะไฟ อ.สุวรรณคูหา จ.หนองบัวลำภู

ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 13 ส.ค. 2563 ชาวบ้านกลุ่มอนุรักษ์ฯ ได้เข้าร่วมประชุมเจราจากับรองผู้ว่าราชการจังหวัดหนองบัวลำภูและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อพูดคุยเจรจาขอให้ปิดเหมืองหินและโรงโม่อย่างถาวร แต่การเจรจากลับล้มเหลวเพราะทางจังหวัดหนองบัวลำภูและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องปฏิเสธที่จะปิดเหมืองหินและโรงโม่ให้ชาวบ้าน โดยอ้างระเบียบขั้นตอนของราชการชาวบ้านจึงได้เดินทางมาปิดทางเข้า-ออกเหมืองด้วยตัวเองและทำการตั้งหมู่บ้านเพื่อปักหลักชุมนุมพร้อมข้อเรียกร้อง 3 ข้อ ปิดเหมืองหินและโรงโม่ ฟื้นฟูภูผาป่าไม้ และพัฒนาดงมะไฟเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศวัฒนธรรมและอารยธรรมโบราณคดี

ปัจจุบันชาวบ้านกลุ่มอนุรักษ์ป่าชุมชนฯ ได้ทำการปิดเหมืองหินและโรงโม่สำเร็จแล้ว และกำลังเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูภูผาป่าไม้ให้กลับมาอุดมสมบูรณ์เหมือนเดิม เพื่อวางรากฐานไปสู่การพัฒนาดงมะไฟเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศวัฒนธรรมและอารยธรรมโบราณคดีในอนาคต

โดยเวลาประมาณ 07.00 น. ชาวบ้านกลุ่มอนุรักษ์ฯได้นิมนต์พระสงฆ์จำนวน 9 รูปมาที่หมู่บ้าน เพื่อทำบุญตักบาตรครบรอบ 1 ปีสู่การปิดเหมืองหินดงมะไฟ ซึ่งก่อนเริ่มกิจกรรมได้ทำการตรวจคัดกรองโควิด-19 ผู้เข้าร่วมกิจกรรมทุกคนด้วยการวัดอุณหภูมิ ลงทะเบียน ใส่หน้ากากอนามัย และล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์

ซึ่งต่อมาเวลาประมาณ 09.00 น. ชาวบ้านกลุ่มอนุรักษ์ป่าชุมชนฯ ก็ได้เดินทางไปยัง ‘ภูผาฮวก’ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่เคยทำเหมืองหิน เมื่อเดินทางไปถึงบริเวณถนนทางขึ้นภูผาฮวกก็ได้ทำการจอดรถยนต์และรถมอเตอร์ไซค์ไว้ เพื่อตั้งขบวนเดินเท้ามุ่งหน้าไปบนภูผาฮวก การตั้งขบวนเป็นลักษณะเรียง 3 แถวหน้ากระดาน พร้อมถือธงสีเขียวที่ระบุข้อความว่า ‘เดิน-ปิด-เหมือง’ โดยมีชาวบ้านที่ถือรูปภาพชาวบ้านกลุ่มอนุรักษ์ฯที่เสียชีวิตไปแล้วเดินนำหน้าขบวน พร้อมเคาะฆ้องขนาดเล็กไปตลอดทางของการเดินขบวนเพื่อเอาฤกษ์เอาชัย เมื่อเดินเท้าถึงบริเวณภูผาฮวกด้านบน ชาวบ้านก็ได้ชู 3 นิ้วพร้อมตะโกน 3 ข้อเรียกร้อง “ปิดเหมืองหินและโรงโม่ ฟื้นฟูภูผาป่าไม้ และพัฒนาดงมะไฟเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศวัฒนธรรมและอารยธรรมโบราณคดี”

จากนั้นก็ทำพิธีการตั้งศาลปู่ย่าภูผาฮวกเพื่อให้ปกปักรักษาภูผาฮวกไม่ให้ถูกทำลายอีก ต่อมาตัวแทนชาวบ้านกลุ่มอนุรักษ์ฯ ก็ได้อ่านคำประกาศจากภูผาฝนโปรยปราย ครบรอบ 1 ปี ยึดเหมืองหินดงมะไฟ ถัดมาก็ได้ทำการปักธงใหญ่สีขาวที่ระบุ 3 ข้อเรียกร้อง หลักจากนั้นก็ได้ทำการนำผ้าสีเขียวที่ได้เขียนชื่อของตนเองไว้นำไปผูกกับต้นไม้น้อยใหญ่บริเวณภูผาฮวกเพื่อเป็นสัญลักษณ์ว่าจะดูแลรักษาต้นไม้นี้ไปตลอดชีวิต พร้อมทำการโปรยดินที่นำมาจากบ้านของตนเองลงบนพื้นดินพื้นหินภูผาฮวกที่ถูกระเบิดทำลายจากการทำเหมืองหิน เพื่อแสดงสัญลักษณ์ว่าจะฟื้นฟูพื้นที่แห่งนี้ให้กลับมาอุดมสมบูรณ์ตามเดิม

หลังจากนั้นก็ได้เดินทางกลับมายังหมู่บ้านผาฮวกฯ เพื่อรับชมวีดีโด “เปิดกล่องความทรงจำ ย้อนเส้นทางการต่อสู้” ที่รวบรวมการต่อสู้ของชาวบ้านตลอด 365 วันที่ผ่านมา พร้อมทั้งเล่าถึงความรู้สึกและสิ่งมหัศจรรย์ตลอด 365 วันกับการต่อสู้ที่ดงมะไฟ ขณะเดียวกันเยาวชนนักอนุรักษ์น้อยก็ได้ทำกิจกรรม “จากผืนดินสู่ความฝัน ป่าของฉันในวันใหม่” เพื่อบอกเล่าเรื่องความฝันในการฟื้นฟูภูผาป่าไม้ของเยาวชนนักอนุรักษ์น้อยผ่านการวาดภาพลงบนกระเป๋า และต่อมาชาวบ้านกลุ่มอนุรักษ์ฯ ก็ได้ทำการเปิดตลาดช้อปของดีของเด็ดดงมะไฟออนไลน์ ซึ่งก็ได้รับความสนใจและมีผู้เข้าร่วมช้อปของดีของเด็ดดงมะไฟเป็นจำนวนมาก

นางลำดวน วงศ์คำจันทร์ ชาวบ้านกลุ่มอนุรักษ์ป่าชุมชนฯ ได้กล่าวถึงความรู้สึกว่า “รู้สึกดีใจและภูมิใจที่เราสามารถทำสำเร็จตามที่เราได้วางแผนไว้ ข้อเรียกร้องทั้ง 3 ข้อ ก็กำลังจะสำเร็จ เราปิดเหมืองหินและโรงโม่สำเร็จแล้ว กำลังฟื้นฟูภูผาป่าไม้ให้กลับมาอุดมสมบูรณ์ เหลือเพียงแค่พัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวเท่านั้น หลังจากนี้เราก็จะทำการปลูกต้นไม้เพื่อซ่อมแซมต้นไม้ที่ตายไปที่เราได้ทำการปลูกไปก่อนหน้านี้ ซึ่งจะปลูกไปเรื่อยๆ จนกว่าจะหมดฤดูฝนถึงจะหยุด เพราะกล้าไม้ที่เราเพาะชำไว้ยังมีอีกเยอะและเพียงพอต่อการปลูกซ่อมแซม”

คำประกาศจากภูผาฝนโปรยปราย ครบรอบ 1 ปี ยึดเหมืองหินดงมะไฟ

ถือเป็นฤกษ์งามยามดีให้เราย้อนถึงคืนแรกที่ได้รวมตัวกันปิดถนนทางเข้าเหมืองหินบนภูผาฮวก ในวันเดียวกันของปีที่แล้ว, ฝนฟ้าเป็นใจช่วยให้เราตั้งแคมป์ปิดเหมืองโดยร่มรื่น แดดรำไรพอได้แทรกตัวออกมาจากชั้นเมฆบ้างตลอดสัปดาห์แรก วันเดียวกันของปีนี้, บรรยากาศย้อนคืนความทรงจำที่ฝนโปรยปรายตลอดวันที่ผ่านมาเพื่อทักทายต้อนรับวันนี้ วันที่ 365 ช่างเป็นอะไรที่ร่มรื่น ครึ้มอกครึ้มใจ ปลอดโปร่ง สนุกสนาน อิ่มเอมไปด้วยความฝันที่ไม่เคยเหือดหาย

ถ้าคนปลูกต้นไม้ในโลกวรรณกรรมได้มอบปรัชญาอันเรียบง่ายและมุ่งมั่นให้กับเราในโลกจริงว่า "ชีวิตย่อมมีเวลาให้มนุษย์เร่งรุดติดตามความหวังเสมอ" ด้วยการกระทำภารกิจปลูกต้นไม้ เรา, กลุ่มอนุรักษ์ป่าชุมชนเขาเหล่าใหญ่-ผาจันไดก็คือมนุษย์ในโลกจริงที่หลุดออกมาจากโลกวรรณกรรมเพื่อสานต่อภารกิจดังกล่าวเพื่อที่จะปลูกความรักลงไปในต้นไม้
    
เรายึดเหมืองเพื่อปลูกต้นไม้ด้วยเจตจำนงค์อันแรงกล้าที่จะฟื้นฟูภูผาป่าไม้ให้กลับคืนชีวิตชีวาดังเดิม ผลจากการนี้ได้ทำให้ภูผาฮวกเป็น 'ผืนดินที่ไม่มีเจ้าของ' (No man's land) ในความหมายนี้เรารู้ดีว่ามีทั้งความเหมือนและความต่างกับผืนดินที่ไม่มีเจ้าของที่ตั้งอยู่ระหว่างพรมแดนสองประเทศ ที่สองประเทศพยายามอ้างสิทธิ์ต่อกันอย่างสุดกำลังที่จะทำให้ไม่มีผืนดินที่ไม่มีเจ้าของอย่างแท้จริง แต่การที่ภูผาฮวกกลายเป็นผืนดินที่ไม่มีเจ้าของนั้นเกิดจากวัฒนธรรมลอยนวลพ้นผิดของเจ้าหน้าที่รัฐที่พยายามทุกวิถีทางอย่างสุดกำลังที่จะอนุมัติ/อนุญาตให้บริษัทรายหนึ่งได้รับสัมปทานทำเหมืองหินบนภูผาฮวกให้ได้โดยฝ่าฝืนกฎหมาย 
    
ถ้าจะเรียกให้ถูก ก็คือ ผืนดินที่รัฐลอยนวลพ้นผิดด้วยการปล่อยเกียร์ว่างเพราะเกรงความผิดจะถึงตัวเอง
    
แต่อย่างไรก็ตาม ภาวะชะงักงันเช่นนี้ถือว่าเป็นประโยชน์ต่อชุมชนของเราที่จะเข้าไปยึดครองเอามาเป็นผืนดินส่วนรวม (Common land) แล้วนำมาบริหารจัดการเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อชุมชนท้องถิ่นของเรา
    
ท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิดจึงทำให้เราเฉลิมฉลอง รื่นเริงสังสรรค์ได้ไม่เต็มที่นัก เราจึงเฉลิมฉลองด้วยความระมัดระวังและตระหนักถึงความปลอดภัยของสังคมโดยรวม อย่างไรก็ตาม บ้านเมืองเราไม่สามารถเดินมาถึงจุดที่ล้มเหลวจากการรับมือโควิดเช่นนี้ได้ถ้าปราศจากรัฐบาลและสมุนบริวารโดยเฉพาะพวกหมอที่เลวทรามต่ำช้าเยี่ยงนี้
    
ก่อนหน้าที่ไวรัสโควิดจะเริ่มระบาดเมื่อต้นปีที่แล้ว สังคมไทยก็เจอกับการแพร่ระบาดของโรคหนึ่งมาตั้งแต่พฤษภา 2557 แล้ว แล้วสังคมไทยก็รักษาโรคร้ายนั้นด้วยการเลือกตั้งเมื่อปี 2562 แต่เชื้อโรคร้ายนั้นก็ยังฝังรากลึกอยู่ในสังคมไทยไม่หายไปไหน ยังแสดงอิทธิฤทธิ์อยู่ตลอด เพียงแต่การเลือกตั้งได้ช่วยบรรเทาความร้ายแรงของโรคไปได้บ้าง เมื่อสองโรคร้ายมาประสบพบเจอกัน แทนที่รัฐบาลจะมีมาตรการที่ชัดเจนในการกำจัด ยับยั้งหรือควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิดให้ชัดเจน แต่รัฐบาลกลับใช้สองโรคร้ายนี้ไปขยายนิยามความมั่นคงของรัฐที่สวนทางกับการใช้สิทธิ เสรีภาพ และละเมิดต่อสิทธิมนุษยชนและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ในชีวิตประจำวันของประชาชน และใช้กรอบคิดดังกล่าวมาสอดส่อง ควบคุมและกดปราบสิทธิ เสรีภาพ สิทธิมนุษยชนของประชาชนโดยใช้ข้ออ้างภัยต่อความมั่นคงของรัฐแทน
    
จึงสมควรอย่างยิ่งที่ประยุทธ์และสมุนบริวารเผด็จการทั้งหลายต้องออกไปจากการบริหารประเทศได้แล้ว
    
ในวันครบรอบหนึ่งปีของการยึดเหมืองความฝันของเรายังแจ่มชัด เรียบง่ายแต่หนักแน่น วันนี้เราปลูกต้นไม้ไปแล้ว 4,000 กว่าต้น เรายังจะปลูกต้นไม้ต่อไปเรื่อย ๆ ในปีต่อ ๆ ไป ร่วมกับภารกิจด้านอื่น ๆ เพื่อเปลี่ยนดงมะไฟของเราให้ร่มรื่นงดงามแก่ลูกหลาน อาทิเช่น เราจะทำการฟ้องคดีต่อรัฐและบริษัทที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการระเบิดทำลายภูผาฮวกของเราเพื่อเรียกร้องความเสียหายต่อระบบนิเวศ เราจะเข้าไปทำงานการเมืองใน อบต. ดงมะไฟ ด้วยการส่งตัวแทนของเราจากหลายหมู่บ้านลงสมัครรับเลือกตั้งเพื่อผลักดันวิสัยทัศน์ใหม่ในการพัฒนาชุมชนท้องถิ่นของเรา
    
ชีวิตของเรายังคงดำเนินต่อไปเพื่อรอวันต้นไม้เติบโต ชีวิตของเรายังคงดำเนินต่อไปเพื่อรอวันเมล็ดพันธุ์แห่งการต่อสู้เติบโต เพื่อสานต่อปณิธานสามข้อ (1) ปิดเหมืองหินและโรงโม่ (2) ฟื้นฟูภูผาป่าไม้ (3) พัฒนาดงมะไฟเป็นแหล่งท่องเที่ยว
    
ขอคารวะทุก ๆ ชีวิต รุ่นแล้วรุ่นเล่า ที่ลุกขึ้นต่อสู้เพื่อดงมะไฟ และขอเป็นกำลังใจให้นักต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยทุกท่าน จงต่อสู้ให้สุดจิตสุดใจอย่าได้ท้อแท้สิ้นหวังใด ๆ เพราะ "ชีวิตย่อมมีเวลาให้มนุษย์เร่งรุดติดตามความหวังเสมอ"

กลุ่มอนุรักษ์ป่าชุมชนเขาเหล่าใหญ่-ผาจันได
13 ส.ค. 2564
ณ ผาชูธง, ภูผาฮวก

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net