Skip to main content
sharethis

ณัฐวุฒิ เผยรายละเอียดกิจกรรมคาร์ปาร์กผ่านไลฟ์สด ชูเป็นการแสดงพลังไม่เอานายกประยุทธ์ พร้อมยืนหลักสันติวิธี เลี่ยงการเผชิญหน้าทุกกรณี ย้ำจะไม่ให้รัฐใช้ภาพความวุ่นวายไปใช้เป็นเครื่องมือกลบเสียงประชาชนที่ไม่เอาลุงตู่  

ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำ นปช. ที่มา ไลฟ์สดเฟซบุ๊ก 'นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ'
 

สืบเนื่องจากเมื่อ 10 ส.ค. 64 ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก ประกาศจัดกิจกรรม คาร์ปาร์ก (Car Park) ทั่วประเทศไทย ในวันที่ 15 ส.ค. 64 เพื่อขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา

สำหรับกำหนดการทำกิจกรรม จะมีการนัดรวมรถยนต์ และจักรยานยนต์ที่จะเข้าร่วมคาร์ปาร์กในเวลา 14.00 น. ตามจุดต่างๆ ใน กทม. และต่างจังหวัด ก่อนที่จะมีการเคลื่อนขบวนในเวลา 15.00 น. โดยจะมีกิจกรรมต่างๆ อย่างการปราศรัย ซึ่งณัฐวุฒิย้ำว่านี่จะเป็นการปราศรัยรูปแบบใหม่ นอกจากนี้ จะมีการแสดง และเล่นดนตรีสด ไปจนถึงเวลา 18.00 น. 

สำหรับเส้นทางคาร์ปาร์ก ณัฐวุฒิ โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า ใน กทม. มีจุดนัดพบด้วยกันหลักๆ 3 แห่ง ประกอบด้วย แยกราชประสงค์ อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย และสุดท้าย วินรถตู้ตรงข้ามอยุธยาปาร์ก-ไปห้าแยกลาดพร้าว 

เส้นทางแรกคือแยกราชประสงค์ ล้อหมุนเวลา 15.00 น. ไปทางถนนราชดำริ เลี้ยวซ้ายผ่านบ่อนไก่ ทางคลองเตย เลี้ยวซ้ายแยกพระโขนง ไปถึงคลองตัน เลี้ยวซ้ายอีกทีหนึ่งกลับมาบรรจบที่แยกราชประสงค์ 

สำหรับเส้นทางที่ 2 เป็นขบวนรถของกลุ่มราษฎร (ยุคใหม่) เริ่มต้นที่วงเวียนอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ล้อหมุนเวลา 15.00 น. มุ่งหน้าไปสะพานพระปิ่นเกล้า ไปยูเทิร์นตรงสะพานสายใต้ใหม่แห่งเก่า มาผ่านหน้าตั้งฮั่วเสง เลี้ยวซ้ายแยกสะพานพระราม 8 เข้าถนนจรัญสนิทวงศ์ ตรงเรื่อยไปใต้สะพานพระราม 7 ตรงกลับมาจรัญสนิทวงศ์อีกที แล้วเลี้ยวซ้ายขึ้นสะพานพระปิ่นเกล้า กลับมาที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยอีกครั้ง 

เส้นทางสุดท้าย วินรถตู้ตรงข้ามอยุธยาปาร์ก จ.อยุธยา ล้อหมุน 13.00 น. เข้ามา กทม. จากทางถนนสายเอเชีย ปลายทางห้าแยกลาดพร้าว  

ทั้งสามเส้นทางจะไม่ทับซ้อนกัน และทั้งสามเส้นทางไม่ผ่านพื้นที่เปราะบาง พื้นที่เผชิญหน้า เฝ้าระวังใดๆ ทั้งสิ้น 

14 ส.ค. 64 ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ กล่าวผ่านไลฟ์สดออนไลน์ เผยเหตุผลในการออกแบบเส้นทางคาร์ปาร์กว่า ต้องการให้สอดคล้องกับหลักสันติ และเลี่ยงการเชิญหน้ากับเจ้าหน้าที่รัฐ ที่ต้องการใช้สถานการณ์ความรุนแรงการเผชิญหน้า เพื่อบดบังพลังของประชาชน และเสียงของความไม่พอใจ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา  

"เราทำเปิดเผยตรงไปตรงมา เวลาเริ่ม เวลาเลิก ก็ชัด ทุกอย่างชัดหมด เจตนายิ่งชัดว่าเลี่ยงสถานการณ์สุ่มเสี่ยงในทุกกรณี"

"พรุ่งนี้เราช่วยกัน เราทำให้การเคลื่อนขบวนมวลชน เราทำให้การชุมนุมแสดงพลังทางการเมือง เราทำให้การส่งเสียงขับไล่พลเอก ประยุทธ์ มีพลังโดยไม่ถูกกลไกของรัฐทำให้เบี่ยงเบน เป็นภาพของความรุนแรง เป็นภาพของการปะทะ เป็นภาพของความวุ่นวาย เพื่อพยายามจะกลบเสียงร่ำไร้ของประชาชน พยายามบดบังพลังแท้จริงที่ประชาชนออกกันมาเต็มท้องถนน เพื่อบอกว่าไม่ยอมรับอำนาจบริหารของพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นต้นไป" ณัฐวุฒิ กล่าว

ณัฐวุฒิ กล่าวถึงการเลือกเส้นทาง 3 เส้นทางต่อว่า เส้นทางเหล่านี้จะไม่มีการมุ่งหน้าไปหาพื้นที่เปราะบางต่อการเผชิญหน้า แต่ตั้งใจใช้เส้นทางเหล่านี้เพื่อไปหาประชาชนแต่ละพื้นที่ 

"ทั้ง 3 เส้นทางที่ขีดให้ดูเมื่อสักครู่ จะผ่านแหล่งชุมชนในกรุงเทพมหานครมากพอสมควร ตั้งใจว่าจะให้ขบวนคาร์ปาร์กนี้ได้พบกับพี่น้องประชาชนในพื้นที่ คนที่มาได้ ก็อยู่ในขบวน คนที่มาไม่ได้ ออกมายืนสองข้างทางนี่แหละ ยืนชูป้ายข้อความ ยืนชูสามนิ้ว โบกไม้โบกมือ เป็นสัญลักษณ์ยืนส่งกำลังใจ ...เพราะว่านี่เป็นการแสดงออกของประชาชนโดยเปิดเผยและสันติ ขอเชิญชวนประชาชนที่อยู่ในเส้นทางเหล่านี้… มาสู้ด้วยกัน มาแสดงพลังด้วยกัน" 

"คาร์ปาร์กของเรายังรอพลังของพี่น้องประชาชนจำนวนอีกมากมาย จับมือกัน ยืนเคียงข้างกัน ที่จะทำให้ความเคลื่อนไหวแสดงพลังขับไล่พลเอก ประยุทธ์ ประสบผลเป็นจริงให้ได้ คงไม่ใช่หนังม้วนสุดท้าย แต่พรุ่งนี้จะเป็นการแสดงพลังครั้งใหญ่ คาร์ม็อบ คาร์ปาร์ก จนกว่าพลเอกประยุทธ์ จะคาที่ นั่นหมายความว่า พลังจากพรุ่งนี้จะมีการยกระดับ และเคลื่อนไหวต่อ และก็ยกระดับเคลื่อนไหวกันต่อ” ณัฐวุฒิ กล่าว 

ทั้งนี้ สำหรับประชาชนไม่สะดวกมาร่วมกิจกรรมคาร์ปาร์ก สามารถติดตามถ่ายทอดสดออนไลน์ได้ที่เพจเฟซบุ๊ก ยูดีดีนิวส์ (UDD news) และช่องยูทูปยูดีดีนิวส์ (UDD news) 

ความกังวลต่อเหตุเผชิญหน้า

สำหรับประชาชนที่ยังกังวลเรื่องสถานการณ์ความรุนแรงวันพรุ่งนี้ (15 ส.ค.) เนื่องจากตลอดสัปดาห์นี้มีเหตุเผชิญหน้าระหว่างเจ้าหน้าที่ควบคุมฝูงชน และประชาชนแทบทุกวัน 

ณัฐวุฒิ กล่าวถึงประเด็นนี้ว่า จะพยายามอย่างดีที่สุด เต็มกำลังความสามารถที่จะให้คาร์ปาร์ก ในวันพรุ่งนี้เริ่มต้นและจบลงตามกรอบเวลา บรรลุวัตถุประสงค์ และก็ไม่เกิดสถานการณ์ความรุนแรงบานปลาย แต่แน่นอนที่สุด ถ้าเกิดสถานการณ์รุนแรง เจ้าหน้าที่รัฐต้องรับผิดชอบ 

พร้อมกันนี้ แกนนำ นปช. ตั้งข้อสังเกตุว่า เจ้าหน้าที่ควบคุมฝูงชนส่วนหน้า กระทำการแต่ละวันดูหนักข้อขึ้นทุกที สมัย 10 ปีที่แล้ว ก็เผชิญหนักกว่านี้หลายเท่า เจอทหาร เจอกระสุนจริง รัฐบาลประกาศเขตกระสุนจริง มีการยิงจากปืนติดกล้องมาจากบนตึกสูง 

นั่นทำให้ ณัฐวุฒิ มีมุมมองตรงกันในทีมงานจัดกิจกรรมว่า สถานการณ์วันนี้ไม่ควรเดินไปทางนั้น อย่างไรก็ตาม การแสดงความเห็นดังกล่าวไม่มีเจตนาก้าวก่ายแนวทางการต่อสู้ของคนรุ่นใหม่ ซ้ำยังเคารพความใจสู้ ไม่กลัวเจ็บ กลัวเหนื่อยของพวกเขา แต่ตนก็อยากนำเสนอแนวทางใหม่ด้านการต่อสู้ในเชิงสันธิวิธี เนื่องจากมองว่า ขณะนี้กำลังของประชาชนสู้กำลังของเจ้าหน้าที่รัฐไม่ไหว

“การเผชิญหน้ากันมาหลายๆ วัน มันก็อาจจะถึงเวลาที่น้องๆ จะได้ สรุปถอดบทเรียน ทบทวนแนวทาง กันบ้างหรือไม่ เผื่อจะพบแนวทางที่ดีกว่า คืบหน้าได้ดีกว่า ตอบโจทย์กับสถานการณ์ความเป็นจริงได้ชัดกว่า” แกนนำ นปช. กล่าว 

สุดท้ายนั้น การเลือกเส้นทางสันติวิธี จะทำให้คนทุกรุ่นทุกวัยสามารถเข้าร่วมแสดงพลังไม่เอารัฐบาลประยุทธ์ได้ด้วย 

"ต้อนรับทุกฝ่ายทุกเพศทุกวัย วันนี้เอาหลักการประชาธิปไตยเป็นที่ตั้ง คนยืนอยู่บนหลักการนี้นี่คือการต่อสู้ของเราทุกคนร่วมกัน จะเป็นสลิ่มกลับใจเคยเป่านกหวีดมาก่อน เอาหลักการนี้ หันหน้าไปทางเดียวกัน ก็มายืนเคียงข้าง" ณัฐวุฒิ กล่าว
 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net