เมื่อวันที่ 14 ส.ค. 2564 เวลาประมาณ 17.30 น. กลุ่มลำพูนปลดแอกได้จัดกิจกรรม #ลำพูนมูเตลู พลังโยนีปราบมาร ภายในงานมีการกล่าวกลอนเปิดพิธีที่มีเนื้อหาดังต่อไปนี้ “ดาวเด่นประดับฟ้า ยังลงมาย่ำเดินดิน ด้วยพื้นจะพังภินท์ เพราะคนครองด้วยดินดำ เปรี้ยงเปรี้ยง! ผะผ่าวร้อน จากสองกรสยอนยำ ภาษีประชาทำ แล้วใครเล่าเอาโปรยปราย ดารางามสง่าอันทาบทาประดับกาย รู้ไหม! ดาวที่พราย ล้วนศพชาติปัญญาชน เกียรติยศลูกผู้ชาย เพียงเสื้อลายได้ครองตน สำนึกสามัญยล อยู่แห่งไหน?, อันใดฤๅ? นี่หรือ! ผู้ปกป้อง คนเรียกร้องทำไขสือ อำนาจอยู่ในมือ ใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย ประชาเหลือแต่ซาก ทิ้งมูลหมากไว้กันตาย ผลักไสให้อับอาย แล้วรอคาบจิกทึ้งกิน กูมาเพื่อต่อสู้ ให้มันรู้เราทั้งสิ้น ไม่เอายุคทมิฬ ที่มอบให้ด้วยควันปืน กี่ปีหรือกี่ชาติ จะประกาศและหยัดยืน ต่อสู้จนสุดฝืน แม้นล้มครืนจะเดินไป โลกนี้ต้องจารึก คำนึงนึกนิรันดร์ไกล "ว่ากูนั้นคือไท ไม่ใช่ทาสของพวกมึง" (ผู้แต่ง:กรัณย์กร ธิติเวศสกุล)

ต่อจากนั้นมีการสวดเพื่อสร้างสิริมงคลให้แก่การเริ่มต้นพิธีฟ้อนชุมนุมเทวดา ฟ้องประชาสู้ทรราช ซึ่งบทสวดมีเนื้อหาว่า “สาธุ สาธุ โอกาสะ ข้าแด่เทพดาทุกสัณฐานทั่วหน้า ที่เลียบเล็งแหล่งหล้าเมืองฅน อันมีเจ้าหลวงฅำแดงเปนเค้าเปนประธาน จุ่งไขประตูวิมานทังหลาย หื้อผีตายพรายผีบ้านผีเมือง หมายมีจอมเจื่องเจ้าอินทา พิสสะหนูพรหมาปรไมยไอสวร ภุมมะเทวดา รุกขเทวดา ปัพพะตะเทวดา อากาสะเทวดา จุ๊ซาวหกห้องฟ้าเมืองสวรรค์ อีกท้าวจตุโลกบาลแลเทวบุตรโหลงทังสี่ พร้อมนางนาฏไธ้ธรณีมาเปนพยาน พระญาอีสานแลปัชชุณณ์ตนผาเสริฐ ล้ำเลิศยมราชาตาเคียวตนองอาจ สิริคุตตอามาตย์ก็มา อันพระรสีทังสี่ตนอยู่รักษาวัดพระคง นางอนงค์จามเทวีเจ้าช้างตนวิเศษ อีกสี่สิบสองเพศขะษัตรา ที่ปกปักรักษาพระธาตุเจ้า สุรชาโตเข้าประตูหนวันตก ไชยยะภุมโมปกประตูหนใต้ สุรขิโตไซร้อยู่ประตูหนวันออก คันธรชิโตพอกมาประตูหนเหนือ เจือริทธีอำนาจยักขกุมภัณฑะทังสี่ อันมีชื่อว่า สาตาคีรี ทีฆรฏะ พุทธยักข์แลอินทา อยู่รักษาแจ่งหัวเมืองหละปูน ผีเสื้อเมืองขุนอยู่ประตูช้างสี ผีเสื้อน้ำที่ประตูท่านาง กู่ช้างกู่ไก่ทางเหนือ เจ้าร่มขาวทางใต้ พระญามังรายราชเจ้าตนใหญ่ยศ เจ้าสุริโยเทโฆผากฏในเวียง

หื้อมาจัดการตราบต่อเท้าเสียงนันอานนท์หงาย สุริยาทังเจ็ดยวายยวะหยวาดอัคคีเผาภพ ตระหลบพื้นธัวระณี เปนที่ฝังกลบหน้าหมู่เดรัจฉาน สันดานหยาบช้าบ่ดี หื้อไปตกอเวจีแผ่นกว้าง พระญาช้างม้าตีนใหญ่ย่ำติดดินตาย หลาวเหล็กร้ายสวนทวารสุดปาก ผีห่าจุ่งลากมันไป ผีโพงพรายจุ่งจกตับไส้กินสมอง หื้อเหิดหุยร้องในดงรี เสือสิงห์หมีต้องปะพบ หื้อตะปบกินร่าง อย่างมันลักเอาสินทรัพย์แลภาษี หื้อเงินทองในกระเะาะมันมีกลายเปนจักรกรดตัดสังหาร กินน้ำหวานก็หื้อเปนรุ้งแร้งกาเหยี่ยว กินข้าวจ้าวข้าวเหนียวหื้อเปนเปลวเพลิงเผา ทึงลูกเต้าแลเหลนหลาน ที่สันดานหยาบร้าย หื้อตายวายฉิบหายบ่ได้มาเกิด ไปผาเสริฐในชาติอสูร กินมูลขี้หมาเปนอาหาร ต่างเอาไม้คานบุบหัว กระสุนควันมัวกล้าแกร่ง จุ่งทะลุฝังแทงไว้ในอ่องออ ด้วยการบ่คึดผ่อประราษฎร์ หื้อแหวกว่ายวาดเวียนวนในหม้อนารกทองแดง ร้อยปีอย่าได้ขึ้น มีพันพระเจ้าก็ขออย่าฟึกฟื้นคืนมา เล็บดาบเคียวฟันในโลกันตะหินผา แม้นกายาเหวอะแหวะ หื้อหนอนแมงแทะขบกาย นิรยบาลผุยผายเกลือพริก คันอยู่ในนารกไปปิ๊กเสี้ยงแล้ว ก็ขอหื้อไปเกิด ถือเอากำเนิดเปนเปรตเถ้าอยากอาหาร เปนบริวารผีป่าบ้าตาวอด ฮอดเทิงพยาธิร้ายทังหลายจุ่งตกแต่มันแลญาติพี่น้องวงศ์กระกูล จุ่งหื้อผากฏตามที่อ้างวาจาดั่งอั้น หื้อเปนไปตามมัคคธะภาษาบาลีว่า มรณํ ภเวเต มรณํ ภเว เต มรณํ ภเว เต (แปล : อันว่าความตายจงมีแก่ "มึง")”

ทั้งบทสวดและกลอนที่มีเนื้อหาเสียดสีการเมืองในปัจจุบันแล้ว ยังมีการประกอบพิธีกรรมร่ายฟ้อนล้านนา “สนั่นฟ้าเฟือนดิน”ที่เป็นการร่ายฟ้อนเพื่ออัญเชิญสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้ช่วยปกป้องเพนกวิน อานนท์ และนักเคลื่อนไหวทางการเมืองทุกคนที่ถูกคุมขังทางการเมืองทุกคนให้ปลอดภัยแคล้วคลาดจากหมู่มารร้าย  ต่อมาในพิธีกรรมร่ายฟ้อนล้านนา “พลิกดินคว่ำฟ้าชะตาดับ”ที่เป็นการฟ้อนดาบทางล้านนาที่มีการใช้ดาบฟันบริเวณศีรษะของหุ่นจำลองของนายประยุทธ์ จันทร์โอชา และมีความเชื่อว่า เป็นการร่ายฟ้อนอันเชิญผีเพื่อขอความวิบัติให้แก่ผู้ที่รีดไถ่บนความทุกข์ยากของประชาชนให้มีอันเป็นไปในชีวิต นอกจากนั้นยังมีกิจกรรมพลังโยนีปราบมาร ที่มีการนำความเชื่อและประวัติศาสตร์ท้องถิ่นที่มีความเชื่อเรื่อง “ตำนานใบพลูเสียบอวัยวะเพศ ไม้เด็ดพระนางจามเทวี เรื่องกระแสรองที่อาจเลือนหาย” โดย เมฆา วิรฬหก ( เว็บไซต์: ศิลปวัฒนธรรม, 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561) สรุปว่า ตำนานที่พระนางจามเทวีใช้กลอุบายด้วยการใช้ใบพูลสอดเข้าไปในอวัยวะเพศหญิง ซึ่งเป็นบริเวณที่มีความเชื่อว่าเป็นของสกปรก เนื่องจากมีประจำเดือน เพื่อทำลายวิชาอาคมของขุนหลวงวิลังคะ ดังนั้นผู้เข้าร่วมทางการเมืองท่านหนึ่งกล่าวไว้ว่า “พรุ่งนี้จะมีกิจกรรมทางการเมืองเกิดขึ้นที่กรุงเทพฯ หลายแห่ง กิจกรรมที่ลำพูนวันนี้จึงเป็นพิธีกรรมที่เป็นความเชื่อพื้นถิ่นของชาวหละปูนเป็นพิธีกรรมขอให้เทวดาเปิดทางให้แก่ม็อบที่กรุงเทพฯในวันพรุ่งนี้ให้ปลอดภัย และใครที่คิดร้ายกับบ้านเมืองที่หากินบนความเป็นความตายของประชาชนโดยเฉพาะในเรื่องของวัคซีน ซึ่งพิธีพื้นถิ่นเช่นนี้เป็นวิธีที่พระนางจามเทวีชนะขุนหลวงวิลังคะมาแล้ว ครั้งนี้เราก็อาจจะช่วยให้กำลังแก่พี่น้องร่วมอุดมการณ์ที่กรุงเทพได้อีกหนึ่งทาง เพราะเราเป็นประชาชนไม่มีอาวุธอะไร พิธีกรรมและความเชื่อจึงกลายเป็นอาวุธเดียวที่มีอยู่”

นอกจากนั้นส่วนหนึ่งของผู้เข้าร่วมทางการเมืองให้เหตุผลในการเข้าร่วมทางการเมืองครั้งนี้ว่า “เห็นว่ารัฐบาลชุดนี้ตลอด 7 ปี ที่ไม่สามารถบริหารประเทศได้ และเห็นปรากฎการณ์ที่คนรุ่นใหม่ตื่นตัวทางการเมืองสูงขึ้น จริงๆ ช่วงอายุประมาณผม 35 ปี มันคือช่วงอายุของการสร้างอนาคต เลยทำให้ตัดสินใจเข้าร่วมทางการเมือง” เยาวชนท่านหนึ่งกล่าวว่า “ที่บ้านทำธุรกิจ พอรัฐบริหารจัดการไม่ดี ทำให้เจ๊งค่ะพูดตรงๆ รายได้ลดลงเรื่อยๆ จนเจ๊งปิดกิจการ จนตอนนี้ครอบครัวก็เริ่มไม่มีตัง ตอนนี้แม่ก็หาเงินอยู่คนเดียวก็ไม่ได้ของของอะไร ก็เลยมาไล่ประยุทธ์ เพราะว่า I(ไอ)ประยุทธ์บริหารไม่ดี วัคซีนก็มาช้า ถ้าวัคซีนมาเร็วกว่านี้โควิคก็คงไม่ยาวถึงปีนี้ เพราะว่ารัฐบาลผูกขาดวัคซีนทำให้โควิดไม่หายไป ทั้งที่ประเทศอื่นเริ่มดีขึ้นแล้ว”

และท้ายที่สุดผู้เข้าร่วมทางการเมืองที่มีภารกิจทั้งการเป็นแม่และประชาชนกล่าวว่า “การเข้าร่วมทางการเมืองเป็นภารกิจของประชาชน ซึ่งไม่ว่าคุณเป็นใคร คุณจะไม่สามารถทำอะไรได้เลย ฉะนั้นมันจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องเปลี่ยนแปลงทางการเมือง อีกอย่างหนึ่งพอเราเป็นมนุษย์แม่ เรารู้ว่ามันมีโอกาสอยู่ในโลกนี้เยอะแยะมากมาย แต่ลูกเรากำลังเติบโตมาในที่ที่ปิดโอกาสทุกอย่าง แบบเรียนทุกอย่างของลูกเรา เค้าใส่อะไรให้ลูกเราบ้าง ถึงแม้เราจะรู้ว่า สื่อข้างนอกจะไม่ทำให้ลูกเราถูกล้างสมอง แต่เราก็คิดว่ามันไม่น่าจะใช่สิ่งที่เหมาะกับการเจริญเติบโตของเด็ก” ซึ่งนอกจากคุณแม่ท่านนี้ แม่ของเพนกวินหรือแม่สุรีย์รัตน์ ชิวารักษ์ ได้ส่งรูปตนเองแม่ถือใบพูลและชูสามนิ้วที่เข้าร่วม #พลังโยนีพิฆาตออนไลน์ กับทางกลุ่มลำพูนปลดแอกอีกด้วย