Skip to main content
sharethis

'รุ้ง' ปนัสยา สมาชิกแนวร่วม มธ. และ 'แหวน' ณัฎฐธิดา มีวังปลา ตัวแทนพยาบาลภาคสนาม ยื่น จม.เปิดผนึกที่กระทรวงยุติธรรม แนะมาตรการการจัดการโควิด-19 ในเรือนจำ 10 ข้อ หลังมีข่าวนักกิจกรรมที่ถูกฝากขังที่เรือนจำชั่วคราวรังสิต ถูกตรวจพบว่ามีเชื้อโควิด 3 ราย

รุ้ง ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล สมาชิกแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม
 

สืบเนื่องจากเพจเฟซบุ๊กกลุ่มสาธารณะ “แนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม” โพสต์ข้อความเมื่อวันที่ 18 ส.ค. 64 ระบุว่า วันที่ 19 สิงหาคม ทางแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม พร้อมด้วย หน่วยปฐมพยาบาลภาคสนาม First aid volunteers 53 จะไปยื่นจดหมายเปิดผนึก และยื่นข้อเรียกร้องเกี่ยวกับมาตรการจัดการโควิด-19 ในเรือนจำ ที่กระทรวงยุติธรรม เรือนจำพิเศษกรุงเทพ และโรงพยาบาลราชทัณฑ์ ตามลำดับ โดยเริ่มที่กระทรวงยุติธรรม เวลา 9.00 น.  

19 ส.ค. 64 จากการถ่ายทอดสดผ่านช่องทางโซเชียลมีเดีย ‘เฟซบุ๊ก’ ของสำนักข่าว The Reporters พบว่าวันนี้ (19 ส.ค.) เวลา 9.30 น. ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือรุ้ง สมาชิกแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม และณัฎฐธิดา มีวังปลา หรือแหวน ตัวแทนพยาบาลกลุ่ม ‘First aid volunteers 53’ เดินทางมาที่กระทรวงยุติธรรม เพื่อยื่นจดหมายเปิดผนึกเสนอ มาตรการการจัดการโควิด-19 ในเรือนจำ จำนวน 10 ข้อ โดยมี วัลลภ นาคบัว รองปลัดกระทรวงยุติธรรม และเป็นโฆษกกระทรวงยุติธรรม เป็นผู้รับหนังสือ

รายละเอียดในจดหมายเปิดผนึกมีดังนี้

เรื่อง เรียกร้องให้มีมาตรการจัดการโรคระบาดโคโรนาไวรัส-2019 เพื่อลดจำนวนผู้ติดเชื้อในเรือนจำ และทัณฑ
สถาน


เนื่องจากสถานการณ์การระบาดของโรคโคโรนาไวรัส-2019 ที่ได้มีการแพร่ระบาดหนักทำให้มีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมากในช่วงเวลานี้ ซึ่งในปัจจุบันเรือนจำ และทัณฑสถานอันเป็นสถานที่ที่มีการรวมตัวกันของผู้ต้องขังอย่างแออัด อีกทั้งยังขาดแคลนอุปกรณ์ในการป้องกัน และตรวจคัดกรองผู้ติดเชื้อ ซึ่งเป็นการสะเพร่าและบกพร่องต่อหน้าที่เป็นอย่างมากและไม่อาจรับได้ในสถานการณ์วิกฤติเช่นนี้จนทำให้เรือนจำและทัณฑสถานกลายเป็นคลัสเตอร์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และจวบจนถึงปัจจุบันที่ทางกระทรวงยุติธรรม กรมราชทัณฑ์ก็ไม่สามารถระงับการแพร่ระบาดได้และด้วยมาตรการที่หละหลวมทำให้ผู้ต้องขังเข้าใหม่ติดเชื้อไวรัสโคโรน่า-2019 จากภายในเรือนจำเพิ่มอีก ด้วยเหตุผลตามที่ได้กล่าวไปข้างต้นนี้แนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม และหน่วยปฐมพยาบาลภาคสนาม First aid volunteer 53 จึงมีข้อเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องปฏิบัติดังต่อไปนี้ 

1.ให้มีการในการตรวจเพื่อคัดกรองผู้ต้องหาก่อนเข้าเรือนจำ และทัณฑสถานทุกกรณี พร้อมทั้งออกเอกสารรับรองการตรวจโควิดให้กับผู้ต้องขังแรกเข้า โดยให้ญาติสามารถนำเอกสารนี้ออกมาเผยแพร่ได้ เพื่อความโปร่งใส และหากตรวจพบว่าผู้ต้องหาได้รับการติดเชื้อให้ผู้ต้องขังเข้าถึงการรักษาโดยทันทีอย่างเร่งด่วน

2.ให้คัดแยกกลุ่มเสี่ยงที่มีประวัติสัมผัสผู้ติดเชื้อหรือเคยเดินทางไปในบริเวณที่มีความเสี่ยงเพื่อเฝ้าระวังอาการเป็นกรณีพิเศษ

3.มาตรการป้องกันไวรัสโควิด-19 ในเรือนจำ และทัณฑสถาน ต้องเป็นไปตามมาตรฐานเดียวกันกับหลักสากลในการป้องกันไวรัสโควิด-19 ตามองค์กรอนามัยโลก (WHO) ไม่ว่าจะเป็นในแง่ของการควบคุมและป้องกันการติดเชื้อไวรัสโควิด-19, การควบคุมแหล่งแพร่เชื้อ พร้อมกับมีการจัดระบบบริหารจัดการด้านการควบคุมและป้องกันการติดเชื้ออย่างเป็นระบบ

4.เรือนจำ และทัณฑสถานทุกแห่งต้องมีการสนับสนุนอุปกรณ์การป้องกัน และตรวจหาเชื้อโคโรนาไวรัส-2019 เป็นต้นว่า หน้ากากอนามัย เจลล้างมือ และชุดตรวจ Rapid test ในจำนวนที่สอดคล้องกับผู้ต้องขัง และความถี่ที่ต้องใช้งาน

5.ราชทัณฑ์จำเป็นต้องจัดหาและแจกจ่ายหน้ากากอนามัย (แบบที่ใช้ทางการแพทย์) ให้กับผู้ต้องขังทุกคนอย่างน้อยคนละ 30 ชิ้น/เดือน และให้มีเจลแอลกอฮอล์อยู่ในห้องขังทุกห้อง และในพื้นที่ส่วนรวม เพื่อให้ผู้ต้องขังสามารถใช้ล้างมือป้องกันเชื้อได้โดยไม่มีการเก็บค่าใช้จ่ายกับผู้ต้องขัง

6.จัดหาวัคซีนที่มีประสิทธิภาพในการป้องกัน และสร้างภูมิคุ้มกันหมู่เพื่อฉีดให้กับผู้ต้องขัง และ
เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์อย่างทั่วถึง

7.เรือนจำ และทัณฑสถานต้องเปิดเผยข้อมูลทางสุขภาพให้แก่ทนาย และ/หรือญาติผู้ต้องขังให้ญาติของผู้ต้องขังรับทราบอย่างรวดเร็ว โดยห้ามมิให้มีการปิดบัง

8.ในกรณีที่ติดเชื้อ ญาติของผู้ต้องขังต้องสามารถยื่นคำร้องให้นำตัวผู้ต้องขังย้ายไปรักษาใน
สถานพยาบาลอื่นได้ เพื่อประสิทธิภาพสูงสุดในการรักษา

9.ราชทัณฑ์ต้องมีการตรวจหาเชื้อจากเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ทุก 3 วันเป็นอย่างน้อยเพื่อป้องกันการแพร่เชื้อจากเจ้าหน้าที่ที่รับเชื้อจากภายนอกสู่ผู้ต้องขัง และต้องมีเอกสารรับรองทุกครั้ง

10.ศาลจะต้องปฏิบัติตามมาตรการในการลดความแออัดของผู้ต้องขังตามที่ได้เคยออกไว้ เช่น การใส่กำไล EM หรือให้มีการรายงานตัวกับเจ้าหน้าที่คุมประพฤติแทนการคุมขัง ทั้งยังต้องคำนึงถึงสิทธิในการประกันตัวของผู้ต้องหา

สำหรับการยื่นจดหมายเปิดผนึกที่กระทรวงยุติธรรม และจะเดินทางต่อไปทื่เรือนจำพิเศษกรุงเทพ และกรมราชทัณฑ์ ตามลำดับ เกิดขึ้นหลังจากช่วงที่ผ่านมามีการฝากขังนักกิจกรรมการเมือง จากกรณีชุมนุมเรียกร้องปล่อยตัวทีมทะลุฟ้า #ม็อบ2สิงหา ที่หน้ากองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดนภาค 1 จ.ปทุมธานี

ผู้ถูกฝากขังที่อยู่เรือนจำชั่วคราว รังสิต ประกอบด้วย สิริชัย นาถึง หรือนิว, พริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน, พรหมศร วีระธรรมจารี หรือฟ้า, ภาณุพงศ์ จาดนอก หรือไมค์, ธัชพงษ์ แกดำ, แซม ซาแมท, และณัฐชนนท์ ไพโรจน์ ขณะที่ นางสาวปนัดดา สิริมาสกุล หรือ 'ต๋ง เดินทะลุฟ้า' ผู้ถูกฝากขังในกรณีเดียวกัน ถูกฝากขังที่ทัณฑสถานบำบัดหญิงกลาง

แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อ 18 ส.ค.ที่ผ่านมา สำนักข่าวมติชน รายงานว่า นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ นายสิริชัย นาถึง และ นายพรหมศร วีระธรรมจารี สามผู้ถูกฝากขังได้รับการยืนยันว่าติดเชื้อโควิด-19 คาดว่าจากในเรือนจำ เนื่องจากก่อนหน้าจะถูกส่งตัวเข้าเรือนจำ มีการตรวจโควิด-19 ด้วยวิธี Antigen Test Kit แล้ว แต่ไม่พบว่าผู้ถูกฝากขังติดไวรัส 

พรหมศร วีระธรรมจารี หรือฟ้า (ซ้าย) และพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน (ขวา)
 

มติชน รายงานด้วยว่า นายกฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความจากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ระบุ ทำเรื่องขอย้ายตัว นายพริษฐ์ และ นายสิริชัย นาถึง หลังจากพบว่าติดเชื้อโควิด-19 จากรักษาที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ ไปทำการรักษาต่อที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์ เพราะทั้งคู่เป็นนักศึกษาของมหาวิทยาลัย โดยทางโรงพยาบาลได้มีการตอบรับและยินดีรับรักษา แต่ในส่วนของเรือนจำ ยังคงปฏิเสธอยู่ สำหรับอาการของนายพริษฐ์ ล่าสุดคือเริ่มมีไข้

ทั้งนี้ หลังจากยื่นจดหมายที่กระทรวงยุติธรรมแล้ว ทางปนัสยา เดินทางไปยื่น จม.เปิดผนึกที่กรมราชทัณฑ์ และโรงพยาบาลราชทัณฑ์อีกด้วย

เมื่อเวลา 17.05 น. ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน โพสต์ข้อความบนสื่อโซเชียลมีเดีย 'ทวิตเตอร์' ระบุว่า เรือนจำชั่วคราวรังสิต รายงานว่า "แซม สาแมท" ชายไร้สัญชาติ ที่ถูกคุมขังจากคดีร่วมชุมนุม #ม็อบ2สิงหา เรียกร้องปล่อยตัวทีมทะลุฟ้า ตรวจพบเชื้อโควิด-19 เจ้าหน้าที่จึงได้ย้ายไปที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ในวันนี้ (19 ส.ค.)

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net