การล่วงละเมิดทางเพศที่ 'อาลีบาบา' ภาพสะท้อนปัญหาที่ฝังรากลึกในจีน ที่บริษัทต่าง ๆ มักจะให้คำมั่นสัญญาว่าจะเปลี่ยนแปลงหลังจากกรณีล่วงละเมิดทางเพศถูกเปิดเผยต่อสาธารณะแล้ว ทั้งที่ควรสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ปกป้องคนทำงานอย่างมีประสิทธิภาพไว้เนิ่น ๆ เสียก่อน
การล่วงละเมิดทางเพศในที่ทำงานเป็นปัญหาที่ฝังรากลึกในทุกภาคส่วนและทุกอาชีพในประเทศจีน ตั้งแต่อุตสาหกรรมไฮเทคไปจนถึงโรงงาน สถาบันการศึกษา สื่อ หรือแม้กระทั่งภาคประชาสังคม | ที่มาภาพประกอบ: mohamed_hassan (Pixabay License)
แม้ 'อาลีบาบา' (Alibaba) ยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีให้คำมั่นว่าจะเปลี่ยนแปลงนโยบายการล่วงละเมิดทางเพศ หลังจากพนักงานหญิงรายหนึ่งได้โพสต์ข้อความลงบนอินทราเน็ตของบริษัท ว่าเธอถูกผู้จัดการข่มขืนระหว่างเดินทางไปติดต่อธุรกิจ ส่งผลให้เกิดการโต้กลับอย่างรุนแรงต่อบริษัทบนโซเชียลมีเดีย ต่อมาอาลีบาบาได้เลิกจ้างผู้จัดการที่ถูกกล่าวหา และหัวหน้างานอีก 2 คน ที่เพิกเฉยต่อกรณีที่เกิดขึ้นลาออกแล้ว เมื่อช่วงเดือน ส.ค. 2564 ที่ผ่านมา
ผู้บริการของอาลีบาบาระบุในจดหมายชี้แจงผลการสอบสวนภายในของบริษัทต่อพนักงาน ระบุว่าผู้จัดการคนดังกล่าวยอมรับสารภาพว่าก่อเหตุจริง ในระหว่างที่พนักงานหญิงอยู่ในอาการเมาสุราที่โรงแรม ผู้เสียหายเล่าว่าผู้จัดการรายนี้พยายามบีบให้ตนเดินทางไปเป็นเพื่อนในการพบปะลูกค้าต่างเมือง ทั้งยังสั่งให้ตนดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์โดยเหตุเกิดตั้งแต่ช่วงปลายเดือน ก.ค. 2564
หลังเดินทางกลับมายังสำนักงานใหญ่ เธอได้นำเรื่องดังกล่าวเข้ารายงานกับฝ่ายบุคคลและหัวหน้างาน พร้อมขอให้ฝ่ายบุคคลเลิกจ้างผู้จัดการที่ก่อเหตุขึ้น โดยช่วงแรกฝ่ายบุคคลตกลงตามที่ตนขอไว้ แต่เรื่องก็เงียบไปไม่มีความคืบหน้า เธอจึงได้โพสต์ข้อความลงบนอินทราเน็ตของบริษัท
ในการชี้แจงของอาลีบาบา ระบุว่าในกรณีนี้กระบวนการที่เกิดขึ้นของฝ่ายบุคคลนั้นไม่ได้ให้ความใส่ใจต่อพนักงานอย่างเพียงพอรวมทั้งทีมรับมือเหตุฉุกเฉินนั้นไม่ได้มีส่วนร่วม ส่งผลให้เกิดการตัดสินใจผิดพลาดอย่างร้ายแรง
ปัญหาที่ฝังรากลึก
ในปี 2561 มีการเปิดเผยแบบสอบถามพนักงานหญิงจีนที่ทำงานในเมืองใหญ่ พบว่า 87 คน จากทั้งหมด 106 คน ระบุว่ามีประสบการณ์การถูกล่วงละเมิดทางเพศในที่ทำงานเองโดยตรง | ที่มาภาพประกอบ: 搜狐
สื่อ China Labour Bulletin (CLB) ที่เกาะติดประเด็นแรงงานในจีน ระบุว่ากรณีนี้ได้กลายเป็นหัวข้อข่าวไปทั่วโลกเนื่องจากชื่อเสียงของบริษัทอาลีบาบา แต่การล่วงละเมิดทางเพศในที่ทำงานเป็นปัญหาที่ฝังรากลึกในทุกภาคส่วนและทุกอาชีพในประเทศจีน ตั้งแต่อุตสาหกรรมไฮเทคไปจนถึงโรงงาน สถาบันการศึกษา สื่อ หรือแม้กระทั่งภาคประชาสังคม
ส่วนใหญ่บริษัทต่าง ๆ ในจีนมักจะให้คำมั่นสัญญาว่าจะเปลี่ยนแปลงหลังจากกรณีการล่วงละเมิดทางเพศถูกเปิดเผยต่อสาธารณะแล้ว ทั้งที่ควรสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ปกป้องคนทำงานอย่างมีประสิทธิภาพไว้เนิ่น ๆ เสียก่อน
การตอบสนองของบริษัทในจีนต่อข้อกล่าวหาเรื่องการล่วงละเมิดนั้น ส่วนใหญ่เน้นไปที่การนิ่งเฉยและการกล่าวโทษเหยื่อมากกว่าที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้าง ตัวอย่างเช่นในปี 2561 ขับรถแท็กซี่ Didi ได้ก่อเหตุข่มขืนและฆ่าผู้โดยสารหญิงก่อนนำศพโยนทิ้งหน้าผา เหตุการณ์นี้ทำให้เกิดกระแสความไม่พอใจและวิพากษ์วิจารณ์บริษัท Didi จนทำให้บริษัทต้องปรับปรุงนโยบายเกี่ยวกับความปลอดภัย
สถาบันวิจัยเรื่องเพศและเพศของมหาวิทยาลัยเหรินหมินแห่งประเทศจีนได้ทำการสุ่มตัวอย่างสี่สุ่มตัวอย่างในหมู่ประชากรในประเทศในปี 2543, 2549, 2553 และ 2558 ตามลำดับ จากสถิติพบว่าสัดส่วนของผู้หญิงที่ถูกล่วงละเมิดทางเพศอยู่ที่ร้อยละ 21.2, 35.1, 29.9 และ 22.5 ตามลำดับ
ในปี 2561 มีการเปิดเผยแบบสอบถามพนักงานหญิงจีนที่ทำงานในเมืองใหญ่ พบว่า 87 คน จากทั้งหมด 106 คน ของผู้ตอบแบบสอบถามมีประสบการณ์การถูกล่วงละเมิดทางเพศในที่ทำงานเองโดยตรง, 40 คน เคยได้ยินเพื่อนร่วมงานหรือเพื่อนพูดถึงประสบการณ์ส่วนตัวที่ถูกล่วงละเมิด, เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบ่อยที่สุดคือการถูกล่วงละเมิดโดยผู้บังคับบัญชา
ในที่ทำงานความเหลื่อมล้ำทางเพศมีความรุนแรงขึ้น ตามรายงานช่องว่างระหว่างเพศทั่วโลกปี 2564 (Global Gender Gap Report 2021) จีนอยู่ในอันดับที่ 132 จาก 156 ประเทศ ผู้หญิงคิดเป็นสัดส่วนเพียงร้อยละ 16.8 ของสมาชิกสภานิติบัญญัติ เจ้าหน้าที่อาวุโส และผู้บริหารในประเทศจีน มีบริษัทเพียงร้อยละ 17.5 เท่านั้นที่มีผู้จัดการอาวุโสที่เป็นผู้หญิง เนื่องจากผู้ชายมักดำรงตำแหน่งผู้บริหารและผู้หญิงมักจะมีบทบาทสนับสนุนเท่านั้น ผู้หญิงที่ตกเป็นเหยื่อจึงต้องเผชิญกับอุปสรรคเมื่อขอความช่วยเหลือ
กรณีที่อาลีบาบาแสดงให้เห็นความพยายามที่จะแสวงหาความยุติธรรมภายในองค์กรธุรกิจจีนนั้น มักจะถูกขัดขวางและมีความล่าช้าเป็นอย่างยิ่ง
ตั้งแต่ปี 2548 เป็นต้นมา จีนได้แก้ไขกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองสิทธิสตรี โดยมีมาตราที่ว่า "นายจ้างควรใช้มาตรการเพื่อป้องกันการล่วงละเมิดทางเพศในที่ทำงาน" รวมอยู่ด้วย แต่ในระหว่างการพิจารณาของสภานิติบัญญัติ มีความเห็นว่า "คำถามเช่นว่าการล่วงละเมิดทางเพศจำกัดในสถานที่ทำงานหรือไม่ และมาตรการป้องกันใดที่นายจ้างควรนำมาใช้นั้นค่อนข้างซับซ้อนและจำเป็นต้องศึกษาเพิ่มเติม" ท้ายสุดมาตรานี้ก็ถูกตัดออกไปจากกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองสิทธิสตรี ต่อมาในปี 2563 มีการประกาศใช้ประมวลกฎหมายแพ่งฉบับแก้ไข ที่ได้รวมความผิดเกี่ยวกับ "การล่วงละเมิดทางเพศ" ไว้ด้วย
ทั้งนี้การล่วงละเมิดทางเพศอาจเป็นอาชญากรรมของการข่มขืนหรือการใช้กำลังอนาจารและการดูถูก ซึ่งกำหนดไว้อย่างชัดเจนในกฎหมายอาญาของจีน อย่างไรก็ตาม การล่วงละเมิดทางเพศไม่มีคำจำกัดความที่ชัดเจนภายใต้กฎหมายจีน กรณีทั่วไปที่เกี่ยวข้องกับการล่วงละเมิดทางเพศ ได้แก่ พฤติกรรมที่มีความหมายทางเพศ ความประพฤติที่ทำให้ผู้อื่นรู้สึกรังเกียจและ/หรือรู้สึกไม่สบายใจทางจิตใจ หรือการกระทำที่นอกเหนือไปจากการเกี้ยวพาราสีที่ยอมรับกันโดยทั่วไประหว่างชายและหญิงที่ยังไม่ได้แต่งงาน
CLB ยังระบุว่ากฎหมายคุ้มครองคนทำงานหญิงในประเทศจีนนั้นมักจะไม่ค่อยมีประสิทธิภาพในการบังคับใช้ โดยเฉพาะประเด็นการล่วงละเมิดทางเพศในที่ทำงานด้วยเช่นกัน ถึงแม้เหยื่อจะสามารถชนะคดีความ แต่กลับพบว่าบทลงโทษผู้กระทำความผิดนั้นเบามาก ตัวอย่างคำตัดสินของศาลในเมืองเฉิงตูเมื่อปี 2563 ศาลตัดสินให้ผู้จัดการที่มีความผิดฐานล่วงละเมิดทางเพศขอโทษเหยื่อของเขาเพียงเท่านั้น
ที่มาเรียบเรียงจาก
Alibaba to sack manager accused of rape, according to memo seen by BBC (Peter Hoskins, BBC, 9 August 2021)
Alibaba employee's stand shows failure of corporate anti-harassment policies (China Labour Bulletin, 12 August 2021)
"การล่วงละเมิดทางเพศ" ในกฎหมายของจีน (กั่วตงดู 杜国栋, China Justice Observer, 11 July 2021)
ศาลจีนระบุสถานที่ทำงานล่วงละเมิดทางเพศได้อย่างไร? (เมิ่งหยู่ 余萌, China Justice Observer, 15 August 2021)