Skip to main content
sharethis

กลุ่มไทยไม่ทนและภาคประชาชนแถลงจัดอภิปรายไม่ไว้วางใจนอกสภา ข้อเรียกร้องต่อ ส.ส. โหวตเพื่อการเปลี่ยนแปลง 'ประธาน กก.ญาติวีรชนพฤษภา 35' ร้องใช้ศึกซักฟอกรัฐบาล ถอดถุงดำบนหัวคนไทย พาประเทศพ้นกับดัก 'ระบอบประยุทธ์'

30 ส.ค.2564 Thai Intelligence Agency รายงานว่า วันนี้ (30 ส.ค.64) ไทยไม่ทน คณะสามัคคีประชาชนเพื่อประเทศไทย แถลงข่าวข้อเรียกร้องต่อการอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี และการเคลื่อนไหว

อดุลย์ เขียวบริบูรณ์ ประธานคณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา 35 และแกนนำไทยไม่ทน กล่าวเรียกร้อง นักการเมืองใช้เวทีการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล เป็นกลไกในการแก้ปัญหาบ้านเมืองเพื่อยืนยันว่า กลไกรัฐสภาเป็นกลไกแก้ปัญหาในระบบ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและศรัทธาต่อระบบการเมืองให้กับประชาชนไม่เช่นนั้นประชาชนคงจะต้องนำข้อเรียกร้องลงสู่ท้องถนน เมื่อไม่สามารถพึ่งพากลไกในระบบได้

อดุลย์ กล่าวว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาในฐานะหัวหน้ารัฐบาล บริหารประเทศโดยไม่สนใจความเดือดร้อนของประชาชน เพราะคิดว่าตัวเองเข้าสู่อำนาจด้วยอำนาจที่เหนือกว่าประชาชน มาตามครรลองการสืบทอดอำนาจที่สมคบคิดตั้งแต่การรัฐประหาร ปี 2557 ที่ผ่านมาจึงบริหารประเทศโดยยึดประโยชน์ของระบอบประยุทธ์เป็นที่ตั้งไม่สนใจความทุกข์ยากของประชาชน

อดุลย์ กล่าวว่า ข้อกล่าวหา ค้าความตาย-โอหังคลั่งอำนาจ ที่พรรคฝ่ายค้านยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลนั้นไม่ผิดไปจากข้อเท็จจริงแม้แต่นิดเดียว ประเทศต้องเผชิญสถานการณ์ซื้อวัคซีนห่วย ในราคาแพงและต้านไวรัสกลายพันธุ์เดลต้าไม่ได้ ขณะที่วัคซีนยี่ห้ออื่นๆ ก็จัดส่งไม่เป็นไปตามแผนและต้องปล่อยไปตามยถากรรมเพราะไม่สามารถบริหารจัดการเอกชนผู้จำหน่ายได้ ที่ยิ่งร้ายเข้าไปใหญ่ก็คือกรณีการสั่งซื้อชุดตรวจโควิด-19 แอนติเจนเทสต์คิตหรือ ATK จำนวน 8.5 ล้านชุด สำหรับแจกฟรีให้ประชาชน มีความผิดปกติ ทำไมไปซื้อของที่ไม่มีมาตรฐาน และส่อไม่โปร่งใส ใครออกมาทักท้วงหรือแสดงความเห็นต่างก็จะถูกกระบวนการ IO ด้อยค่า คนหนุ่มสาวออกมาเรียกร้องก็ถูกมองเป็นอริราชศัตรู ใช้ทหารแต่งเครื่องแบบตำรวจปราบปราม

ประธานคณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา 35 กล่าวว่า กรณี “ผู้กำกับโจ้” พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล ผกก.สภ.เมืองนครสวรรค์ กับพวกรวม 7 คน ที่ถูกศาลออกหมายจับ ข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา สะท้อนให้เห็นการแสวงหาประโยชน์ภายใต้ระบอบประยุทธ์และความพยายามที่จะปกป้องระบอบนี้ ทุกคนเห็นพฤติกรรมของสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ออกมาแถลงข่าวในลักษณะเป็นการช่วยเหลือ  เพราะหากผู้กำกับโจ้ผิดผลกระทบจะลามมาถึงระบอบประยุทธ์สิ่งเหล่านี้ยืนยันว่า พล.อ.ประยุทธ์ไม่เคยเห็นหัวประชาชน

อดุลย์ กล่าวเรียกร้องพรรคฝ่ายค้านควรทำหน้าที่ตรวจสอบรัฐบาลด้วยข้อมูลที่เป็นจริงและทำอย่างจริงจังไม่ใช่เล่นละครเป็นมวยล้มเพราะมีดีลลับ ขณะที่พรรคร่วมรัฐบาลก็ควรยึดประโยชน์ประเทศชาติ ประชาชน หากข้อมูลฝ่ายค้านแสดงให้เห็นว่ารัฐบาลล้มเหลวในการบริหารอย่างสิ้นเชิงก็ไม่ควรร่วมหัวจมท้าย ช่วยกันปลดพันธนาการ ถอดถุงดำที่ระบอบประยุทธ์ครอบหัวคนไทยมากกว่า 7 ปี เพียงแค่งดออกเสียงเวลาลงมติก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้ประเทศเกิดการเปลี่ยนแปลง ซึ่งมั่นใจว่า จะเป็นการเปิดโอกาสให้ประเทศรอดพ้นจากกับดักของระบอบประยุทธ์ และเป็นการสร้างความเชื่อมั่น ศรัทธา ของประชาชนต่อระบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

เมธา มาสขาว เลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) และแกนนำไทยไม่ทน กล่าวว่า ความคาดหวังของประชาชนในการอภิปรายไม่ไว้วางในนายกรัฐมนตรีในครั้งนี้คือ ประสิทธิภาพของฝ่ายค้าน ที่จะสร้างน้ำหนักในการอภิปรายไม่ไว้วางใจให้แก่สาธารณะเห็นได้มากน้อยเพียงใด และเป็นเหตุผลให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทั้งหลาย ทั้งฝ่ายค้านฝ่ายรัฐบาล ยกมือไม่ไว้วางใจกันถ้วนหน้า

เนื่องจากน้ำหนักที่ชัดเจน จะทำให้ ส.ส.ตัดสินใจยกมือไว้วางใจหรือไม่ไว้วางใจ หากข้อมูลและหลักฐานนั้นชัดเจนมาก ก็คงไม่มี ส.ส.กล้ายกมือไว้วางใจให้อายฟ้าดิน ซึ่งเป็นวัฒนธรรมที่สำคัญชองรัฐสภาไทย และขอให้การอภิปรายครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย ที่จะสามารถเปลี่ยนแปลงทางการเมืองได้ อย่างน้อยเปลี่ยนคนมาบริหารบ้านเมืองที่ล้มเหลวให้มีฟื้นตัวมีลมหายใจตื่นขึ้นมาใหม่ 

อย่างไรก็ตาม สำหรับฉันทามติของสังคม พล.อ.ประยุทธ์ ทรยศต่อความไว้วางใจของประชาชนไปแล้ว เป็นเอกฉันท์ ความล้มเหลวของการบริหารบ้านเมืองเป็นที่ประจักษ์ชัดในการสร้างความขัดแย้งในหมู่ประชาชน การคอร์รัปชั่นอำนาจผูกขาดประเทศด้วย พรก.ฉุกเฉินฯ การผูกขาดเศรษฐกิจเอื้อกลุ่มทุนธุรกิจการเมืองพวกพ้อง ให้สัญญาสัมปทานเอกชนผูกขาดไฟฟ้า และไม่แก้ไขปัญหาทุกจริตใดๆ ในหมู่พรรคร่วม ร่วมถึงร่วมกันใช้สถานการณ์โควิดคร่าชีวิตประชาชนด้วยการเลือกปฏิบัติโดยไร้จริยธรรมใดๆ ในความเป็นนักการเมือง หรือในความเป็นคน

เรื่องที่ต้องแสดงความบริสุทธ์ใจเพียงเล็กน้อย ในการเปิดเผยบัญชีทรัพย์สินที่ ป.ป.ช. ไม่กล้าเปิดเผย พล.อ.ประยุทธ์ และนายวิษณุ ก็ไม่กล้าหาญที่จะทำ เมื่อคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารสั่งให้เปิดแล้ว องค์กรอิสระ ป.ป.ช.ก็ยังไม่กล้าเปิดเผย อ้างว่ากลัวจะโดนฟ้อง ทำให้เจ้าตัวทั้งสองไม่เข้าไปแจ้งความบริสุทธ์ใจ ป.ป.ช. ขอให้เปิดได้และจะไม่ฟ้อง อย่าอ้างกฎหมายคนละฉบับมาคุ้มครองตนเอง เรื่องนี้ความจริงใจอยู่ที่ตนเองด้วย

"การอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ ผมขอร้องต่อพรรคร่วมรัฐบาล โอกาสนี้เปิดบทบาทพระเอกให้ท่านแล้ว จะเลือกสวรรค์หรือนรก โปรดโหวตเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทย ให้พล.อ.ประยุทธ์ กลับไปเลี้ยงลูกเลี้ยงหลานที่บ้านเถิด โอกาสนายกฯ ของพรรคร่วมรัฐบาลของท่านก็ยังมี การแก้ไขรธน.ก็ยังดำเนินหน้าต่อ แต่ถ้าไม่โหวตเพื่อการเปลี่ยนแปลง รธน.ก็แก้ไม่ได้ มันจึงถึงเวลากล่าวคำอำลาและหมดเวลาแล้วครับนาย และหวังว่าสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทุกท่าน อย่าเห็นแก่กล้วยและกลายเป็นมวยล้มต้มคนดูเลย" เลขาธิการ ครป. กล่าว 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net