ศาลฎีกาสั่งจำคุก 'ไชยวัฒน์-อมร-เทิดภูมิ' คดี พธม.ไล่ 'สมัคร' คนละ 1 ปี ข้อหายุยงปลุกปั่น

ศาลฎีกาพิพากษาจำคุก ไชยวัฒน์, อมร และเทิดภูมิคนละ 1 ปี คดีพันธมิตรชุมนุมไล่ "สมัคร" เมื่อปี 51 ข้อหายุยงปลุกปั่น แต่มีเหตุลดโทษให้เหลือคนละ 8 เดือน ทั้งนี้จำเลยที่เหลือศาลให้ยกฟ้องเหตุเป็นฟ้องคดีซ้ำในคดีที่ศาลอื่นมีคำพิพากษาเด็ดขาดไปแล้ว

31 ส.ค.2564 กรุงเทพธุรกิจรายงานว่า ที่ห้องพิจารณาคดี 811 ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก มีนัดอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาคดีที่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ชุมนุมดาวกระจาย ปี 2551 ขับไล่สมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีขณะนั้น โดยศาลมีคำพิพากษาจำคุกจำเลยที่ 7-9 โดยไม่รอลงอาญา

อุทธรณ์พิพากษาแก้ยกฟ้อง 9 อดีตแกนนำพันธมิตรฯ คดีชุมนุมดาวกระจายไล่รัฐบาลสมัครปี 51

ที่มาของคดีนี้ เมื่อวันที่ 3 ธ.ค.2558 พนักอัยการฝ่ายคดีอาญา 5 เป็นโจทก์ฟ้องจำเลยทั้ง 9 คน ได้แก่ พลตรีจำลอง ศรีเมือง, สนธิ ลิ้มทองกุล, พิภพ ธงไชย, สมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์, สมศักดิ์ โกศัยสุข, สุริยะใส กตะศิลา, ไชยวัฒน์ สินสุวงศ์, อมร อมรรัตนานนท์ หรือรัชต์ยุตม์ ศิรโยธินภักดี และเทิดภูมิ ใจดี ร่วมกันเป็นจำเลยในความผิดฐานร่วมกันกระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจาหรือวิธีอื่นใดฯ เพื่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงรัฐบาลโดยใช้กำลังข่มขืนใจหรือใช้กำลังประทุษร้ายเพื่อให้เกิดความปั่นป่วนในหมู่ประชาชนและก่อให้เกิดความไม่สงบขึ้นในราชอาณาจักร, ร่วมกันมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ใช้กำลังประทุษร้ายหรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดความวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง โดยเป็นหัวหน้าหรือเป็นผู้มีหน้าที่สั่งการโดยผู้กระทำคนหนึ่งคนใดมีอาวุธ และเมื่อเจ้าพนักงานสั่งให้เลิกแต่ไม่เลิก ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116, 215, 216

จำเลยทั้ง 9 คน ถูกฟ้องจากกรณีเมื่อ25 พ.ค. 2551 เวลากลางวัน จำเลยทั้ง 9 คนซึ่งเป็นแกนนำ พธม. ได้จัดชุมนุมใหญ่ที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย โดยร่วมกันใช้รถยนต์บรรทุกหกล้อ จำนวน 5 คัน เป็นเวทีปราศรัยเคลื่อนที่ ติดตั้งเครื่องขยายเสียงและลำโพงและมีการเคลื่อนขบวนไปที่ทำเนียบรัฐบาลในเวลากลางคืน แม้จะมีแนวเจ้าหน้าที่ตั้งแนวสกัดไว้แต่ผู้ชุมนุมก็สามารถฝ่าไปได้และตั้งเวทีถาวรจนถึงวันที่ 5 ต.ค.2551 มีการตั้งกองกำลังรักษาความปลอดภัยเรียกว่า “นักรบศรีวิชัย” นอกจากนี้ยังมีการจัดเตรียมเครื่องมือเช่น ไม้เบสบอล หนังสติ๊ก ท่อนเหล็ก เพื่อใช้เป็นอาวุธ ส่อไปในทางที่จะก่อให้เกิดความรุนแรงถึงขนาดก่อความไม่สงบขึ้นในประเทศ อีกทั้งยังมีการชักชวนผู้ชุมนุมหลายหมื่นคนปิดถนนและเคลื่อนที่ไปในลักษณะดาวกระจายเพื่อไปกดดันสถานที่ราชการหลายแห่งเป็นเหตุให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมืองและโรงเรียนหลายต้องหยุดการเรียนการสอนเนื่องจากเกรงว่าจะเกิดความไม่ปลอดภัย

คดีนี้ศาลอาญาอ่านคำพิพากษาเมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2560 ให้ยกฟ้องจำเลยที่ 1 ถึง 6 เนื่องจากเป็นการฟ้องจำเลยซ้ำกับคดี พธม.บุกรุกทำเนียบรัฐบาล หมายเลขดำ อ.4925/2555 ซึ่งศาลพิพากษาให้จำคุกจำเลยที่ 1-6 คนละ 2 ปี อัยการโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง ส่วนไชยวัฒน์ สินสุวงศ์, อมร อมรรัตนานนท์ หรือรัชต์ยุตม์ ศิรโยธินภักดี และเทิดภูมิ ใจดี จำเลยที่ 7 ถึง 9 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 215 แต่เมื่อพิเคราะห์พฤติการณ์แห่งเจตนาคดีและเหตุผล ประกอบอายุ ประวัติ อาชีพ ความประพฤติ การศึกษา อบรมและสุขภาพของจำเลยทั้งสองแล้ว กรณีเห็นควรรอการกำหนดโทษไว้ 2 ปี

ต่อมาอัยการโจทก์ยื่นอุทธรณ์จากนั้นในวันที่ 30 มกราคม 2562 ศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษาออกมาว่าศาลอุทธรณ์เห็นพ้องกับเหตุที่ศาลชั้นต้นยกฟ้องจำเลยที่ 1-6 แต่ในส่วนของจำเลยที่ 7-9 ศาลอุทธรณ์เห็นว่าไม่มีความผิด แม้โจทก์จะยกกรณีการต่อสู้ขัดขวางเจ้าหน้าที่ในการรื้อถอนเวทีและเต็นท์ของผู้ชุมนุม ศาลเห็นว่ากรณีดังกล่าวไม่ได้เริ่มจากผู้ชุมนุม และการตรวจค้นพบเหล็กแป๊บและขวานในพื้นที่หลังผู้ชุมนุมถอยออกไปก็ไม่ได้ค้นจากตัวผู้ชุมนุม มีข้อสงสัยว่าไม่ใช่ของผู้ชุมนุม จึงเป็นการใช้สิทธิชุมนุมโดยสงบตามรัฐธรรมนูญจึงพิพากษาแก้ให้ยกฟ้องทั้งสามด้วย แต่อัยการโจทก์ยังคงยื่นฎีกาขอให้ศาลฎีกาพิพากษาลงโทษจำเลยทั้ง 9 คน

ทั้งนี้กรุงเทพธุรกิจระบุในส่วนของคำพิพากษาศาลฎีกาที่อ่านวันนี้ว่า ศาลฎีกาเห็นพ้องกับคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ในส่วนของจำเลยที่ 1-6 เนื่องจากเป็นการกระทำเดียวกับที่ศาลอื่นมีคำพิพากษาเด็ดขาดแล้วจึงนำมาฟ้องเป็นคดีอีกไม่ได้ แต่ศาลฎีกาแก้คำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ในส่วนของจำเลย 7-9 เนื่องจากเห็นว่ามีการขึ้นปราศรัยเชิญชวนประชาชนให้มาร่วมชุมนุมขับไล่รัฐบาล นอกจากนั้นไชยวัฒน์จำเลยที่ 7ยังเดินทางไปชุมนุมปิดถนนมิตรภาพ จ.นครราชสีมา ส่วนอมร จำเลยที่ 8 นำผู้ชุมนุมไปปิดล้อมที่สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย การกระทำของทั้ง 3 คนเป็นการร่วมชุมนุมที่มีการปิดกั้นจราจร

ศาลฎีกาจึงพิพากษาแก้ให้ลงโทษจำคุกไชยวัฒน์, อมร และเทิดภูมิในฐานความผิดตามมาตรา 116 ซึ่งเป็นบทหนักสุดคนละ 1 ปี แต่มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุกคนละ 8 เดือน โดยไม่รอลงอาญา

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท