Saveบางกลอย ร้อง กสม. สิทธิการประกันตัว-ตรวจสอบการดูแลผู้ชุมนุมที่ถูกฝากขัง

กลุ่มภาคี Saveบางกลอย ยื่นหนังสือถึง กสม. เรียกร้องสิทธิการประกันตัว พร้อมช่วยตรวจสอบมาตรการดูแลและอาการป่วยของนักกิจกรรมการเมืองที่ติดโควิด-19 ในเรือนจำ ด้าน กสม. รับปากเร่งดำเนินการ 

กลุ่มภาคีSaveบางกลอย ยื่นหนังสือถึง กสม. เรียกร้องสิทธิการประกันตัว และตรวจสอบการดูแลรักษานักกิจกรรมการเมืองที่ติดโควิด-19 ในเรือนจำ เมื่อวันที่ 2 ก.ย. 64

2 ก.ย. 64 ภาคี Saveบางกลอย เดินทางไปที่ศูนย์ราชการ แจ้งวัฒนะ เมื่อเวลาประมาณ 11.00 น. เพื่อยื่นหนังสือต่อคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน (กสม.) กรณีนักกิจกรรมทางการเมืองที่ถูกละเมิดสิทธิ ไม่ได้รับการประกันตัว และเรียกร้องให้ทาง กสม. เร่งตรวจสอบมาตรการดูแลและอาการป่วยไข้นักกิจกรรมการเมืองที่ติดโควิด-19 ในเรือนจำ โดยมี ศยามล ไกยูรวงศ์ และ สุชาติ เศรษฐมาลินี เป็นตัวแทนรับหนังสือ 

ตัวแทน กสม. ระบุว่ามีการติดตามเรื่องอาการป่วยของนักกิจกรรมการเมืองมาโดยตลอด พร้อมรับปากจะเร่งดำเนินการตรวจสอบอาการป่วยและมาตรการดูแลนักกิจกรรมการเมืองที่ถูกฝากขัง

ทาง กสม. ระบุด้วยว่า ก่อนหน้านี้มีการประสานไปกับทางกรมราชทัณฑ์ เพื่อขอเข้าไปเยี่ยมนักกิจกรรมการเมืองที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ แต่กรมราชทัณฑ์ไม่อนุญาต เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 ที่กำลังระบาดรุนแรง ทาง กสม. จึงเปลี่ยนไปใช้การประชุมผ่านระบบทางไกล เพื่อให้กรมราชทัณฑ์ชี้แจงในเรื่องมาตรการดูแลและอาการของนักกิจกรรมที่ติดเชื้อโควิด-19 ในเรือนจำ ซึ่งจะมีการติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิดต่อไป

ทั้งนี้ กสม. ยังย้ำว่า ผู้ต้องขังไม่ใช่ผู้กระทำความผิด ยังถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ ควรจะได้รับการประกันตัว การแสดงความคิดเห็นทางการเมืองไม่ควรต้องถึงขั้นถูกจับกุม การชุมนุมเป็นสิทธิเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ เป็นการชุมนุมโดยเปิดเผย รัฐควรจะดูแลจัดการเรื่องความเรียบร้อยมากกว่าการควบคุมหรือสลายการชุมนุมด้วยอาวุธ กสม. ตระหนักดี และคิดว่าควรจะต้องคุยกับเจ้าหน้าที่ตำรวจและราชทัณฑ์ที่เป็นหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะรับเรื่องไว้แล้วปรึกษากับ กสม. ทุกท่านต่อไป   

รายละเอียดหนังสือยื่น กสม. 

เรียน คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ

เนื่องด้วย นายธัชพงศ์ หรือ ชาติชาย แกดำ นักเคลื่อนไหวในนามภาคี Save บางกลอย ที่เคลื่อนไหวในประเด็นสิทธิมนุษยชน เรียกร้องความเป็นคนที่เท่ากันให้พี่น้องชาติพันธุ์อย่างต่อเนื่อง มีหมายจับและเข้ามอบตัว เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2564 ในข้อหาฝ่าฝืน พรก.ฉุกเฉิน และ พรบ.ควบคุมโรค ของสถานีตำรวจ คลอง 5 จังหวัดปทุมธานี นายธัชพงศ์ไม่เคยถูกดำเนินคดีมาก่อน  นี่จึงเป็นการเข้าเรือนจำครั้งแรกของเขา ตามหมายจับของสถานีตำรวจคลอง 5 เขตอำนาจศาลธัญบุรี คดีหมายเลข ฝ.387/64

เมื่อศาลธัญบุรีมีคำสั่งฝากขังและคัดค้านการประกันตัว ในเวลาต่อมานายชาติชาย แกดำ ได้ติดเชื้อโรคโควิด-19 ที่กำลังระบาดในเรือนจำทั่วประเทศอย่างสาหัส และเมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2564 ทางภาคีSaveบางกลอยได้รับข้อมูลเกี่ยวกับอาการของนายชาติชายจากการเข้าเยี่ยมผู้ต้องขังผ่านการคุย Conference ว่า นายชาติชายต้องประสบกับสภาวะที่ยากลำบากในการประคับประคองชีวิตให้ปลอดภัยจากโรคโควิด 19 ด้วยขณะนี้เขามี ภาวะเกล็ดเลือดต่ำ หมอสั่งให้ระวังห้ามกระแทกมีบาดแผลเพราะอาจเสี่ยงต่อการติดเชื้อในกระแสเลือด นอกจากนี้นายชาติชายยังมีอาการแน่นหน้าอก หายใจติดขัด ไอ ความดันโลหิตสูง แพทย์ให้ใช้ออกซิเจนในการช่วยหายใจ แต่ด้วยจำนวนผู้ป่วยโควิด 19 ในเรือนจำมีหลายคน จึงต้องใช้สลับกับนักโทษคนอื่นๆ จากสถานการณ์ดังกล่าว แน่นอนว่านอกจากจะกระทบต่อความปลอดภัยของชีวิตนายชาติชายโดยตรง ยังละเมิดต่อครอบครัวของนายชาติชายที่กำลังอยู่ในภาวะความเสี่ยงที่จะสูญเสียสมาชิกของครอบครัวเป็นอย่างสูง 

จากสถานการณ์ดังกล่าว ภาคี Save บางกลอย จึงได้มีความห่วงใย รวมถึงรับรู้ได้ถึงความอยุติธรรมที่เกิดขึ้นกับนักเคลื่อนไหวด้านสิทธิมนุษยชนที่กำลังถูกละเมิดชีวิตด้วยการคัดค้านการประกันตัว ซึ่งสิทธิการประกันตัวเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานตามหลักสิทธิมนุษยชน โดยเป็นสิทธิที่มาจากหลักการที่จะต้องสันนิษฐานไว้ก่อนว่าผู้ต้องหาหรือจำเลยที่ถูกกล่าวหานั้นเป็นผู้บริสุทธิ์จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาถึงที่สุด

ประการต่อมา ในสถานการณ์โรคระบาดโควิด 19 เช่นนี้ การนำผู้บริสุทธิ์ไปขังไว้ในพื้นที่เสี่ยง คือ การละเมิดต่อความมั่นคงและปลอดภัยของชีวิตที่เขาจะต้องเข้าไปอยู่ในพื้นที่สุ่มเสี่ยง เป็นการละเมิดต่อศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ที่นอกจากรัฐพยายามใช้อำนาจกดข่มไม่ให้เขามีเสรีภาพในการแสดงออกทางการเมืองอันเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของเขาแล้วยังนำเขาไปกักขังเพื่อลดทอนศักยภาพและความสามารถของเขา เขาควรได้รับการรักษาตามสิทธิการอยู่รอดและปลอดภัยอย่างเสมอภาคและเป็นธรรมเฉกเช่นเพื่อนมนุษย์คนอื่นๆ รวมถึงเขายังมีสิทธิในการเลือกรักษาพยาบาล

เมื่อสถานการณ์การละเมิดสิทธิมนุษยชนเกิดขึ้นในกระบวนการยุติธรรมอย่างเห็นได้ชัดเช่นนี้ ทางภาคี Save บางกลอย จึงขอเรียกร้องให้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เข้าไปตรวจสอบข้อเท้จจริงเกี่ยวกับอาการป่วยของนายชาติชายและผู้ต้องขังคดีการเมืองคนอื่น ๆ โดยการรับฟังความจริงจากผู้ต้องขัง ไม่ใช่ฟังความข้างเดียวจากกรมราชทัณฑ์ เพราะท่านมีอำนาจหน้าที่ในการตรวจสอบและรายงานข้อเท็จจริงที่ถูกต้องเกี่ยวกับการละเมิดสิทธิมนุษยชนทุกกรณีโดยไม่ล่าช้า และเสนอแนะมาตรการหรือแนวทางที่เหมาะสมในการป้องกันหรือแก้ไขการละเมิดสิทธิมนุษยชน รวมทั้งการเยียวยาผู้ได้รับความเสียหายจากการละเมิดสิทธิมนุษยชนต่อหน่วยงานของรัฐหรือเอกชนที่เกี่ยวข้อง ตามบัญญัติในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 

ในฐานะที่คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติมีสถานะเป็นองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ ทางภาคี Saveบางกลอย หวังเป็นอย่างยิ่งว่า คณะกรรมการฯ จะยืนอยู่เคียงข้างประชาชน โดยเฉพาะเมื่อประชาชนผู้นั้นได้ถูกละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างรุนแรง ท่านจะไม่นิ่งเฉย หรือทำงานประดุจดั่งหน่วยงานภายใต้อำนาจรัฐ เราอยากเห็นความอยู่รอดและปลอดภัย การได้รับความเป็นธรรมของผู้ถูกละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างนายชาติชาย แกดำ และเพื่อนที่ถูกดำเนินคดีทางการเมืองอื่น ๆ จากกระบวนการทำงานอย่างตรงหลักการของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ซึ่งเป็นองค์กรอิสระที่มีความหมายสำหรับคนรุ่นใหม่ที่กำลังเติบโตในกระแสธารสังคมประชาธิปไตยอันเกี่ยวเนื่องกับสิทธิมนุษยชน หวังว่าพวกท่านที่ได้รับการคัดสรรเข้ามาจะทำหน้าที่ในการตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างเข้มแข็ง เพื่อพิสูจน์ถึงการยืนหยัดในหลักการ ยืนยงอยู่ในหัวใจและเรียกคืนความศรัทธาจากมหาชนได้อย่างแท้จริง

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท