Skip to main content
sharethis

ประธาน กมธ. พัฒนาการเมืองฯ เผย รายงานค้นหาข้อเท็จจริงเหตุยิงผู้ชุมนุมหน้า สน.ดินแดง เสร็จแล้ว เตรียมนำเข้า กมธ. ขู่ กรณีรถตำรวจพุ่งชนประชาชน หากไม่คืบ สภาพร้อมตรวจสอบต่อแน่นอน รองหัวหน้าพรรคก้าวไกลประณาม กรณีคฝ.สลายการชุมนุม 11 กันยา ป่าเถื่อนต่อประชาชนอย่างที่สุด ย้ำชัด ตำรวจเหิมเกริม-ทำร้ายประชาชนไม่สนหน้าใคร ซัดเเรง ขอให้ตำรวจกลับมาเป็น ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ หยุดเป็นผู้พิทักษ์ทรราชภายใต้ระบอบปรสิต 

13 ก.ย.2564 ทีมสื่อพรรคก้าวไกล รายงานว่า จากเหตุการณ์การชุมนุมทางการเมืองบริเวณดินแดงเมื่อวันที่ 16 สิงหาคมที่ผ่านมา ที่เป็นเหตุให้เยาวชน 2 รายถูกยิงบาดเจ็บสาหัสโดยกระสุนจริง หนึ่งในนั้นยังอยู่ในอาการโคม่า ณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.พรรคก้าวไกล ในฐานะประธานกรรมาธิการการพัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชน และการมีส่วนร่วมจากประชาชน กล่าวว่า กรณีนี้มีความสำคัญและส่งผลทำให้ประชาชนมีความกังวลต่อความรุนแรงที่เกิดในพื้นที่ชุมนุม และตำรวจตกเป็นผู้ต้องสงสัยในเหตุการณ์ ทำให้ปราศจากความชอบธรรมในการสอบสวน

คณะกรรมาธิการพัฒนาการเมืองฯ ในฐานะกลไกของรัฐสภา ตัวแทนของประชาชน จึงได้มีการตั้งคณะทำงานเพื่อสอบสวนแสวงหาความจริงเรื่องนี้ขึ้น โดยคณะกรรมการชุดนี้มีทั้ง นักวิชาการ ผู้เชี่ยวชาญ รวมถึงบุคลที่ได้รับความเชื่อถือจากสังคมมาร่วมในการสืบสวนสอบสวนทำความจริงให้ปรากฏ

ขณะนี้ คณะทำงานชุดดังกล่าวได้จัดทำรายงานผลการสอบสวนแสวงหาข้อเท็จจริงเสร็จสิ้นแล้ว และจะนำรายงานฉบับนี้เสนอต่อที่ประชุมเพื่อให้คณะกรรมาธิการรับรอง จากนั้นจะเปิดแถลงผลจากรายงานฉบับนี้ให้สื่อมวลชนและพี่น้องประชาชนได้ทราบต่อไป

ณัฐชา ยังได้ตั้งข้อสังเกตต่อสถานการณ์การชุมนุมในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า ตนรู้สึกเป็นห่วงต่อความรุนแรงที่เกิดขึ้น เนื่องจากสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่รัฐไม่ได้ทำหน้าที่ควบคุมการชุมนุมแล้ว แต่มีลักษณะเป็นการปราบปรามไล่ล่าประหนึ่งมองว่า ผู้ชุมนุมกำลังก่ออาชญากรรมร้ายแรง จึงต้องขอฝากไปเตือนสติไปยังเจ้าหน้าที่ทุกนายว่า การชุมนุมที่เกิดขึ้นเป็นสิทธิเสรีภาพในการแสดงออกตามรัฐธรรมนูญ แต่หากมีการกระทำที่ผิดกฎหมาย เจ้าหน้าที่จะต้องเคร่งครัดในการใช้กฎหมายในการควบคุมดำเนินการไปตามลำดับขั้นตอนเพื่อให้การชุมนุมดำเนินไปได้โดยสงบเรียบร้อย ไม่ใช่ลุยปะฉะดะ ใช้อำนาจอย่างป่าเถื่อนเสมือนคนนอกกฎหมายจนมีผู้ได้รับผลกระทบจำนวนมาก เช่น มีรายงานผู้ประสบอุบัติเหตุขับรถชนคอนเทนเนอร์จนเสียชีวิต ซึ่งคอนเทนเนอร์ไม่ใช่อุปกรณ์สำหรับการควบคุมฝูงชน ไม่เหมาะจะนำมาตั้งกีดขวางถนน  การไล่ยิงเข้าไปในอาคารบ้านเรือนที่พักอาศัย รวมถึงการมีรายงานว่าคนที่เพิ่งเลิกงานกลับบ้านก็ถูกไล่ฟาดทำร้ายร่างกาย

“ยังมีการอ้างเคอร์ฟิวเพื่อไม่ให้สื่อมวลชนปฏิบัติหน้าที่ ขอเรียนว่า เสรีภาพสื่อมวลชนคือเสรีภาพของประชาชน ประชาชนต้องการดวงตาโดยเฉพาะในพื้นที่ชุมนุม ซึ่งมีความเสี่ยงว่าจะมีการละเมิดกฎหมายและการใช้ความรุนแรง การไล่สื่อออกจากพื้นที่จึงเป็นอันตรายอย่างยิ่งต่อเสรีภาพประชาชน เสมือนปิดตาให้มืดบอดเพื่อจะให้การใช้ความรุนแรงสามารถทำได้เต็มที่ ไม่แตกต่างอะไรกับพฤติกรรมของผู้กำกับโจ้ที่เอาถุงดำคลุมหัวซ้อมทรมานโดยคิดว่าไม่มีใครเห็น การไม่มีสื่อคอยรายงานสถานการณ์จะยิ่งเป็นการเปิดทางให้เจ้าหน้าที่ย่ามใจต่อการใช้ความรุนแรงได้เต็มที่ คำสั่งลักษณะนี้ หากไม่ยกเลิก กมธ.จะมีการเรียกผู้เกี่ยวข้องมาสอบถามอย่างแน่นอนว่า คิดอะไรอยู่ มีเจตนาจะทำร้ายประชาชนใช่หรือไม่จึงมีคำสั่งแบบนี้ออกมา

“ที่เลวร้ายที่สุด คือการปรากฏภาพรถตำรวจขับชนผู้ชุมนุมจนกลิ้งไปตามถนนและขับหนีไปอย่างรวดเร็วเหมือนพวกชนแล้วหนี นี่ไม่ใช่พฤติกรรมที่ควรทำของเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างแน่นอน หากเป็นอุบัติเหตุตามที่ตำรวจแถลง อย่างน้อยที่สุดก็ต้องลงมาดูและช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ แต่สิ่งที่ทางกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) แถลง สิ่งแรกที่ทาง สน.พลับพลาไชย 1 ซึ่งเป็นเจ้าของรถคันดังกล่าวทำ คือการประเมินความเสียหายของตัวรถและเตรียมแจ้งความผู้ก่อเหตุ แต่ในส่วนของผู้ได้รับบาดเจ็บจากการถูกรถชน กลับบอกให้รอแจ้งความร้องทุกข์มาก่อนจึงจะดำเนินการให้ ท่าทีแบบนี้สะท้อนถึงความไม่สำนึกว่า การทำให้ประชาชนได้รับอันตราย บาดเจ็บที่อาจถึงขั้นเสียชีวิตได้เป็นสิ่งที่ต้องรีบรับผิดชอบและติดตามทวงคืนความยุติธรรมให้เขาอย่างเต็มที่ ไม่ใช่รอให้ต้องมาแจ้งความเดินเรื่องกันเอาเอง เรื่องนี้ หากตำรวจไม่ทำหน้าที่อีกก็จะเป็นอีกเรื่องที่สภาจะสอบสวนเพื่อทำความจริงให้ปรากฏต่อไปอย่างแน่นอน และเชื่อว่าคงทำได้เร็วกว่าปล่อยให้พวกท่านทำกันเอง แต่ก็ขอให้พึงสำนึกไว้ด้วยว่า หากปล่อยให้เป็นเช่นนี้เรื่อยไป สิ่งที่พวกท่านจะสูญเสียไปตลอดกาลก็คือความเชื่อมั่นและศรัทธาจากประชาชนที่มีต่อคำว่าผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ ซึ่งทุกวันนี้ก็เหลือน้อยเต็มทีแล้ว” ณัฐชา กล่าวทิ้งท้าย

รองหัวหน้าพรรคก้าวไกลประณาม กรณีคฝ.สลายการชุมนุม 11 กันยา

ขณะที่วานนี้ (12 ก.ย.64) พลตำรวจตรี สุพิศาล ภักดีนฤนาถ รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีการสลายการชุมนุมอย่างรุนเเรงของเจ้าหน้าที่รัฐต่อประชาชน บริเวณแยกดินเเดง จนเป็นเหตุให้เกิดการจลาจล จนมีผู้ได้รับบาดเจ็บทั้ง 2 ฝ่าย

พล.ต.ต.สุพิศาล กล่าวว่า เป็นใครก็ต้องมีคำถามว่า เกิดอะไรขึ้นกับปฏิบัติการสลายชุมนุมเมื่อคืนนี้ (11 กันยายน) ที่เจ้าหน้าที่อาวุธครบมือ บุกขึ้นไปตามไล่จับผู้ชุมนุมซึ่งหลบหนีขึ้นไปบนแฟลตดินแดง และมีรายงานด้วยว่ามีคนถูกตำรวจรุมกระทืบ จนตกลงมาจากอาคารดังกล่าวได้รับบาดเจ็บสาหัส โดยที่ผ่านมา ตนพยายามตั้งคำถามอยู่เรื่อยๆ ว่า ปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่นั้น เป็นไปตามหลักการหรือไม่ ? รุนแรงเกินกว่าเหตุหรือไม่ ?  ซึ่งคำตอบก็ชัดเจนอยู่ในภาพและคลิปที่ทุกคนได้เห็น คือ ผิดหลักการ และรุนแรงเกินกว่าเหตุอย่างแน่นอน และในส่วนของเหตุการณ์เมื่อคืนนี้ยิ่งไม่ต้องสงสัย การสั่งห้ามสื่อมวลชนไลฟ์สด ห้ามรายงานข่าว และการระดมยิงทั้งแก๊สน้ำตา กระสุนยางเข้าใส่แฟลตดินแดงที่ผู้ชุมนุมขึ้นไปหลบซ่อนตัวอยู่ ยาวนานเกือบชั่วโมง ทำให้ประชาชนที่ไม่ได้รู้เรื่องอะไรด้วยต้องเดือดร้อน นี่คือความป่าเถื่อน

“ผมไม่อยากจะเชื่อว่า นี่เป็นคำสั่งเร่งจัดการม็อบให้เรียบร้อยก่อนการโยกย้ายเปลี่ยนแปลงพื้นที่ หลังจากที่การแต่งตั้งโยกย้ายลงตัว รัฐบาลได้ปูนบำเน็จต่างๆ เสร็จแล้ว ซึ่งการกระชับพื้นที่และปราบปรามผู้ชุมนุมให้เสร็จก่อนสิ้นเดือนกันยายนนี้ก็เพื่อจะได้รับการพิจารณาความชอบในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ?  และผมก็ไม่อยากจะเชื่อว่า เป็นผลสืบเนื่องมาจากความวุ่นวายในรัฐบาล จนต้องมีการกระชับอำนาจของนายกรัฐมนตรีในทุกองคาพยพ และการปฏิบัติต่อผู้ชุมนุมอย่างฉับพลันและรุนแรงนี้ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีปฏิบัตินั้น“ พลตำรวจตรี สุพิศาล กล่าว 

พล.ต.ต. สุพิศาล กล่าวต่อไปว่า แต่ที่เชื่อแน่ๆ คือ การปฏิบัติการที่ผ่านมาของเจ้าหน้าที่ ไม่ค่อยมีความชัดเจนจากผู้เสียหายผู้ไปร้องทุกข์ดำเนินคดี ภาคประชาสังคมเองเองก็ไม่ได้ติดตามเร่งรัดเรื่องดังกล่าวอย่างเข้มข้น จนเจ้าหน้าที่ทั้งหมดเหิมเกริม คิดว่ารัฐบาลเอาอยู่ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ดูแลได้ และอย่างไรพวกเขาก็รอด จึงได้ใช้นโยบายและการปฏิบัติการที่รุนแรงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เรื่อยๆ ทั้งนี้ เป็นข้อสังเกตด้วยว่า เมื่อรัฐจ้องจะใช้ความรุนแรงในการจับกุม และมีเหตุการณ์ทำร้ายเกินกว่าเหตุจนผู้ชุมนุมได้รับบาดเจ็บนั้น ได้เตรียมรถพยาบาล สถานพยาบาล เจ้าหน้าที่ที่มีชุดพยาบาลไว้ดูแลประชาชนหรือผู้ชุมนุมที่ได้รับบาดเจ็บกันบ้างหรือไม่?  เพราะนี้คือสิทธิขั้นพื้นฐานที่ประชาชนพึงได้รับ 

รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวทิ้งท้ายว่า ตนอยากเรียกร้องให้ผู้ใดที่ถูกกระทำจากเจ้าหน้าที่ของรัฐที่กระทำผิดกฎหมายทุกกรณี ได้ร้องทุกข์และร้องเรียนไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้วยตนเองให้มากที่สุด ขณะที่ภาคประชาสังคม สื่อมวลชนเอง ก็เกาะติด ขุดคุ้ยเรื่องนี้มาตีแผ่ให้เห็นความเลวร้าย ผิดหลักสากล และรุนแรงเกินกว่าเหตุนี้ให้มากที่สุด

”ขอเรียกร้องไปยังเพื่อนๆ พี่น้องตำรวจอีกครั้ง จงกลับมาเป็น "ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์" หยุดเป็น “ผู้พิทักษ์ทรราชภายใต้ระบอบปรสิต” เพื่อฟื้นคืนเกียรติยศศักดิ์ศรีของตำรวจเราเถอะครับ”  พล.ต.ต. สุพิศาล กล่าว

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net