Skip to main content
sharethis

ศูนย์สื่อชุมชน เพื่อสังคมที่เป็นธรรม แจ้งข่าวว่าสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) ทำหนังสือออกวันที่ 13 ก.ย. แจ้งเครือข่ายประชาชนลุ่มน้ำโขงอีสาน หากอยากได้สำเนา EIA โครงการผันน้ำโขง เลย ชี มูล ต้องจ่ายค่าคัดสำเนา 20,530 บาท ทั้งนี้เมื่อวันที่ 18 ก.ย. สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ รายงานว่ารองเลขาธิการ สผ. ระบุว่าประชาชนที่มีรายได้น้อยสามารถแจ้งคำร้องขอยกเว้นค่าธรรมเนียมหรือลดอัตราค่าธรรมเนียมการขอคัดสำเนา EIA ได้ ส่วนกรณีขอคัดสำเนาในรูปแบบไฟล์อิเล็กทรอนิกส์ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย

19 ก.ย. 2564 ศูนย์สื่อชุมชน เพื่อสังคมที่เป็นธรรม แจ้งข่าวว่าเครือข่ายประชาชนลุ่มน้ำโขงอีสาน ได้รับหนังสือแจ้งอย่างเป็นทางการ 2 ฉบับ จากสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ลงวันที่ 16 ก.ย. 2564 แจ้งผลเรื่องการพิจารณารายงานโครงการบริหารจัดการน้ำโขงการโขง เลย ชี มูล โดยแรงโน้มถ่วงระยะที่ 1 ช่วง ปากแม่น้ำเลย-เขื่อนอุบลรัตน์ ว่าตามที่เครือข่ายประชาชนลุ่มน้ำโขงอีสาน ได้ส่งหนังสือขอข้อมูลรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม ประเภทโรงการพัฒนาแหล่งน้ำและเกษตรกรรม โครงการบริหารจัดการน้ำโขง เลย ชี มูล โดยแรงโน้มถ่วง ระยะที่ 1 ช่วงปากแม่น้ำเลย-เขื่อนอุบลรัตน์ โดยพื้นที่โครงการจะครอบคลุม อ.เชียงคาน อ.ปากชม อ.นาด้วง จ.เลย อ.สุวรรณคูหา อ.นากลาง อ.โนนสัง อ.เมืองหนองบัวลำภู จ.หนองบัวลำภู อ.น้ำโสม อ.หนองวัวซอ จ.อุดรธานี และอ.อุบลรัตน์ จ.ขอนแก่นนั้น คณะผู้ชำนาญการได้พิจารณารายงานวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมโดยโครงการพัฒนาแหล่งน้ำ (คชก.) ได้พิจารณารายงานเมื่อวันที่ 17 มิ.ย. 2564 และมีมติให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ หรือ สทนช. และกรมชลประทาน ดำเนินการปรับปรุงแก้ไขรายงานดังกล่าว และสทนช.จะต้องจัดทำข้อมูลเพิ่มเติมตามติของ คชก. จนกว่าจะผ่านการพิจารณา

ขณะเดียวกัน สำนักงานนโยบายและแผนสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ (สผ.) ได้ส่งหนังสือแจ้งต่อเครือข่ายประชาชนลุ่มน้ำโขงอีสาน อีก 1 ฉบับ โดยระบุหนังสือออกวันที่ 13 ก.ย. 2564 ว่า สผ. ได้รับรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการบริหารจัดการน้ำโขง เลย ชี มูล โดยแรงโน้มถ่วง ระยะที่ 1 ช่วงปากน้ำเลย เขื่อนอุบลรัตน์(ฉบับเดือนมีนาคม) ของกรมชลประทาน และสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ และบริษัทที่ปรึกษา ครีเอทีฟ เทคโนโลยี จำกัด และรายงานดังกล่าวได้นำเข้าสู่การประชุมของ คชก. เมื่อวันที่ 15 มิ.ย. 2564 ที่ผ่านมา ซึ่งคณะกรรมการผู้ชำนาญการฯ มีมติให้กรมชลประทาน และสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ปรับปรุง แก้ไข และเพิ่มเติมข้อมูลในรายงานตามแนวทาง รายละเอียด ประเด็นหรือหัวข้อที่คณะกรรมการผู้ชำนาญการ กำหนด ซึ่งปัจจุบัน ทางกรมชลประทานและสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติยังไม่ได้จัดส่งรายงานที่ได้แก้ไขตามข้อคิดเห็นของคณะกรรมการผู้ชำนาญการฯ มายัง สผ. แต่อย่างใด และในกรณีการขอเอกสารการประเมินผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมโครงการผันน้ำโขง เลย ชี มูล ดังกล่าว ทาง สผ. ไม่ขัดข้อง แต่การขอคัดสำเนาเอกสารดังกล่าวจะต้องเสียค่าธรรมเนียมการขอสำเนาเอกสารขนาดเอ 4 หน้าละ 1 บาท จำนวน 5,050 หน้า เป็นเงิน 5,050 บาท ขนาดกระดาษเอ 3 หน้าละ 3 บาท จำนวน 55 หน้า เป็นเงิน 165 บาท รวมเป็นเงิน 5,265 บาท และหากให้รับรองสำเนาเอกสาร อัตราคำรับรองละ 3 บาท (5,105) จะมีค่าใช้จ่ายรวมเป็นเงิน 15,315 บาท ดังนั้นมีค่าใช้จ่ายร่วมเป็นเงิน 20,530 บาท ตามที่กำหนดในประกาศของสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ลงวันที่ 9 พ.ย. 2561

นายสุวิทย์ กุหลาบวงศ์ ตัวแทนเครือข่ายประชาชนลุ่มน้ำโขง อีสาน กล่าวว่า โดยเชิงหลักการ ประชาชนจะเอาข้อมูลมาดู มันควรเป็นสิทธิอันชอบธรรม เพราะประชาชนเป็นผู้ได้เสียจากโครงการ กรณีการขอรายงานอีเอไอโครงการผันน้ำโขง เลย ชี มูล และโครงการผันน้ำยวม-เขื่อนภูมิพล ที่กำลังเป็นกระแสอยู่ขณะนี้  ยิ่งชี้ให้เห็นชัดเจนว่า ประกาศของ สผ. ดังกล่าว คือกลไกที่ขัดขวางการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารของประชาชน จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้อง มีการแก้ระเบียบให้ประชาชนได้ข้อมูลมาอ่านเพื่อการตรวจสอบโครงการ

“โครงการแต่ละโครงการใช้เงินหลักล้านล้านบาททั้งในการจัดทำรายงานการศึกษาและการจัดทำโครงการ ดังกรณีโครงการผันน้ำโขง เลย ชี มูล แต่ทำให้ประชาชนเข้าถึงข้อมูลยากมาก ซึ่งทางภาคประชาชนได้เตรียมล่ารายชื่อเพื่อยื่นคัดค้านโครงการนี้ต่อคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ เพื่อเป็นการแสดงความไม่เห็นด้วย”

ด้านนายสิริศักดิ์ สะดวก ตัวแทนเครือข่ายประชาชนลุ่มน้ำอีสาน กล่าวว่า คิดว่าชาวบ้านไม่ควรจะต้องจ่ายเงินในการได้เอกสารรายงานผลกระทบดังกล่าว เพราะพวกเขาคือคนที่จะได้รับผลกระทบจากโครงการ ชาวบ้านจะมีแต่เสียกับเสีย ต้องเสียพื้นที่ให้กับโครงการ และต้องเสียสิทธิในการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารของรัฐ 

“รัฐไม่ควรจะมาเรียกเก็บเงินค่าธรรมเนียม รัฐต้องอำนวยความสะดวกให้ข้อมูลได้ถึงประชาชนมากกว่า อาจจะเป็นการคัดลอกข้อที่เป็นซีดีหรือออนไลน์ก็ได้ ทำหน้าที่เอื้ออำนวยให้ชาวบ้านเข้าถึงรายงานการประเมินผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นเครื่องมือในการตัดสินใจทางนโยบายที่สำคัญ” นายสิริศักดิ์ กล่าว

โครงการผันน้ำโขง เลย ชี มูล ระยะที่ 1  มีเป้าหมายเพื่อการผันปริมาณน้ำจากแม่น้ำโขงเข้ามายังพื้นที่ภาคอีสานของประเทศไทย จุดเริ่มต้นโครงการที่ปากแม่น้ำเลย อ.เชียงคาน จ.เลย ด้วยการปรับปรุงปากแม่น้ำเลย ขุดคลองชักน้ำ 1 แถว เจาะอุโมงค์แบบทางเปิดน้ำจำนวน 3 ช่วง คลองลำเลียงน้ำ 5 ช่วง รวมระยะทางการผันน้ำทั้งหมด 174 กิโลเมตร คาดว่าจะมีปริมาณน้ำผันจากแม่น้ำโขง 1,894 ล้าน ลบ.ม. แบ่งเป็นในฤดูฝน 1307 ล้าน ลบ.ม. และ 587 ล้าน ลบ.ม. ในฤดูแล้ง ลงอ่างเก็บน้ำเขื่อนอุบลรัตน์  ยังไม่มีการพัฒนาระบบชลประทาน คาดว่าจะใช้เวลาในการพัฒนาโครงการทั้งหมด 9 ปี งบประมาณ 157,045 ล้านบาท  ทั้งนี้แผนการพัฒนาโครงการผันน้ำโขง เลย ชี มูลทั้งระบบ มีทั้งหมด 5 ระยะ ด้วยการพัฒนาอุโมงค์ผันน้ำ 17 แถว งบประมาณกว่า 1.9 ล้านล้านบาท โดยระบุมีการเสนอให้สร้างเขื่อนปากชม บนแม่น้ำโขงสายหลักในระยะที่ 3 และเขื่อนบ้านกุ่มในระยะที่ 5 ในแผนการพัฒนาโครงการดังกล่าวอีกด้วย  ที่ผ่านมาเครือข่ายประชาชนในลุ่มน้ำโขง เลย มูล และชี  ได้แสดงจุดยืนในการคัดค้านโครงการผันน้ำ เนื่องจากกังวลต่อความไม่คุ้มค่าของโครงการและผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมและสังคมที่ยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาจากโครงการพัฒนาแหล่งน้ำขนาดใหญ่ในภาคอีสานที่ผ่านมาเช่นกรณีโครงการโขง ชี มูล เป็นต้น

รองเลขาธิการ สผ. ระบุว่าประชาชนที่มีรายได้น้อยสามารถแจ้งคำร้องขอยกเว้นค่าธรรมเนียมหรือลดอัตราค่าธรรมเนียม การขอคัดสำเนา EIA ได้

เมื่อวันที่ 18 ก.ย. 2564 สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ รายงานว่านายพิรุณ สัยยะสิทธิ์พานิช รองเลขาธิการสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) กล่าวว่า กรณีเครือข่ายประชาชนลุ่มน้ำยวม เงา เมย สาละวินมีหนังสือขอคัดสำเนารายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) โครงการศึกษาทบทวนเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุนให้เขื่อนภูมิพล เพื่อมีส่วนร่วมการปกป้อง อนุรักษ์ ฟื้นฟู ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ปกป้องลุ่มน้ำสาละวิน โดยสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) ได้แจ้งไม่ขัดข้องต่อการขอคัดสำเนา อีไอเอ และแจ้งค่าธรรมเนียมการขอสำเนาคัดเอกสาร ต่อมามีผู้นำเรื่องการเก็บค่าธรรมเนียมการขอคัดสำเนาไปโพสต์ไว้ใน Facebook โดย สผ.ให้ความสำคัญกับการอำนวยความสะดวกกับในประชาชนอย่างเต็มที่และต่อเนื่องมาโดยตลอด แล้วเป็นไปตามระเบียบข้อกฎหมายและขอปฏิบัติของทางราชการที่เกี่ยวข้อง โดยไม่มีการเลือกปฏิบัติแต่อย่างใด

ซึ่งในข้อเท็จจริงขอชี้แจงข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับขั้นตอนและวิธีการขอคัดสำเนารายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม คือ กรณีขอคัดสำเนาเป็นเอกสาร จะเรียกเก็บค่าธรรมเนียมการขอคัดสำเนาเอกสารทางราชการเป็นไปตามประกาศสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่องการจัดเก็บค่าธรรมเนียมการขอและการรับรองสำเนาข้อมูลข่าวสารของราชการ ลงวันที่ 9 พ.ย. 2561 ซึ่งออกประกาศฯเป็นไปตามประกาศคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการ เรื่องการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมการขอสำเนา หรือ ขอสำเนาที่มีคำรับรองถูกต้องของข้อมูลข่าวสารของราชการ ประกาศ ณ วันที่ 7 พ.ค. 2542 โดยการขอคัดสำเนา หากคัดสำเนาเฉพาะเล่มรายงานฯ และไม่ต้องมีการรับรองสำเนาถูกต้อง จะมีค่าใช้จ่ายอยู่ในอัตรา 5,460 บาท 7 เล่ม 5,022 หน้า ซึ่ง สผ. ดำเนินการเป็นมาตรฐานเดียวกันในทุกประเภทโครงการที่มีการร้องขอคัดสำเนาเอกสาร แล้ว สผ. ไม่สามารถนำเงินค่าธรรมเนียมดังกล่าวมาใช้จ่ายในกิจการของ สผ. ได้ เนื่องจากต้องส่งเข้าเป็นงบประมาณแผ่นดินต่อไป

สำหรับกรณีขอคัดสำเนาในรูปแบบไฟล์อิเล็กทรอนิกส์ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด โดยผู้ขอคัดสำเนาสามารถแจ้งความประสงค์มาที่ สผ.เพื่อดำเนินการตามพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของทางราชการ พ.ศ. 2540 และพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 ต่อไป

ส่วนกรณีผู้ประสงค์ขอคัดสำเนาเป็นผู้มีรายได้น้อย สามารถแจ้งคำร้องขอการยกเว้นค่าธรรมเนียม หรือลดอัตราค่าธรรมเนียม ตามประกาศคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการ เรื่องการเรียกค่าธรรมเนียมการขอสำเนา หรือขอสำเนาที่มีคำรับรองถูกต้องของข้อมูลข่าวสารของราชการ ประกาศ ณ วันที่ 7 พ.ค. 2542 กรณีนี้ สผ.จะเสนอรายละเอียดให้กับคณะกรรมการบริหารข้อมูลข่าวสารของราชการใน สผ. เพื่อพิจารณาตามขั้นตอนในแต่ละกรณีต่อไป

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net