Skip to main content
sharethis

ศบค. รายงานสถานการณ์ในไทย ผู้ป่วยใหม่ 10,828 ราย ป่วยสะสม 1,637,432 ราย รักษาหาย 11,894 ราย หายสะสม 1,508,167 ราย เสียชีวิต 77 ราย เสียชีวิตสะสม 16,920 ราย - ซิลลิคฯ แจง 3 ข้อ กรณีเปลี่ยนแปลงกำหนดการส่งมอบวัคซีน 'โมเดอร์นา' สาเหตุหลักเกิดจากความต้องการที่สูงขึ้นทั่วโลก

3 ต.ค. 2564 ศบค. รายงานสถานการณ์ในไทย ผู้ป่วยใหม่ 10,828 ราย ป่วยสะสม 1,637,432 ราย รักษาหาย 11,894 ราย หายสะสม 1,508,167 ราย เสียชีวิต 77 ราย เสียชีวิตสะสม 16,920 ราย ฉีดวัคซีน (2 ต.ค. 2564) สะสม 54,869,411 โดส

องค์การเภสัชฯ เตรียมขาย ATK ชุดละ 40 บาท เริ่ม 18 ต.ค.นี้

ภญ.ศิริกุล เมธีวีรังสรรค์ รองผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม เปิดเผยว่า องค์การเภสัชกรรม (GPO) ได้จัดทำ “โครงการ ATK คุณภาพ เพื่อสังคมไทย” เพื่อให้คนไทยเข้าถึง ATK คุณภาพตามาตรฐาน อย.ในราคาที่เหมาะสม ทั้งเป็นหนึ่งในกลไกตลาดที่ช่วยให้ราคา ATK ถูกลง เพื่อสนับสนุนให้มีการตรวจหาเชื้อ COVID-19 ให้ครอบคลุมที่สุด

โดยองค์การเภสัชกรรม จัดหาและจำหน่าย ATK ที่มีคุณภาพ ในราคาที่เหมาะสม ให้แก่ประชาชน หน่วยงานภาครัฐและเอกชน หรือหน่วยงานต่าง ๆ โดยจำหน่ายผ่านร้านขายยาขององค์การเภสัชกรรมทั้ง 8 สาขาทั่วกรุงเทพ ในระยะแรก ทำการจัดหามาจำนวน 2 ล้านชุด เป็นผลิตภัณฑ์ ATK ที่ได้รับการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) คาดว่าจะสามารถจำหน่ายได้ วันที่ 18 ต.ค.นี้ ราคาชุดละ 40 บาท ซึ่งเป็นราคาต่ำกว่าท้องตลาดในขณะนี้ค่อนข้างมาก

ทั้งนี้ หลังจากนี้หากมีความต้องการเพิ่มขึ้น องค์การฯ จะทำการจัดหาเพิ่ม เพื่อนำมาจำหน่ายต่อไป อีกทั้งในอนาคตจะมีการจำหน่ายผ่านระบบออนไลน์ด้วย โดยชุดตรวจ ATK ราคา 40 บาท จะมีจำหน่ายที่ร้านขายยาองค์การเภสัชกรรม ดังนี้

1. สาขาราชเทวี (สำนักงานใหญ่) ตรงข้ามโรงพยาบาลรามาธิบดี
โทร.0-2203-8847 และ 0-2203-8849
2. สาขายศเส ด้านข้างโรงพยาบาลหัวเฉียว โทร. 0-2222-5931 และ 0-2225-6367
3. สาขาจรัญสนิทวงศ์ โทร. 0-2412-9377
4. สาขาเทเวศร์ เยื้องธนาคารแห่งประเทศไทย โทร. 0-2282-0729
5. สาขารังสิต ใกล้ตลาดสี่มุมเมืองโทร.0-2536-3526 และ 0-2536-4086
6. สาขากระทรวงสาธารณสุข ตึกกรมการแพทย์ อาคาร 2 ชั้น 1 โทร.0-2951-0925 และ 0-2590-6034
7. สาขาเวชศาสตร์เขตร้อน ข้างธนาคารไทยพาณิชย์ โทร. 0-2354-9061 8. สาขาศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา โทร. 0-2143-8768

ซิลลิคฯ แจง 3 ข้อ กรณีเปลี่ยนแปลงกำหนดการส่งมอบวัคซีน 'โมเดอร์นา' สาเหตุหลักเกิดจากความต้องการที่สูงขึ้นทั่วโลก

3 ต.ค. 2564 บริษัทแซดพี เทอราพิวติกส์ หน่วยธุรกิจภายใต้ ซิลลิค ฟาร์มา ออกแถลงการณ์ชี้แจงเรื่องการเปลี่ยนแปลงกำหนดการในการส่งมอบวัคซีนโควิด-19 โมเดอร์นา ระบุว่า ตามที่มีข้อสงสัยเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงกำหนดการในการส่งมอบวัคซีนโควิด-19 ของโมเดอร์นา ให้แก่ประเทศไทย แซดพี เทอราพิวติกส์ หน่วยธุรกิจภายใต้ ซิลลิค ฟาร์มา พันธมิตรทางธุรกิจอย่างเป็นทางการของโมเดอร์นาในประเทศไทย ขอชี้แจงเกี่ยวกับแนวทางการดำเนินงานและความมุ่งมั่นของบริษัทฯ ดังต่อไปนี้

1. องค์การเภสัชกรรมได้ประกาศไปก่อนหน้านี้ว่า แซดพี เทอราพิวติกส์ จะเริ่มส่งมอบวัคซีนจำนวน 1.9 ล้านโดสในกลางเดือนตุลาคม ทำไมจึงมีความล่าช้าเกิดขึ้น

แซดพี เทอราพิวติกส์ และองค์การเภสัชกรรม ได้มีการติดตามความคืบหน้าอย่างใกล้ชิดกับโมเดอร์นาเป็นประจำทุกสัปดาห์ เกี่ยวกับกำหนดวันส่งมอบวัคซีนโควิด-19 โมเดอร์นามายังประเทศไทย ตั้งแต่ได้ร่วมลงนามในสัญญาซื้อ-ขายกับองค์การเภสัชกรรมในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา บริษัทฯให้ความสำคัญสูงสุดเกี่ยวกับเรื่องคุณภาพของวัคซีนเพื่อให้มั่นใจว่าวัคซีนที่จะนำเข้ามาเป็นไปตามมาตรฐานด้านการผลิต คุณภาพ และความปลอดภัย ภายใต้สัญญาการจัดหาวัคซีนและระเบียบข้อบังคับของประเทศไท

นอกจากนี้ สถานการณ์ความต้องการวัคซีนโควิด-19 ทั่วโลกยังมีสูงกว่ากำลังการผลิตวัคซีนเป็นอย่างมาก อย่างไรก็ตาม บริษัทฯกำลังทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกฝ่าย เพื่อให้มั่นใจว่าจะสามารถส่งมอบวัคซีนที่เพียงพอให้แก่ประชาชนชาวไทยได้โดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

2. บริษัทฯ กำลังแก้ปัญหานี้อย่างไร เพื่อที่จะสามารถเร่งการส่งมอบและทำให้การจัดสรรวัคซีนโมเดอร์นาเป็นไปตามความต้องการ

แซดพี เทอราพิวติกส์ ยังคงมุ่งมั่นที่จะส่งมอบวัคซีนโควิด-19 ให้ได้โดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ โดยก่อนหน้านี้ บริษัทฯ ได้รับแจ้งกำหนดการซึ่งคาดว่าจะสามารถเริ่มส่งมอบวัคซีนได้ในเดือนตุลาคม และบริษัทฯ ได้เตรียมความพร้อมในทุกๆ ด้านเพื่อรองรับการขนส่งและการกระจายวัคซีนทันทีที่วัคซีนจะมาถึงยังประเทศไทย

ในเวลาต่อมา ทางบริษัทฯ ได้รับแจ้งข้อมูลล่าสุดจากแหล่งผลิตถึงแนวโน้มว่าจะสามารถส่งมอบได้ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนนี้เป็นต้นไป ซึ่งการเปลี่ยนแปลงกำหนดการส่งมอบวัคซีนในครั้งนี้อยู่นอกเหนือการควบคุมของแซดพี เทอราพิวติกส์

บริษัทฯ ได้แจ้งกับโมเดอร์นาว่าคนไทยมีความกังวลที่การจัดส่งมีความล่าช้าเกิดขึ้น และโมเดอร์นาเองก็ทราบถึงความกังวลนี้เช่นกัน ทั้งแซดพี เทอราพิวติกส์ และโมเดอร์นา กำลังทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด และพยายามหาทางเลือกอื่นๆ ที่จะทำให้สามารถส่งมอบวัคซีนโควิด-19 ของโมเดอร์นาให้แก่ประชาชนชาวไทยได้โดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ โดยหนึ่งในแนวทางที่บริษัทฯ กำลังพยายามหาทางออกอยู่นั้น คือการจัดหาวัคซีนจากแหล่งผลิตอื่นที่นอกเหนือจากแหล่งผลิตที่บริษัทฯได้รับการอนุมัติให้นำเข้าจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาของประเทศไทย

3. แซดพี เทอราพิวติกส์ สามารถบอกถึงแผนการส่งมอบวัคซีนให้แก่ประเทศไทยได้หรือไม่ และเมื่อใดจึงจะทราบการยืนยันในการส่งมอบวัคซีนที่แน่ชัดจากโมเดอร์นา

บริษัทฯ ขอแจ้งให้ทราบว่า วัคซีนโควิด-19 โมเดอร์นา จำนวน 1.9 ล้านโดส มีกำหนดจะมาถึงประเทศไทยภายในไตรมาส 4 ปี 2564 โดยจากกำหนดการล่าสุดที่บริษัทฯ ได้รับแจ้ง คาดว่าจะเริ่มส่งมอบวัคซีนครั้งแรกในเดือนพฤศจิกายน

นอกจากนี้ จากรายงานการส่งมอบวัคซีนโควิด-19 โมเดอร์นาให้แก่ประเทศอื่นๆ ที่ผ่านมา บริษัทฯคาดว่าการส่งมอบวัคซีนให้แก่ประเทศไทยนั้น น่าจะมีแนวทางที่คล้ายคลึงกัน คือ มีการทยอยส่งมอบทุกสัปดาห์ต่อเนื่องกัน สัปดาห์ละประมาณ 1-3 แสนโดส สำหรับวัคซีนส่วนที่เหลืออีกจำนวน 6.8 ล้านโดส ซึ่งได้ลงนามในสัญญาการจัดหาวัคซีนแล้วนั้น คาดว่าจะสามารถส่งมอบได้ในไตรมาสแรกของปี 2565

สำหรับวันในการส่งมอบที่ชัดเจน บริษัทฯ จะสามารถแจ้งให้ทราบได้ภายหลังจากวัคซีนที่เตรียมจัดส่งให้แก่ประเทศไทยได้ผ่านการตรวจสอบคุณภาพตามมาตรฐานของโรงงานผู้ผลิตเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แม้ว่าทางบริษัทฯ จะพยายามเร่งรัดการส่งมอบวัคซีนให้เกิดขึ้นโดยเร็วที่สุดในทุกขั้นตอน อย่างไรก็ตาม บริษัทฯจะได้รับการแจ้งจากผู้ผลิตถึงการยืนยันวันที่แน่ชัดในการจัดส่งวัคซีน ล่วงหน้าเพียง 2 สัปดาห์ก่อนที่จะมีการดำเนินการจัดส่งวัคซีนมายังประเทศไทย

ในขณะนี้ แซดพี เทอราพิวติกส์ และองค์การเภสัชกรรม กำลังทำงานใกล้ชิดกับโมเดอร์นา และทางบริษัทฯ ขอยืนยันกับประชาชนชาวไทยว่า แซดพี เทอราพิวติกส์ กำลังทำทุกวิถีทางเท่าที่จะเป็นไปได้เพื่อส่งมอบวัคซีนให้แก่ประเทศไทยได้โดยเร็วที่สุด เมื่อได้ข้อมูลเกี่ยวกับวันการส่งมอบเพิ่มเติมที่ชัดเจนกว่านี้ บริษัทฯ จะแจ้งให้ทราบเป็นระยะ

สปสช.ชวนฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ฟรีคู่กับวัคซีนโควิดเว้นระยะห่าง 2 สัปดาห์ ช่วยลดภาวะแทรกซ้อนหากเกิดติดเชื้อโควิด 

นพ.สาธิต ทิมขำ ผู้อำนวยการสำนัก กลุ่มภารกิจสนับสนุนการเข้าถึงบริการปฐมภูมิ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เปิดเผยว่า ขณะนี้อยู่ในช่วงฤดูฝน สปสช.จึงอยากขอเชิญประชาชนมารับวัคซีนไข้หวัดใหญ่ควบคู่ไปกับการรับวัคซีนโควิด-19 ด้วย 

นพ.สาธิต กล่าวว่า ปกติแล้ว สปสช.ให้สิทธิประโยชน์ฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่แก่ประชาชน 7 กลุ่มเสี่ยง คือ ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง อาทิ โรคหอบหืด โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง เบาหวาน โรคหลอดเลือดสมอง ไตวายเรื้อรัง โรคหัวใจ ผู้ป่วยมะเร็งที่กำลังรักษาด้วยเคมีบำบัด กลุ่มผู้สูงอายุที่เกิน 65 ปีขึ้นไป กลุ่มเด็กเล็กเด็กอายุตั้งแต่ 6 เดือนถึง 2 ขวบ กลุ่มผู้พิการ กลุ่มผู้ที่มีน้ำหนักเกิน 100 กก. ขึ้นไปและกลุ่มหญิงตั้งครรภ์ โดยเริ่มรณรงค์ให้ฉีดมาตั้งแต่เดือน พ.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งปกติแล้วแต่ละปีจะได้รับจัดสรรงบประมาณ 2 ล้านโดส แต่ปีนี้เป็นปีพิเศษ รัฐบาลจัดสรรงบประมาณจำนวน 6.4 ล้านโดส ซึ่งตั้งแต่เดือน พ.ค.จนถึงปัจจุบัน ให้บริการไปเกือบ 2 ล้านโดส ยังมีวัคซีนเหลืออีกประมาณ 4 ล้านโดส 

นพ.สาธิต กล่าวว่า การรับวัคซีนไข้หวัดใหญ่ควบคู่ไปกับวัคซีนโควิด-19 จะเป็นประโยชน์อย่างมาก เพราะมีการวิจัยแล้วพบว่าถ้าฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่แล้วติดเชื้อโควิด-19 ก็จะช่วยลดภาวะแทรกซ้อนโดยเฉพาะในผู้สูงอายุ หรือพูดง่ายๆคือป่วยรุนแรงน้อยลง ความเสี่ยงที่จะเสียชีวิตก็จะลดลง นอกจากนี้ ถ้าพูดถึงโรคไข้หวัดใหญ่โดยตรง การฉีดวัคซีนก็จะลดความรุนแรงของโรค ลดโอกาสป่วยหนักจนเป็นปอดบวม อาการป่วยไม่หนักจนต้องนอนโรงพยาบาลและรักษาเร็วหายเร็วขึ้น 

นพ.สาธิต กล่าวด้วยว่า นอกจาก 7 กลุ่มเสี่ยงข้างต้นแล้ว คณะกรรมการ สปสช. ยังอนุมัติกลุ่มเป้าหมายเพิ่มเติม โดยเพิ่มกลุ่มบุคลากรที่ดูแลผู้ป่วยโควิด-19 หรือสายงานอื่นๆที่สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วย กลุ่มที่พักอาศัยหรือทำงานในที่ที่มีการรวมตัวกันของคนหมู่มาก เช่น ชุมชนแออัด ตลาด สถานที่สาธารณะหรือแม้กระทั่งผู้ขับขี่รถโดยสาร และอีกกลุ่มคือกลุ่มครูและเด็กนักเรียนที่กำลังใกล้เปิดเทอมเร็วๆนี้ ดังนั้นจึงถือเป็นโอกาสดีที่ทุกคนจะสามารถเข้ามารับวัคซีนไข้หวัดใหญ่ไปพร้อมกับวัคซีนโควิด-19 ได้ 

“สิทธินี้ถือเป็นการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรค ดังนั้นไม่เฉพาะสิทธิบัตรทอง แต่สิทธิประกันสังคม ข้าราชการหรือสิทธิอื่นๆก็มาฉีดได้ ดังนั้นควรจะฉีดนะครับ ที่ผ่านมาบางคนถึงแม้ไม่มีสิทธิ์เขาก็ยอมที่จะเสียเงินไปฉีดตามโรงพยาบาลเอกชนเองเข็มละ 500-700 บาท แต่ตอนนี้ สปสช.เราขยายสิทธิให้ฉีดฟรีตั้งแต่วันนี้ไปจนถึงสิ้นปีครับ”นพ.สาธิต กล่าว 

นพ.สาธิต กล่าวด้วยว่า สำหรับข้อแนะนำในการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ร่วมกับวัคซีนโควิด-19 นั้น ให้เว้นระยะประมาณ 2 สัปดาห์เป็นต้นไป โดยสามารถฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ก่อนแล้วค่อยฉีดวัคซีนโควิด-19  หรือฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้จบก่อนแล้วมาฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ต่อ หรือฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่คั่นกลางระหว่างวัคซีนโควิด-19 เข็มที่ 1 กับ 2 ก็ได้ แต่ต้องห่างกันอย่างน้อย 2 สัปดาห์ เหตุผลเพื่อไม่ให้เกิดความสับสนกรณีที่ผลข้างเคียง จะได้แยกได้ว่าเกิดจากวัคซีนอะไร และเพื่อไม่ให้ปฏิกิริยาระหว่างการฉีดวัคซีน 2 ตัวนี้ปนกัน จะได้มีภูมิคุ้มกันในระดับที่ดีทั้งสองตัว 

ทั้งนี้ ผู้ที่สนใจฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ สามารถติดต่อที่ศูนย์บริการสาธารณสุข หรือโรงพยาบาล โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) ได้โดยตรง รวมถึงโรงพยาบาลตามสิทธิหรือโรงพยาบาลที่ท่านไปรับบริการเป็นประจำ โดยอาจโทรสอบถามก่อนว่ามีวัคซีนหรือไม่ ถ้ามีก็จะได้ทำการนัดหมายจองคิวล่วงหน้าแล้วเข้าไปฉีดได้เลย เพื่อไม่ให้ไปแออัดในโรงพยาบาล

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net