คนไทยในสหรัฐฯ แจ้ง ตร. - เอฟบีไอ ปมถูก ททท. นิวยอร์กนำเอกสารไปเบิกเงินเท็จ

ชาวไทยในสหรัฐฯ สองรายแจ้งความดำเนินคดีอดีต ผอ. และรอง ผอ. ททท. ประจำนครนิวยอร์ก โดยระบุว่าถูกนำสำเนาใบขับขี่และกรีนการ์ดไปเบิกเงินเท็จในจำนวนราว 135,000 บาท และ 20,300 บาท สอบถาม ป.ป.ช. และ ททท. ในเมืองไทยเป็นปีแต่ยังไม่มีคำตอบเป็นทางการ

ป้ายสำนักงานใหญ่ ททท. ที่ ถ.เพชรบุรีตัดใหม่

4 ต.ค. 2564 ผู้สื่อข่าวได้รับรายงานว่า เมื่อเดือน ส.ค. 2563 มีชาวไทยในสหรัฐอเมริกาแจ้งความดำเนินคดีกับ พิชนญ์อร (ชื่อเดิม จริญญา) เกียรติลัภนชัย ผู้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ประจำนครนิวยอร์กเมื่อปี 2562 ซึ่งเป็นผู้นำสำเนาใบขับขี่ของเธอไปเบิกเงินค่าเดินทางจำนวน 4,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 135,000 บาท

ผู้สื่อข่าวติดต่อไปยังสุธีรา นาควัชระ ผู้เสียหาย โดยสุธีราเล่าว่าเธอมีอาชีพเป็นผู้อำนวยการวิจัยเรื่องแรงงานเเละการค้ามนุษย์ และเป็นผู้ก่อตั้งคณะนาฎศิลป์โสมภา (Somapa Thai Dance Company) ในสหรัฐฯ ที่ทางสถานเอกอัครราชทูตไทยในสหรัฐฯ และ ททท. เคยติดต่อให้ไปแสดงอยู่เป็นประจำ โดยเมื่อเดือน มี.ค. ปี 2562 คณะนาฏศิลป์ได้รับการติดต่อจาก ททท. ให้ไปแสดงในงานเกี่ยวกับการท่องเที่ยวในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. และทาง ททท. ได้ใช้ใบขับขี่ของเธอเป็นหลักฐานในการรับค่าตอบแทน

แต่ในช่วงเดือน ส.ค. ปีเดียวกัน เธอได้รับข้อมูลและเอกสารภายใน ว่ามีการนำสำเนาใบขับขี่ของเธอไปเบิกค่าเช่ารถและค่าบริการขับรถในรัฐแมสซาชูเซตส์ แล้วออกใบเสร็จปลอมว่ามีการรับเงินเพื่อนำเงินเข้ากระเป๋าพนักงานของ ททท. โดยในช่วงเวลาที่ ททท. อ้างว่ามีการว่าจ้างนั้น ตัวสุธีราอยู่ที่ประเทศไทย

นอกจากพิชนญ์อรหรือจริญญา เธอยังระบุว่ามีมณฑิรา ประคองพันธ์ รองผู้อำนวยการ ททท. ณ นครนิวยอร์กขณะนั้นมีส่วนรู้เห็นด้วย

พิศรา ล้ำภักดี ที่ปรึกษาอิสระงานทรัพยากรมนุษย์ในสหรัฐฯ อดีตพนักงาน ททท. สำนักงานนิวยอร์ก ผู้เสียหายอีกคนเล่าว่า เธอเคยให้บัตรผู้อาศัยถาวรในสหรัฐฯ (กรีนการ์ด) กับ ททท. เพื่อเป็นเอกสารสมัครงานที่นั่น แต่หลังจากที่เธอลาออก มณฑิราได้ใช้สำเนากรีนการ์ดที่เก็บไว้ในระบบไปกระทำการเบิกจ่ายเท็จ โดยทำเอกสารราชการเท็จว่าได้จ้างเธอไปช่วยทำงานอีเวนท์ในเมืองบอสตันเมื่อวันที่ 8-10 ก.พ. 2562 พร้อมกับปลอมลายเซ็นของเธอ โดยในช่วงเวลาข้างต้น พิศราเองก็อยู่ในประเทศไทยเช่นกัน และพิศราก็ได้แจ้งความดำเนินคดีกับทั้งอดีต ผอ. และรอง ผอ. ของ ททท. ณ นครนิวยอร์กแล้วเช่นกัน

ในช่วงปีที่ผ่านมา สุธีราได้ร้องเรียนเรื่องกรณีการทุจริตไปยัง ททท. และสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ไปแล้ว แต่ยังไม่ได้รับการเเจ้งผลการสอบสวนอย่างเป็นทางการ นอกจากนั้นยังได้แจ้งความร้องทุกข์กับทางตำรวจท้องถิ่นเเละสำนักงานสอบสวนกลาง (FBI) ที่สหรัฐฯ แล้วด้วย

เมื่อ 2 ก.ย. 2564 ประชาไทติดต่อเพื่อขอคำชี้แจงจากผู้ว่าการ ททท. แต่หลังจากส่งหนังสือ และมีการติดตามทวงถามอีกสองครั้งผ่านทางอีเมล์ก็ยังไม่ได้รับการตอบรับใดๆ เมื่อติดต่อไปทางโทรศัพท์ ระบบอัตโนมัติระบุว่า ททท. ได้ให้เจ้าหน้าที่ทำงานที่บ้าน โดยให้ติดต่อกับ ททท. ทางอีเมล์แทน

เมื่อสอบถามไปยัง ป.ป.ช. ได้ความว่าเรื่องร้องเรียนได้ไปถึงสํานักไต่สวนการทุจริตภาครัฐวิสาหกิจเป็นเวลาราวหนึ่งปีแล้ว โดยเรื่องยังอยู่ระหว่างการดำเนินการในชั้นตรวจสอบข้อเท็จจริง เท่าที่ทราบมา ทาง ททท. ก็กำลังตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องดังกล่าว ตามกระบวนการนั้น เมื่อตรวจรับหนังสือมาแล้วก็จะมีการตรวจสอบข้อเท็จจริง หากมีมูลก็จะตั้งคณะกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริงตามกฎหมายและเสนอคณะกรรมการ ป.ป.ช. เพื่อชี้มูลความผิด ถ้าหากเป็นความผิดทางอาญาก็จะส่งอัยการเพื่อฟ้องคดีต่อไป แต่ถ้าไม่มีมูล ข้อกล่าวหาก็จะตกไป 

สุธีราและพิศรามองว่าการไม่เพิกเฉยต่อการกระทำผิดเป็นเรื่องสำคัญในการป้องปรามไม่ให้ผู้กระทำผิดมองว่าสิ่งที่ทำเป็นเรื่องที่ใครๆ ก็ทำได้ ไม่ใช่เรื่องร้ายแรง สิ่งที่เกิดขึ้นนี้ ในประเทศที่พัฒนาแล้วแล้วอย่างสหรัฐฯ ถือว่าเป็นอาชญากรรมที่ร้ายแรง และในทางกฎหมายหลายๆ ประเทศ การขโมยอัตลักษณ์ของบุคคลก็ถือเป็นอาชญากรรมที่ร้ายแรงเช่นกัน เพราะอาจก่อความเสียหายต่างๆ ที่ไม่สามารถประเมินได้

"ไม่เคยนึกว่าจะเกิดอะไรขึ้นอย่างนี้ เราทำด้วยความเต็มใจ เราอยากช่วยชาติ ที่เรามาแสดง เราต้องการช่วยเผยแพร่วัฒนธรรมไทยที่อเมริกา เราจะรู้สึกดีมากเวลาสถานทูต หรือ ททท. มาติดต่อให้ไปแสดงนาฏศิลป์ เราจะทำด้วยความเต็มใจเลยนะ เพราะอยากช่วยโปรโมตวัฒนธรรมไทย นี่ก็เป็นครั้งแรก (ที่ถูกเอาเอกสารไปกระทําทุจริต) งงเลย" สุธีรากล่าว

"เราไม่ได้เสียเงินเอง คนที่เสียเงินคือรัฐบาลไทย เราอยากจะให้มีความตื่นตัวเรื่องคอร์รัปชั่นในเมืองไทยมากขึ้น ที่มันมีการทุจริตเกิดขึ้นตลอดเวลาก็เพราะคนไทยคิดว่าใครๆ ก็ทำ คือเราคิดว่ามันไม่ใช่เรื่องปกตินะ เเละไม่สมควรที่จะยอมรับว่านี่คือเรื่องปกติด้วย เพราะมันจะทําให้คนทํากันไปเรื่อยๆ เเล้วประเทศเราก็จะล่มจม จริงมั้ย ถึงมันเป็นเรื่องเล็กอย่างนี้ แต่ถ้าเราทำให้ประชาชนรู้ว่าองค์กรของรัฐบาลไทยทำอย่างนี้กับประชาชน มันอาจจะทําให้คนไทยมีความตระหนักมากขึ้นเเละไม่ยอมรับว่าการทุจริตเป็นเรื่องปกติ"

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท