Skip to main content
sharethis

ปี 2530 ผมทำนิตยสารธุรกิจ ไปสัมภาษณ์เจ้าของหมู่บ้านหรู เล่าว่าครอบครัวเขาเพิ่งกลับจากอเมริกา โยกย้ายไปตั้งแต่หลัง 6 ตุลา 2519

เขาไม่ได้เป็นแกนนำนักศึกษา ไม่เกี่ยวสักนิดด้วยซ้ำ เป็นนักธุรกิจธรรมดา แต่บรรยากาศมันไม่น่าอยู่ ใครเกิดทันยุครัฐบาลหอยคงจำได้ ถึงไม่ใช่ฝ่ายซ้ายก็อึดอัด ตั้งแต่การเซ็นเซอร์-สั่งปิดหนังสือพิมพ์ จนไทยรัฐเดลินิวส์ต้องแข่งกันลงนิยายกำลังภายใน หนังฮอลลีวู้ดก็ไม่ได้ฉาย เพราะรัฐตั้งกำแพงภาษี หอยจะอยู่ 12 ปีเพื่อสอนคนไทยให้เข้าใจประชาธิปไตย

บรรยากาศหลัง 6 ตุลาไม่น่าทำธุรกิจ ทั้งภาพลักษณ์ประเทศโหดเหี้ยม “เก้าอี้ฟาด” ทั้งความกังวลอนาคต สงครามกับ พคท.รุนแรง ทั้งการกลับมามีอำนาจมากของรัฐราชการงี่เง่าฉ้อฉล

6 ตุลา สูญเสียนักศึกษาทั้งที่ถูกฆ่าและหนีเข้าป่าหลายพันคน ที่จะเป็นมันสมองประเทศ แม้กลับมาภายหลัง กลายเป็นทั้งนักธุรกิจนักการเมืองนักวิชาการ เป็นรัฐมนตรีที่จะพาคนไทยไปดวงจันทร์ (ไชโย เป็นบุญของประเทศที่ตอนนั้น ฯพณฯ ไม่โดนลูกเสือชาวบ้านจับแขวนคอ)

ธงชัย วินิจจะกูล เล่าว่าตอนนั้นมีนักศึกษาคนหนึ่ง ไม่ได้ไปชุมนุมด้วยซ้ำ แต่ถูกจับขังยาว เพราะเป็นคนญวนอพยพ (ซึ่งปัจจุบันขายแหนมเนืองกันรุ่งเรือง) แม้ต่อมาได้ปล่อยตัวก็ยังโดน กอ.รมน.เอาไปเค้นต่อ ภายหลังทราบว่าเขาเรียนจบแล้วก็ย้ายไปอยู่ต่างประเทศ

6 ตุลาทำให้ “สมองไหล” จำนวนมาก คล้ายกับยุคปัจจุบัน แม้ไม่มีป่าให้เข้า ก็เกิดกลุ่ม “ย้ายประเทศกันเถอะ” ในเฟสบุ๊ค ซึ่งมาจากสาเหตุทั้งทางการเมือง เศรษฐกิจ วัฒนธรรม และเอาเข้าจริง มีคนย้ายไปเงียบ ๆ ก่อนนั้นแล้วตั้งเยอะ ทุนไทยก็ออกไปลงทุนต่างประเทศแล้วตั้งเยอะ

เพียง 1 ปีหลัง 6 ตุลา ก็เห็นชัดว่ารัฐประหารพาลงเหว ชนชั้นนำจำต้องปรับตัว เกรียงศักดิ์ทำรัฐประหารซ้อนล้มรัฐบาลหอย ร่างรัฐธรรมนูญสู่เลือกตั้ง ปล่อยผู้นำนักศึกษา ต่อด้วยเปรม 66/23 “ประชาธิปไตยครึ่งใบ” ทหารคุมอำนาจ แต่ยอมให้นักการเมืองมีเอี่ยวผ่านเลือกตั้ง ยอมให้ภาคธุรกิจมีเอี่ยวผ่าน กรอ. เปิดพื้นที่ให้สื่อนักวิชาการ (แต่ด่าเปรมมากก็โดนทหารดักตีหัว) แล้วพอดี๊ ญี่ปุ่นย้ายฐานการผลิตมาไทย เศรษฐกิจบูม

45 ปีผ่านไป เกิดขบวนคนรุ่นใหม่กว้างใหญ่ไพศาล แม้ไม่มีลักษณะจัดตั้ง ก็เป็นฉันทามติออนไลน์ ชูสามนิ้วตั้งแต่ Gen Y Gen Z วัยทำงาน นักศึกษา นักเรียนมัธยม กระทั่งเยาวรุ่นทะลุแก๊ส ซึ่งโดนรัฐประยุทธ์จับกุมคุมขัง ยัดข้อหา ใช้ความรุนแรงปราบปรามประวัติศาสตร์ซ้ำรอย? ไม่หรอก ประวัติศาสตร์หมุนไปข้างหน้า ชนชั้นนำไทยต่างหากถอยหลัง

อำนาจอนุรักษนิยมทำรัฐประหาร 2 ครั้ง 2549 เสียของ 2557 อยู่นาน ยกร่างรัฐธรรมนูญถอยหลังยิ่งกว่าประชาธิปไตยครึ่งใบ ถอยไปคาบเส้นก่อน 2475 จนถูกต่อต้าน แต่ก็เฉยเมยไม่ยอมปรับตัวเหมือนชนชั้นนำรุ่น 2520 มั่นใจว่าตัวเองคุมอำนาจเบ็ดเสร็จทุกอย่าง รัฐราชการทหารตำรวจศาล ย้ายได้กระทั่งพระ

เราอยู่ช่วงไหนของ 6 ตุลา? เพราะเกิดการเข่นฆ่าไปแล้ว 99 ศพปี 53 จับกุมคุมขัง ใช้อำนาจอยุติธรรมกับมวลชนเสื้อแดง ทั้งปี 53 ปี 57 ตอนนี้ก็คุมขังแกนนำราษฎร ดำเนินคดีคนเป็นพัน ทั้ง 112 ทั้งม็อบไล่ตู่ ซึ่งยังไม่จบ

สถานการณ์ยืดเยื้อมาจากอำนาจที่เป็นปฏิปักษ์ประชาธิปไตยนั้นใหญ่โตมหึมา แต่ก็เอาชนะประชาชนไม่ได้ ยิ่งมายิ่งเสื่อม โดยเฉพาะอำนาจศรัทธา ยิ่งมายิ่งไม่เห็นทางออก เพราะไม่ยอมหาทาง Compromise ลดอำนาจลดทัศนคติลงมาอยู่ร่วมกับประชาชนไม่ได้ จะเอาให้ได้ดังใจตนอย่างเดียว

ภาวะยืดเยื้อนี่แหละทำลายประเทศ ทั้งไม่รู้ว่าอำนาจอนุรักษนิยมจะหน้ามืดก่อเหตุคล้าย 6 ตุลาอีกหรือไม่ ทั้งไม่รู้ว่าจะหาทางลงกันอย่างไร มืดมนไปหมด เมื่ออำนาจดันทุรัง

ไม่แปลกเลยที่มีคนย้ายประเทศ ย้ายฐานการลงทุน ในขณะที่รัฐบาล propaganda คุยว่าต่างชาติจะมาลงทุน ล้านมั่งคั่งจะซื้อบ้านคอนโด

 

ที่มา: ข่าวหุ้นธุรกิจ www.kaohoon.com/column/482933

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net