ประชุมใหญ่ 'ก้าวไกล' ประกาศวิสัยทัศน์พลิกชะตาดินแดนต้องคำสาปห้ามพัฒนา

ประชุมใหญ่ 'ก้าวไกล' ประกาศปักธงอีสาน 'พิธา' ปราศรัยเปิดความฝัน 'วิถีก้าวไกล' ย้ำปัญหารัฐราชการ-ชนชั้นนำเป็นเสือนอนกินฉุดรั้งการพัฒนา 'ศิริกัญญา' เปิดข้อมูลภาคอีสาน ชี้ถูกโครงสร้างประเทศขัดขวางการพัฒนาทุกด้าน 'เดชรัต' ชูแนวคิด 'อีสานสองเท่า' เพิ่มรายได้ต่อหัวคนอีสานเท่าตัวภายใน 10 ปี ใช้รัฐสวัสดิการลดความเหลื่อมล้ำ 'ชัยธวัช' ลั่นพอกันทีระบอบปรสิต ย้ำสู้แบบเดิมได้ผลแบบเดิม

16 ต.ค. 2564 ทีมสื่อพรรคก้าวไกล รายงานว่าที่ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติขอนแก่น (KICE) พรรคก้าวไกลจัดการประชุมใหญ่สามัญประจำปี ครั้งที่ 1/2564 ในช่วงเช้า ก่อนเปิดเวทีปราศรัยนำเสนอนโยบายพรรคต่อประชาชนภายใต้ชื่องาน “ก้าวไกล ไปนำแหน่” ในช่วงบ่าย โดยมีการปราศรัยของทั้งแกนนำพรรค ตัวแทนว่าที่ผู้สมัครของพรรคก้าวไกลในภาคอีสาน และงานแสดงทางวัฒนธรรม ท่ามกลางประชาชนและผู้สนับสนุนพรรคที่เข้าร่วมกิจกรรมอย่างล้นหลาม ภายใต้มาตรการทางสาธารณสุขและการเว้นระยะห่างอย่างเข้มงวด

คุยกับ 3 ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ขอนแก่น 'ก้าวไกล' กับการสู้ศึกเลือกตั้งรอบหน้าที่ต้องเรียก 'ความเชื่อมั่น' จากคนในพื้นที่
'ก้าวไกล' จัดประชุมใหญ่ขอนแก่น ขอโอกาสครองใจคนอีสานปักธงประชาธิปไตย

'พิธา' ปราศรัยเปิดความฝัน 'วิถีก้าวไกล' ย้ำปัญหารัฐราชการ-ชนชั้นนำเป็นเสือนอนกินฉุดรั้งการพัฒนา - ชี้ก้าวไกลพร้อมชนต้นตอปัญหา

โดยในส่วนของพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เป็นผู้ขึ้นปราศรัยเปิดเวที ว่าด้วยเรื่องของ 'วิถีก้าวไกล' โดยระบุว่าในช่วงเวลาที่ผ่านมา พวกเราได้เดินทางไปทั่วประเทศ ไปส่งเสียงให้ประชาชนที่มีปัญหาซึ่งถูกหมักหมมและกดทับจากรัฐที่ส่วนกลาง ทำให้เราได้เห็นด้วยตาและด้วยใจของพวกเราทุกคนว่า ราคาของการรัฐประหารว่ามันมากมายขนาดไหน ได้เห็นว่าแผ่นดินนี้คือแผ่นดินต้องคำสาป ของการห้ามพัฒนา

คำสาปห้ามพัฒนาของประเทศนี้เกิดขึ้นจากห่วงโซ่ที่พันธนาการประเทศไทยร้อยเข้าด้วยกันอยู่ 3 ชั้น โดยชั้นที่หนึ่ง ก็คือ “ปัญหาการขาดเทคโนโลยี” เนื่องจากปัญหาการเมืองที่ไม่สามารถสร้างระบบนิเวศน์ ที่เอื้อต่อการทำให้บริษัทเทคโนโลยีขั้นสูงให้เกิดขึ้นได้ มาจากปัญหาชั้นที่สอง นั่นคือปัญหาของการมี “รัฐราชการรวมศูนย์” ที่เป็นเหมือนช้างตัวใหญ่อุ้ยอ้ายที่นั่งทับทุกปัญหาเอาไว้ไม่ให้พัฒนา แล้วดูดซับทรัพยากรเข้าส่วนกลางไปมากมายมหาศาล 

พิธากล่าวต่อไปถึงปัญหาชั้นที่สาม คือการมีคนบางกลุ่มได้ประโยชน์จากการแช่แข็งประเทศนี้ไปตลอดกาล พันธนาการประเทศไทยให้อยู่ในโครงสร้างที่ตัวเองอยู่บนยอดปิระมิด เป็นเหมือน “เสือนอนกิน” ที่ได้ประโยชน์จากความไม่เปลี่ยนแปลง

ดังนั้น การแก้ปัญหาของประเทศไทย จะเอานักบริหารที่เก่งมาทำอย่างเดียวไม่เพียงพอ แต่ต้องใช้ “วิถีก้าวไกล” ที่พร้อมสู้กับปัญหาทั้ง 3 ระดับ จัดการกับเสือนอนกินที่เป็นระบอบปรสิตกัดกินประเทศไทย รัฐราชการรวมศูนย์ที่กดทับทุกปัญหา เมื่อนั้นเราจึงพร้อมที่จะสร้างระบบนิเวศน์ให้เกิดเทคโนโลยีขึ้นในประเทศไทยได้

หัวหน้าพรรคยังกล่าวด้วยว่าการเมืองของความเปลี่ยนแปลงเป็นไปได้ เส้นทางของ “วิถีก้าวไกล” ไม่ใช่แค่การเดินทางไกลของตนคนเดียว แต่คือการเดินทางไกลของพวกเราทุกคนที่มาเป็นเพื่อนร่วมทางกัน 

“เจ็บปวดไปด้วยกัน มีความสุขไปด้วยกัน เกี่ยวแขนเดินกรุยทางไปข้างหน้าเพื่อเปลี่ยนประเทศนี้ไปด้วยกัน นี่คือการเดินทางไกลที่บทสุดท้ายจะเป็นบทที่ว่าด้วยชัยชนะของประชาชน” นายพิธากล่าวปิดท้าย

'ศิริกัญญา' เปิดข้อมูลภาคอีสาน ชี้ถูกโครงสร้างประเทศขัดขวางการพัฒนาทุกด้าน

ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคก้าวไกลฝ่ายนโยบาย ได้ขึ้นกล่าวถึงสถานการณ์ทางเศรษฐกิจของภาคอีสาน และแนวทางการแก้ปัญหาและพัฒนาพื้นที่อีสานของพรรคก้าวไกล

โดยในส่วนของศิริกัญญา ได้ปราศรัยในเรื่องของ “คำสาปห้ามพัฒนา ชะตากรรมที่คนอีสานต้องรับกรรม” โดยนำเสนอข้อมูลสถิติต่างๆ ที่เกี่ยวกับภาคอีสาน ซึ่งมีตัวเลขที่น่าตกใจจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นการที่ 10% ของทารกแรกเกิดมีน้ำหนักต่ำกว่าเกณฑ์, เด็ก ป. 1 มี IQ ต่ำกว่ามาตรฐานและต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของคนทั้งประเทศ, 23% ของนักเรียนชั้น ม.ต้นไม่ได้เข้าเรียนต่อ ม.ปลายหรืออาชีวะ, 80% ของแรงงานชาวอีสานไม่มีประกันสังคม, และรายได้ต่อหัวที่ต่างจากกรุงเทพถึง 5 เท่า

นั่นเพราะภาคอีสานยังเป็นเกษตรกรรมในขณะที่ทั้งประเทศถูกผลักดันให้เข้าสู่ภาคอุตสาหกรรมและบริการหมดแล้ว ทำให้ชาวอีสานต้องไปเป็นแรงงานในพื้นที่อื่น เหลือเพียงประชากรที่ไม่สามารถออกจากภาคเกษตรได้

นอกจากนี้ พื้นที่เกษตรกรรมในภาคอีสาน มีจำนวนถึง 64 ล้านไร่ จากพื้นที่เกษตรกรรมทั้งประเทศ 149 ล้านไร่ มีพื้นที่ศักยาพที่จะทำระบบชลประทานได้ถึง 27 ล้านไร่ แต่ตั้งแต่มีกรมชลประทานมา ทำพื้นที่ชลประทานไปได้แค่ 8 ล้านไร่ และยังเป็นพื้นที่ๆ ได้รับงบประมาณด้านชลประทานน้อยที่สุด น้อยกว่าภาคกลางถึง 3 เท่า

นอกจากนี้ หนี้ครัวเรือนของภาคอีสานโดยเฉลี่ย เพิ่มขึ้นกว่า 52% ภายในรอบปี 2552-2562 โดยเฉพาะในส่วนของหนี้ภาคการเกษตร ถมทับด้วยปัญหาการไร้ที่ดิน ซ้ำเติมด้วยการแย่งยึดที่ดินจากชาวบ้านผ่านนโยบายทวงคืนผืนป่า ที่มีการยึดที่ดินทำกินประชาชนไปถึง 8.5 แสนไร่ แต่เพิ่มพื้นที่ป่าได้เพียง 0.22% เท่านั้น

“เรื่องที่คนอีสานมีหนี้สินมากที่สุด ไม่ใช่เรื่องส่วนบุคคล ไม่ใช่เรื่องของความไร้วินัย ไม่รู้จักพอเพียง แต่เป็นปัญหาเชิงโครงสร้าง ที่มีหนี้ไม่ใช่เพราะไม่มีศักยภาพ คนอีสานเป็นคนที่ปรับตัวเก่ง แต่ที่อีสานต้องเป็นแบบนี้ ก็เพราะคนอีสานถูกกลั่นแกล้งโดยนโยบายรัฐอยู่ร่ำไปต่างหาก” ศิริกัญญากล่าว

'เดชรัต' ชูแนวคิด 'อีสานสองเท่า' เพิ่มรายได้ต่อหัวคนอีสานเท่าตัวภายใน 10 ปี ใช้รัฐสวัสดิการลดความเหลื่อมล้ำ

ด้าน เดชรัต สุขกำเนิด ผู้อำนวยการศูนย์นโยบายเพื่ออนาคต (Think Forward Center) ของพรรคก้าวไกล ได้นำเสนอแนวนโยบายการพัฒนาภาคอีสาน ซึ่งมีเป้าหมายคือการทำให้รายได้ต่อหัวเพิ่มขึ้นแบบเท่าตัว และความยากจนลดลงภายในปี 2575 หรือ “อีสานสองเท่า” 

คือเป้าหมายที่ต้องการยกระดับผลิตภัณฑ์มวลรวมต่อหัวของภาคอีสาน ให้เพิ่มขึ้นเท่าตัว จากเฉลี่ย 83,594 บาทต่อคนต่อปี ในปี 2020 เป็น 183,676 บาทต่อคนต่อปี ในปี 2032

ซึ่งเมื่อมาวิเคราะห์สถานการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจในภาคอีสานแล้ว จะเห็นได้ว่าแต่ละภาคส่วนมีความสำคัญและการเติบโตที่ไม่เหมือนกัน เช่น ภาคที่มีความสำคัญมากแต่เติบโตน้อย คือภาคเกษตร อุตสาหกรรมการผลิต และการศึกษา ส่วนที่เติบโตปานกลางคือค้าส่งและค้าปลีก ในส่วนนี้ ต้องแก้ปัญหาเพื่อเร่งการเติบโตให้เร็วขึ้น

ส่วนภาคที่ยังมีความสำคัญน้อยแต่เติบโตขึ้นมากในช่วงที่ผ่านมา ก็ได้แก่ศิลปะ บันเทิง นันทนาการ ภัตตาคารและโรงแรม ไฟฟ้าและก๊าซ และโทรคมนาคมและข้อมูลข่าวสาร ซึ่งส่วนนี้เรียกได้ว่าเป็นเศรษฐกิจดาวรุ่ง ที่ยิ่งต้องพัฒนาให้มีความสำคัญมากขึ้นในอนาคต

และยังมีเศรษฐกิจภาคสนับสนุน และภาคสนับสนุนพื้นฐาน ไม่ว่าจะเป็นขนส่งและเก็บรักษา วิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคนิค การเงินและประกันภัย ประปาและสุขาภิบาล สุขภาพและบริการสังคม การจัดการและธุรกิจสนับสนุน อสังหาริมทรัพย์ การบริหารราชการ ก่อสร้าง และบริการอื่นๆ ก็ต้องได้รับการพัฒนาให้เติบโตมากขึ้น รวมถึงการพัฒนาในทางคุณภาพด้วย

เดชรัต ระบุว่าอย่างไรก็ตาม การขยายการเติบโตทางเศรษฐกิจนี้ จะขาดการเข้าถึงกลุ่มคนที่จนที่สุดของประเทศไปไม่ได้ ซึ่งภาคอีสานมีครบในทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นด้านของกลุ่มครัวเรือนที่มีรายได้น้อยที่สุดในประเทศ หนี้ภาคเกษตรและการบริโภคมากที่สุด การพึ่งพิงสวัสดิการและเงินช่วยเหลือที่สูง และมีอัตราการพึ่งพิงของเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี และผู้สูงอายุสูงที่สุด เป็นต้น

ซึ่งในส่วนนี้ พรรคก้าวไกล ก็ยังคงยืนยันแนวทางจัดสรรสวัสดิการแบบถ้วนหน้า โดยมีกรอบข้อเสนอประกอบด้วยการมีเงินอุดหนุนเด็กเล็ก, เงินสนับสนุนการเรียนรู้, บำนาญผู้สูงอายุ, หลักประกันสุขภาพ, กองทุนประกันสังคม, และเบี้ยยังชีพผู้พิการ ที่มีอัตราเพิ่มขึ้นเป็นระยะ จนสามารถนำไปสู่ความมั่นคงทางการเงินของครัวเรือนได้

ตัวแทนว่าที่ผู้สมัครอีสานเปิดวิสัยทัศน์ ชูธงความคิด “ก้าวไกล” พร้อมลุยศึกเลือกตั้ง

หลังจากนั้น ได้มีการกล่าวปราศรัยโดยว่าที่ผู้สมัครของพรรคก้าวไกลในพื้นที่อีสานจำนวน 3 ราย ที่เป็นตัวแทนแนวคิดของพรรคก้าวไกลในภาคอีสาน ประกอบด้วย ชัชวาล อภิรักษ์มั่นคง ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ขอนแก่น ในอำเภอน้ำพอง, อดิศักดิ์ สมบัติคำ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขต 1 มหาสารคาม, และอรนุช ผลภิญโญ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ชัยภูมิ อ.คอนสาร

ซึ่งทั้งหมดได้สลับขึ้นปราศรัยถึงแรงบันดาลใจและแนวคิดของตน ที่สอดคล้องกับอุดมการณ์ของพรรคก้าวไกล และความฝันที่อยากเห็นการเปลี่ยนแปลงบนผืนแผ่นดินอีสาน 

ไม่ว่าจะเป็นชัชวาล ในฐานะที่ครอบครัวเป็นร้านค้าประจำอำเภอ ได้เห็นสภาพความยากลำบากของประชาชน โดยเฉพาะเกษตรกรที่ได้มาสะท้อนปัญหาอยู่เสมอ ได้เห็นสภาพความเป็นอยู่ และเศรษฐกิจของชาวบ้านผ่านร้านค้าของครอบครัวมาตั้งแต่เล็ก มีความฝันที่อยากดึงเอาศักยภาพของภาคอีสานและจังหวัดขอนแก่น ที่มีทั้งบุคลากรที่มีความสามารถ มหาวิทยาลัยชั้นนำระดับภูมิภาค และแนวคิดใหม่ๆ มาพัฒนาพื้นที่ให้หลุดจากความยากจนให้ได้อย่างถาวร

ด้านอรนุช ซึ่งเป็นนักเคลื่อนไหวในประเด็นที่ดินและป่าไม้ที่ทับซ้อนที่ทำกินชาวบ้านมาตั้งแต่สมัยเป็นนักศึกษา เล่าถึงความทุกข์ยากของชาวอีสานที่ไร้ที่ดินทำกิน และยังถูกกดทับจากภาครัฐ ไล่ประชาชนออกจากพื้นที่ทำกินที่ทับซ้อนกับเขตป่ามามากมาย เป็นความเจ็บช้ำที่ตนเห็นจากการที่ประชาชน ผู้ควรเป็นเจ้าของทรัพยากรและกำหนดชีวิตตัวเองได้ กลับไร้ซึ่งอำนาจโดยสิ้นเชิง และมีความมุ่งหวังที่จะเข้าไปผลักดันการเปลี่ยนแปลงให้ชาวอีสานมีสิทธิอำนาจเหนือทรัพยากรในพื้นที่ของตน และมีที่ทำกินเป็นของตนเองได้โดยไม่ถูกรัฐเข้าคุกคาม

ส่วนนายอดิศักดิ์ ได้เล่าถึงเรื่องของการเป็นคนที่เติบโตมาจากภาคเกษตร ได้เห็นสภาพบ้านเกิดเมืองนอนอย่างจังหวัดมหาสารคามที่ไม่เคยเปลี่ยนไปเลยในรอบ 40 ปี ปัญหาที่มีอยู่อย่างไรก็ยังเป็นเช่นนั้น ไม่ว่าจะเป็นการเข้าไม่ถึงทรัพยากร การได้รับการปฏิบัติที่ไม่เท่าเทียมจากภาครัฐ การเข้าไม่ถึงบริการภาครัฐ ความยากจนเหลื่อมล้ำ ซึ่งโจทย์ในการสร้างรัฐสวัสดิการ ประชาธิปไตย และการกระจายอำนาจ ที่นำเสนอมาตั้งแต่สมัยอดีตอนาคตใหม่ จนมาเป็นพรรคก้าวไกลในวันนี้ คือความฝันเดียวกันที่ตนมุ่งหวังจะผลักดันให้เกิดขึ้นให้ได้

'ชัยธวัช' ลั่นพอกันทีระบอบปรสิต ย้ำสู้แบบเดิมได้ผลแบบเดิม ต้องเปลี่ยนสภาผู้แทนราษฎรให้เป็นผู้แทนราฎรจริง ๆ 

ด้านชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล ได้ขึ้นปราศรัยเป็นลำดับสุดท้าย ถึงยุทธศาสตร์ของพรรคก้าวไกลในสถานการณ์ทางการเมืองปัจจุบัน โดยระบุว่าวันนี้เป็นครั้งแรกที่พวกเราจากทั่วทั้งประเทศได้มารวมตัวกันอีกครั้ง นับตั้งแต่ที่ผู้มีอํานาจได้ยุบพรรคอนาคตใหม่ลงไป เพราะต้องการจะหยุดยั้งการเปลี่ยนแปลง 

แต่พวกเขาคิดตื้นเขินว่าเมื่อเอาธนาธรปิยบุตรออกจากสภาได้ การเดินทางของอนาคตใหม่จะพังทลายลง แต่พวกเขาคิดผิด เพราะวันนี้พวกเราผู้สานต่ออุดมการณ์อนาคตใหม่ ได้ฟื้นกลับมาอย่างแข็งแกร่งกว่าเดิม เติบโตมากกว่าเดิม แหลมคมกว่าเดิม ในนามพรรคก้าวไกล ภายใต้การนําของพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ว่าที่นายกรัฐมนตรีแห่งการเปลี่ยนแปลงคนต่อไป

ชัยธวัชกล่าวต่อไป ว่าเถ้าเราคิดแบบเดิม สู้แบบเดิม มันก็จะจบลงแบบเดิมๆ เป็นวงจรแบบเดิมๆ ดังนั้นการต่อสู้ครั้งใหม่ต้องการยุทธศาสตร์แบบใหม่ ถ้าอยากได้ประชาธิปไตยที่แท้จริง ต้องยืนตัวตรงต่อระบอบเผด็จการขุนศึก-ศักดินา ทำให้สภาผู้แทนราษฎรเป็นสภาผู้แทนราษฎรจริง ๆ ต้องกล้ายืนหยัดว่าอํานาจสูงสุดเป็นของประชาชน ยุติระบบราชการรวมศูนย์ เปลี่ยนโครงสร้างรัฐโบราณที่มองพวกเราเป็นคนในปกครองให้เป็นรัฐที่ประชาชนมีอํานาจในการกําหนดอนาคตตัวเอง

จะได้เศรษฐกิจที่ก้าวหน้า-ก้าวไกล ต้องทลายทุนผูกขาด “เสือนอนกิน” ระหว่างเจ้าสัวนายทุน-ขุนศึก ที่ผสมพันธุ์กันไปมา ทุนใหญ่ต้องออกไปแข่งขันในเวทีโลก แล้วเปิดพื้นที่ให้ธุรกิจรายเล็กรายน้อยได้เติบโต สร้างนวัตกรรมใหม่ ๆ พร้อมกับมีระบบสวัสดิการถ้วนหน้าเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจยุคใหม่ ทําให้ประชาชนมีความมั่นคงในชีวิต กล้าสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ในโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

“พอกันทีกับระบบที่บีบให้เราจน แล้วขนมาแจกเพื่อหวังว่าให้เราสํานึกบุญคุญของพวกเขา ถ้าหากอยากได้ประเทศไทยแบบใหม่ ไม่ใช่คิดแต่จะรวบรวมนักการเมืองให้ได้เยอะๆ เพื่อไปต่อรองเก้าอี้รัฐมนตรี หรือไปขอส่วนแบ่งงบประมาณของชาติ แต่ต้องทําให้นักการเมืองกลายเป็นผู้แทนราษฎรอย่างแท้จริงให้ดี แล้วใช้เวทีรัฐสภาปักธงความคิดในสังคม เราต้องเอาชนะทางความคิดให้ได้ ไม่ใช่แค่เอาชนะคะแนนเสียงเลือกตั้งเท่านั้น แน่นอนว่าเราเป็นพรรคการเมือง คะแนนเลือกตั้งนั้นสำคัญ แต่ถ้าหากเราคิดแค่คะแนนเสียงแต่ไม่เปลี่ยนความคิดในสังคมได้ สุดท้ายเราได้ ส.ส. กี่คนก็ตาม พวกชนชั้นนำจารีตก็จะกลับมาหวนทำร้ายพี่น้องประชาชนเหมือนเดิม” ชัยธวัชกล่าว

"เวลาเราชวนทุกคนเปลี่ยนแปลง เราชวนเปลี่ยนแปลงไปสู่อนาคต ไม่ได้เปลี่ยนกลับไปสู่อดีต ไม่มีอดีตให้เราเดินถอยหลังกลับไปอีกแล้ว เพราะสังคมไทยและสังคมโลกไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว เพราะถ้าเราจะเดินไปข้างหน้าได้ ต้องอาศัยระบบฐานคิด ทักษะมุมมอง และต้องการความกล้าหาญทางการเมืองแบบใหม่แบบที่ไม่เคยมีมาก่อน อย่าเปลี่ยนแปลงไปสู่อดีต เราไม่มีทางถอยอีกแล้ว มีแต่เปลี่ยนแปลงเพื่ออนาคตใหม่ ก้าวหน้า ก้าวไกล!"

"มีคนบอกตนว่าภาคอีสานมีเจ้าของแล้ว อีสานจะไม่เปลี่ยนแปลง แต่พวกเราไม่เชื่อว่าประชาชนมีเจ้าของ ตนไม่เคยเชื่อว่าประชาชนมีเจ้าของ ไม่ว่าจะคนเหนือ ใต้ กลาง อีสาน ล้วนไม่มีเจ้าของ เพราะเราทุกคนในผืนแผ่นดินนี้ล้วนเสมอภาคกัน และใครที่มองว่าตัวเองเป็นเจ้าของประชาชนแล้วเขาจะย้ำยีพี่น้องประชาชนอย่างไรก็ได้อย่างนั้นหรือ ผมคนหนึ่งที่จำได้ไม่ลืม เราจึงต้องมีพรรคก้าวไกลในวันนี้"

"พรรคก้าวไกลพิสูจน์ให้ประชาชนเห็นแล้วว่าพวกเราซื่อสัตย์ต่อประชาชน เป็นตัวแทนการเปลี่ยนแปลงแห่งยุคสมัย"

“หมดเวลาของ พล.อ.ประยุทธ์จันทร์โอชา หมดเวลาของรัฐธรรมนูญจากการรัฐประหาร ประชาชนต้องมีอํานาจในการจัดทํารัฐธรมนูญใหม่ทั้งฉบับ แก้ได้ทุกหมวด ไม่ต้องมาห้าม หมดเวลาของการเมืองของกลุ่มนักการเมืองที่พร้อมจะเกี๊ยะเซี๊ยะผลประโยชน์กันหลังฉาก หยุดจับกุมคุมขังคนหนุ่มสาวและประชาชนที่ต้องการการเปลี่ยนแปลง หยุดปิดกั้นความคิดความฝันแบบใหม่"

"กฎหมายที่ปิดปากประชาชนอย่าง ม.112 ก็ต้องถูกแก้ไข หากไม่ยอมให้แก้ ประชาชนจะเสนอให้ยกเลิกแทน คดีการเมืองต่างๆ ต้องถูกยุติและทบทวน เราต้องเปิดพื้นที่ปลอดภัยทางการเมืองให้พูดคุยกันอย่างมีวุฒิภาวะ ไม่ใช่ไปจับพวกเขาขังคุก คุณต้องคืนอิสรภาพให้พวกเขาแล้วสร้างฉันทามติที่คนทั้งสังคมจะอยู่ร่วมกันได้ในอนาคต"

"พอกันทีกับระบอบปรสิตที่กัดกินพวกเรามาตั้งแต่รุ่นปู่ย่าตายาย ก้าวหน้าก้าวไกลก้าวไปด้วยกัน" ชัยธวัชกล่าว

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
เรื่องที่เกี่ยวข้อง
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท