อัดระบอบประยุทธ์เอื้อทุนผูกขาด วงเสวนา ครป. ชี้คนชั้นกลางจะจนลง แนะนายกฯ ลาออก

วงเสวนา ครป. อัด 'ระบอบประยุทธ์' เอื้อประโยชน์ทุนผูกขาดสร้างความเหลื่อมล้ำ ชนชั้นกลางจะกลายเป็นคนจน ธุรกิจรายย่อยมีหนี้เสียเกือบครึ่งแต่เข้าไม่ถึงการช่วยเหลือ ขณะที่ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ถูกใช้ปกป้องรัฐบาลมากกว่าป้องกันโควิด แนะ พล.อ.ประยุทธ์ แก้ปัญหาไม่ได้ก็ลาออก 

22 ต.ค. 2564 เมธา มาสขาว เลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) รายงานว่า เวทีอภิปรายสาธารณะ Social Democracy Think Tank เรื่อง "ฝ่าวิกฤตเศรษฐกิจทุนผูกขาดและสังคมที่ล้มเหลว ภายใต้รัฐบาลประยุทธ์" จัดโดย ครป. และสถาบันสังคมประชาธิปไตย ณ ห้องประชุมอนุสรณ์สถาน 14 ตุลา สี่แยกคอกวัว (ด้านหลัง) มีผู้อภิปรายดังนี้ คือ รศ.ดร.วิวัฒน์ชัย อัตถากร นักวิชาการด้านเศรษฐศาสตร์สังคม อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยศิลปากร, ปรีดา เตียสุวรรณ์ นักธุรกิจเพื่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ผู้ร่วมเขียนกฎหมายแข่งขันทางการค้า และอดีตกรรมการปฏิรูปกฎหมาย, วรภพ วิริยะโรจน์ โฆษกคณะกรรมาธิการการเงิน การคลัง สถาบันการเงินและตลาดการเงิน สภาผู้แทนราษฎร (กมธ.การเงิน การคลังฯ), ไชยวัฒน์ หาญสมวงศ์ ประธานสภาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมไทย, และวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชั่น และแกนนำไทยไม่ทนฯ ดำเนินรายการโดยเมธา มาสขาว เลขาธิการ ครป.

นักวิชาการชี้ระบอบทุนนิยมผูกขาดเบ่งบาน คนชั้นกลางจะกลายเป็นคนจน

รศ.ดร.วิวัฒน์ชัย อัตถากร นักวิชาการด้านเศรษฐศาสตร์สังคม อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยศิลปากร กล่าวว่า การบริหารของรัฐบาลนำไปสู่ ธุรกิจผูกขาดขนาดใหญ่ซึ่งมีผลกระทบอย่างรุนแรงอย่างมาก ต่อการประกอบอาชีพ และการบริหารเศรษฐกิจไทยอย่างยั่งยืน ภายใต้การปกครองของรัฐบาลชุดนี้ 8 ปี ตนขอตั้งชื่อให้ว่าเป็น “ขุนนางใหม่ภายใต้รัฐบาลท็อปบูธ” ถือเป็นโมเดลใหม่ คือ การปกครองแบบอนุรักษ์นิยมสุดขั้ว ผูกขาดประเทศไทยเบ็ดเสร็จทุกด้าน เป็นระบบเศรษฐกิจทุนนิยม ที่ตนเรียกว่า “ระบบเศรษฐกิจผูกขาดอภิสิทธิ์ชนกินรวบสินทรัพย์”

“ระบบอุปถัมภ์เป็นตัวการใหญ่ที่ทำลายประชาธิปไตยไทย เพราะสร้างระบบอภิสิทธิ์อย่างพิเศษ ซึ่งค่อนข้างแตกต่างจากหลายประเทศ เพราะระบบอุปถัมภ์คือค่านิยมสังคมที่เป็นรากวัฒนธรรม ที่ฝังรากลึกของอำนาจใหญ่หลายชนชั้น ที่ตกทอดมาตั้งแต่ยุคโบราณ ทำให้เกิดการเล่นพรรคเล่นพวก สร้างคอนเน็กชัน ต่อสายอำนาจสร้างเครือข่ายเป็นระบบเงินตราสวามิภักดิ์ ทั้งในภาคราชการรัฐวิสาหกิจ ทหาร ตำรวจและองค์กรต่างๆ ทางการเมืองระดับชาติ และท้องถิ่น ธุรกิจเอกชนรายใหญ่ ตลาดเงิน ตลาดทุน ตลาดหุ้นล้วนแล้วแต่เกิดการผูกขาดมีสัมพันธ์แนบแน่นด้วยกันมาก” รศ.ดร.วิวัฒน์ชัย กล่าว

นักวิชาการด้านเศรษฐศาสตร์สังคม กล่าวอีกว่า รัฐไทยไม่ใช่รัฐของประชาชน แต่เป็นรัฐของนายทุน เพื่อนายทุน โดยนายทุน อย่างไรก็ตาม ในเรื่องของการทุจริตคอรัปชั่น ผลประโยชน์ทับซ้อนการเล่นพรรคเล่นพวก และความเหลื่อมล้ำทางรายได้ไม่ตั้งอยู่บนครรลอง ที่แท้จริงนี่คือความชั่วร้าย ที่โกยกำไรด้วยการผูกขาดการละเมิดละโมบคดโกงของผู้มีอำนาจ ซ้ำเติมในช่วง 8 ปีนี้ ปัญหาที่รอการแก้ไขจะเป็นเรื่องยุ่งเหยิงมาก ยังมองไม่ออกรัฐบาลว่าจะทำให้ประเทศไทยเป็นไทยแลนด์ 4.0 ได้อย่างไร

รศ.ดร.วิวัฒน์ชัย กล่าวว่า ประเทศไทยเป็นระบบอุปถัมภ์ จุดอ่อนของระบบทุนนิยมที่ถูกบิดเบือนบิดเบี้ยวจากผู้บริหารนโยบาย ทำให้เกิดระบบทุนนิยมผูกขาด กินรวบสินทรัพย์ ทุนผูกขาดมีมานานแล้ว แต่แบ่งบานในช่วงการครองอำนาจของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี นับแต่หลังการรัฐประหารปี 2557 เป็นต้นมา

อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยศิลปากร กล่าวด้วยว่า หากรัฐไทยยังดำเนินไปเช่นนี้ คนชั้นกลางจะกลายเป็นคนจนรุ่นใหม่ เนื่องจากทรัพยากรถูกผันขึ้นข้างบน วิกฤติข้างหน้าคือ หนี้สินจาก 3 ภาคส่วน ทั้งภาคครัวเรือน หนี้สาธารณะ และภาคสถาบันการเงิน ที่จะเกิดขึ้นพร้อมกัน ซึ่งจะแก้ไขลำบากและยุ่งยากมาก

รศ.ดร.วิวัฒน์ชัย เสนอทางออก 4 ข้อ ได้แก่ 1. สนับสนุนพรรคการเมืองที่มีนโยบายชัดเจน ในการขจัดธุรกิจผูกขาด สนับสนุนเศรษฐกิจใหม่ สตาร์ตอัป รวมถึงรายย่อยและขนาดกลาง หรือฟื้นเศรษฐกิจจากรากฐาน ซึ่งคาดหวังได้จากนักการเมืองหนุ่มสาวรุ่นใหม่    2. สร้างแรงกระเพื่อมทางปัญญา เพื่อให้เกิดการรับรู้และตระหนักถึงปัญหาทุนผูกขาด ซึ่งไม่ได้เป็นทุนนิยมเสรีอย่างที่ควรจะเป็น 3. ขับเคลื่อนประเด็นประชาธิปไตยผู้บริโภคให้ต่อเนื่อง และ 4. สร้างพลังกลุ่มทางสื่อสังคมออนไลน์ หรือโซเชียลมีเดีย

ด้านปรีดา เตียสุวรรณ์ นักธุรกิจเพื่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ผู้ร่วมเขียนกฎหมายแข่งขันทางการค้า และอดีตกรรมการปฏิรูปกฎหมาย กล่าวว่า รัฐบาลกำลังทำให้ประเทศขาดซึ่งความเชื่อถือซึ่งกัน และกันทำให้ประเทศแตกแยก ในช่วงเวลาที่สังคมกำลังเข้าสู่สังคมสูงวัยที่เราจะต้องหาเงินเพิ่มเติม ขณะที่เราไม่สามารถที่จะสร้างความไว้ใจและเชื่อใจระหว่างรัฐและประชาชน ดังนั้น สิ่งที่สำคัญต้องร่วมใจกันเปลี่ยนโครงสร้างและปฏิรูปประเทศ

ปธ.สภา SMEs ชี้ธุรกิจรายย่อยมีหนี้เสียเกือบครึ่งแต่เข้าไม่ถึงการช่วยเหลือ

ส่วนไชยวัฒน์ หาญสมวงศ์ ประธานสภาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม กล่าวว่า ปี 2557 คณะรัฐประหารประกาศให้ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) เป็นวาระแห่งชาติ ตนและเครือข่ายได้ยื่นร่าง พ.ร.บ.สภาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ให้รัฐบาล คสช. แต่ 7 ปีผ่านมาก็ไม่มีความคืบหน้า โดยถูกแขวนไว้ที่สำนักนายกรัฐมนตรีจนปัจจุบัน พร้อมเปรียบเทียบว่า รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ได้เปลี่ยนนิเวศน์ทางเศรษฐกิจ เหมือนทุนขนาดใหญ่เป็น 'ผู้ล่า' ผู้ประกอบการรายเล็กคือ 'เหยื่อ' นโยบายเศรษฐกิจใต้รัฐบาลประยุทธ์นั้น เหมือนเอาเหยื่อให้ผู้ล่ากินจนแทบไม่เหลือแล้ว เพราะผู้ล่าสามารถล่าได้อย่างอิสระโดยไม่มีการควบคุม วันหนึ่งอาจไม่เหลื่อเหยื่อให้ล่า เนื่องจากไม่มีความสมดุลทางเศรษฐกิจ

ประธานสภาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม กล่าวว่า SMEs ประมาณ 400,000 ราย ก่อหนี้เสีย หรือ NPL 1 แสนกว่าราย เหลือ 3 แสนราย แต่เข้าไม่ถึงงบประมาณฟื้นฟูพัฒนาเศรษฐกิจ และสถาบันการเงินไม่มีใครกล้าปล่อยกู้ นอกจากนี้ ควรมีมาตรการช่วยเหลือประชาชนที่เป็นหนี้บัตรเครดิต รวมถึงพักชำระหนี้อย่างน้อย 1 ปีด้วย ส่วนการฟื้นฟูพัฒนาเศรษฐกิจ ให้เป็นเรื่องรัฐบาลสมัยหน้า เพราะเชื่อว่ารัฐบาลนี้ไม่มีศักยภาพแก้ปัญหาระยะกลางหรือระยะยาวได้

ไชยวัฒน์ เสนอการแก้ปัญหาระยะสั้น ตามอายุรัฐบาลที่เหลืออยู่ไม่เกิน 2 ปี เพื่อประคองอย่าให้เศรษฐกิจเลวร้ายกว่านี้ 4 ข้อ ได้แก่ 1. ผ่อนปรนหรือแขวนกฎหมายที่เป็นอุปสรรค ให้ผู้ประกอบการรายย่อยดำเนินธุรกิจได้ อย่างคราฟต์เบียร์และอื่นๆ ประมาณ 3 ปี 2. ชะลอการฟ้องร้องคดี SMEs ที่เป็นหนี้เสีย หรือ NPL 3. พักชำระหนี้ SMEs และ 4. สวัสดิการและการเยียวยาแรงงานใน SMEs ให้ครอบคลุมและทั่วถึง

ส.ส.ก้าวไกล ชี้สังคมเหลื่อมล้ำ เพราะรัฐบาลใช้อำนาจเอื้อประโยชน์แก่พวกพ้อง

ด้านวรภพ วิริยะโรจน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล และโฆษก กมธ.การเงิน การคลังฯ กล่าวว่า ไทยมีระบอบปรสิต คือ ระบอบนายทุน ขุนศึก ศักดินา ที่กัดกินประชาธิปไตยของประเทศไทย ใช้อำนาจรัฐหาประโยชน์แก่พวกพ้อง ด้วยการผูกขาดอำนาจเศรษฐกิจและการเมือง อีกทั้งยังสร้างเหลื่อมล้ำมหาศาล โดยยกตัวอย่างการถือครองที่ดิน มีตระกูลเดียวมีที่ดินจำนวน 6 แสนไร่ แต่คนจำนวนมากไม่มีที่ดินทำกิน

ส.ส.ก้าวไกล กล่าวว่า เรื่องสัมปทานหรือการประมูลงานของทุนผูกขาด ตนขอยกตัวอย่าง "กลุ่มทุนดิวตี้ฟรี" หรือ เขตสินค้าปลอดอากร ที่รัฐบาลมีการแก้ไขสัญญาทำให้รัฐเสียประโยชน์ และยังมีการแก้กฎหมายและสัญญาในการเอื้อประโยชน์นายทุนผูกขาด รวมถึงการลดหนี้ เยียวยาและขยายระยะเวลาส่งเงินให้รัฐ โดยอ้างเรื่องโควิด-19 ในโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ด้วย ที่สำคัญมีการแก้ไขหรือตีความการลงทุนขนาดใหญ่ หลีกเลี่ยงไม่ต้องดำเนินการตามหรือทำไม่ให้เข้า พ.ร.บ.ร่วมทุนระหว่างรัฐกับเอกชนได้

“ความเหลื่อมล้ำจากการผูกขาด ยังทำให้การทำมาหากินของประชาชนตัวเล็กตัวน้อยถูกปิดกั้น พร้อมยกตัวอย่างการผลักดัน พ.ร.บ.สุราก้าวหน้า ของพรรคก้าวไกล ที่ต้องการแก้การผูกขาดและให้มีการแข่งขันเสรี เนื่องจากปัจจุบันกฎหมายกำหนดให้มีกำลังผลิตเบียร์ 42,000 ขวดต่อวัน จึงดำเนินการได้ ซึ่งต้องมีทุนมหาศาล เป็นข้อจำกัดและเป็นการปิดกั้นรายย่อยที่ไม่มีเงินลงทุนเพียงพอ” วรภพกล่าว

วีระอัด พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ใช้ปกป้องรัฐบาล ไม่ได้ป้องกันโควิด

ด้านวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชั่น และแกนนำไทยไม่ทนฯ กล่าวว่า การบริหารประเทศไร้ประสิทธิภาพของทหาร ซึ่งถูกฝึกมาให้รบ ไม่ได้ฝึกมาให้สร้างรายได้ให้ประเทศ ตอนนี้กำลังเป็นปัญหาเพราะบริหารก็ไร้ประสิทธิภาพ และยังเกิดการทุจริตขึ้นมากมาย พยายามที่จะสืบทอดอำนาจและตั้งพรรคการเมืองเพื่อนำไปสู่การเลือกตั้ง เมื่อใช้อำนาจรัฐจากการรัฐประหารเข้ามาบริหารประเทศก็หาเงินจากการบริหารประเทศ จึงพบการกล่าวหาว่า มีเงินทอนเต็มไปหมด และผุดโครงการต่างๆ อาทิ รถไฟฟ้าความเร็วสูงและรถไฟฟ้าระหว่างสนามบิน

วีระกล่าวว่า รัฐบาลก่อนหน้านี้เคยถูกโจมตีว่าใช้เงินมาก แต่รัฐบาลประยุทธ์เข้ามาบริหารประเทศ ก็ทำโครงการเหล่านี้แต่ใช้เงินมากกว่า ที่เห็นชัดเจนคือรัฐบาลอุ้มซีพีในกรณีของรถไฟฟ้าเชื่อม 3 สนามบิน โดยซีพีอ้างว่าขณะนี้ภาวะเศรษฐกิจถดถอยจากสถานการณ์โควิด จะขอจ่ายเมื่อโควิดยุติ ขอถามว่าแล้วเมื่อไหร่โควิดจะยุติ ถือว่ายิ่งกว่าจับเสือมือเปล่า ถามว่าโครงการอื่นที่เขาเซ็นสัญญากับรัฐ ได้สิทธิพิเศษอย่างนี้บ้างหรือไม่ ทำไมรัฐบาลประยุทธ์ให้สิทธิพิเศษซีพีขนาดนี้

เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชั่น กล่าวว่า ระหว่างนายทุนกับประชาชน รัฐบาลเห็นหัวใครมากกว่ากัน ในโลกนี้ประเทศไหน บริหารประเทศแบบรัฐบาลชุดนี้บ้าง ตอนนี้รัฐบาลพยายามกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยจะเปิดประเทศทั้งที่ยังฉีดวัคซีนไม่ครบ ยังไม่มีภูมิคุ้มกันหมู่เพียงพอ พล.อ.ประยุทธ์ บอกอีกว่า ถ้าเปิดแล้วมีปัญหาก็ปิด และหวังว่าจะเอาเงินต่างชาติมากระตุ้นเศรษฐกิจ แล้วชีวิตคนไทยจะเป็นอย่างไร ผลประโยชน์ชาติจะเป็นอย่างไร ทำไมถึงไม่คำนึงถึงความจริง เรื่องนี้แก้ไขปัญหานิดเดียว คือ ยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ เพราะไม่ได้ป้องกันโควิดแต่เป็นการป้องกันคนที่มาขับไล่รัฐบาล

“ปัญหาทั้งหมดเกิดจากการบริหารประเทศ ที่ไร้ประสิทธิภาพและเกิดจากการต้องการสืบทอดอำนาจอีกยาวนาน ยังไม่ทันไรจะขอโอกาสอยู่ต่ออีก 5 ปีทั้งที่รัฐบาลนโยบายไร้ประสิทธิภาพ เต็มไปด้วยความไม่ชอบมาพากล ความจริงแล้วแก้ไขปัญหาง่ายนิดเดียว คือ พล.อ.ประยุทธ์ ออกไปก็จบ ถ้าอยากให้ประเทศเดินหน้าต่อ กลับเข้าสู่การเป็นประชาธิปไตยอย่างถูกต้อง และธรรมนูญจะต้องมีการแก้ไขโดยคำนึงถึงผลประโยชน์ของประชาชนอย่างแท้จริงประชาชนอย่างแท้จริง” วีระกล่าว

เลขาธิการ ครป. ตั้งคำถาม การทุจริตสูงเป็นประวัติศาสตร์แต่นายกฯ ไม่ชี้แจง

ขณะที่เมธา มาสขาว เลขาธิการ ครป. กล่าวว่า กลุ่มทุนผูกขาดกลุ่มที่หนึ่ง คือ ซีพีที่ผูกขาดการค้าบริโภค มีส่วนแบ่งการตลาดอย่างยาวนาน และยังมีการควบรวมเซเว่น-อีเลฟเว่นกับ เทสโก้โลตัส นำไปสู่การฟ้องร้องของเครือข่ายผู้บริโภคต่อศาลปกครอง

เลขาธิการ ครป. กล่าวต่อว่า ขณะที่สังคมไทยมีคนยากจนมากขึ้น ชนชั้นกลางคนทั่วไปยากจนลง นอกจากนั้นนโยบายต่างๆ ที่เกิดขึ้นในรัฐบาลโดยภาพรวม คนที่ใช้นโยบายเหล่านี้ ไปซื้อสินค้าบริโภคอยู่ในตลาด ที่มีโรงงานที่ผลิตสินค้าไม่กี่กลุ่ม และ เงิน 300 บาทต่อเดือนนั้น มีเงินที่จะเข้าบริษัทที่ผูกขาดสินค้าอุปโภคบริโภค ประมาณ 4,200 ล้านบาท หากคิดเป็น 12 เดือน มูลค่ามากถึง 50,400 ล้านบาท ที่ถูกโอนย้ายถ่ายโอนเข้าสู่บริษัทที่ผูกขาดสินค้าโอผู้บริโภคและอุตสาหกรรมเกษตร

เมธากล่าวว่า กลุ่มทุนอสังหาริมทรัพย์ก็ร่ำรวยขึ้นหลายแสนล้านบาท และยังมีหลายเรื่องที่เกิดขึ้นจากนโยบายรัฐ อาทิ การขายที่ดินของนายกรัฐมนตรี บริษัทที่รับซื้อมีที่ตั้งอยู่ที่เดียวกันกับบริษัทของเจริญ สิริวัฒนภักดี ใขณะเดียวกัน ร้านอาหารที่ได้รับผลกระทบจากโควิด และเศรษฐกิจมีกลุ่มทุนเข้าไปช้อนซื้อทรัพย์สินเหล่านั้น ทำให้ความเหลื่อมล้ำมากขึ้น นอกจากนี้ มีกลุ่มทุนที่ได้รับสัมปทาน เอื้อประโยชน์จากรัฐบาลด้วย อาทิ กลุ่มทุนเจ้าสัว ธนาคาร กลุ่มธุรกิจพลังงาน เริ่มเข้ามาผูกขาดครั้งใหม่ภายใต้รัฐบาลชุดนี้

เลขาธิการ ครป. กล่าวว่า กลุ่มทุนที่เติบโตขึ้นใหม่ คือ กลุ่มเสนาพาณิชย์ที่นำโดย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ, พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา, และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้เข้าไปยึดครององคาพยพของรัฐแทบทั้งหมดเพื่อหาผลประโยชน์ และทั้งหมดนี้ กลุ่มทุนผูกขาดที่กล่าวมานั้น ถูกกล่าวหาว่ากำลังคอร์รัปชั่นทางเศรษฐกิจ และถูกกล่าวหาว่านำมาสู่ความล้มเหลว 5 ด้าน ประเทศไทยเกิดความเหลื่อมล้ำอันดับหนึ่งของโลกในรัฐบาลชุดนี้ รายได้ระหว่างคนจนกับคนรวยฐานกว้างมากขึ้น นอกจากนี้ ความล้มเหลวอีกด้าน คือ เกิดการทุจริตคอรัปชั่นสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์ แต่นายกกลับไม่ชี้แจง

เมธากล่าวว่า ระบบนิติรัฐและนิติธรรมในสังคมไทยถูกตั้งคำถามอย่างมาก ภายใต้การใช้อำนาจโดยไม่ชอบกับบุคคลที่เห็นต่างทางการเมืองและไม่ใช่พรรคพวกของรัฐบาล ทั้งยังจัดตั้งคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ ให้กลุ่มทุนเข้ามามีที่นั่งในพรรคพลังประชารัฐ รวมกับข้าราชการ และกองทัพ จึงเป็นเรื่องยากแก่การตรวจสอบ รวมทั้งการเข้าแทรกแซงองค์กรอิสระต่างๆ

นอกจากนี้ เลขาธิการ ครป. อธิบายว่า ความล้มเหลวอีกเรื่องหนึ่ง คือ รัฐบาลไม่สามารถแก้ไขปัญหาโควิดอย่างเป็นรูปธรรม และยังทำลายคุณค่า วัฒนธรรม คุณธรรมทางสังคม การศึกษาที่ล้มเหลว ปรากฏว่านักศึกษาจบมาตกงานและมหาวิทยาลัยไม่สามารถหาทางออกวิกฤติต่างๆ ได้ เกิดความแตกแยกด้านสังคมอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนระหว่างประชาชนกับสถาบันต่างๆ

เมธาเสนอทางออก 5 ข้อ ได้แก่ 1. เปลี่ยนคณะกรรมการแข่งขันทางการค้า 2. สังคยานาคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.), คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.), และสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) 3. ตั้งคณะกรรมการปฏิรูปกฎหมายขึ้นใหม่ 4. ยกเลิกกฎหมายผูกขาด เปิดเสรีเหล้า-เบียร์ให้แก่เกษตรกรแปรรูปเองได้ ยกเลิกสัญญาสัมปทานและสัญญาร่วมทุนที่เอกชนได้ประโยชน์ และ 5. เก็บภาษีทรัพย์สินอัตราก้าวหน้า จำกัดการถือครองที่ดิน สร้างรัฐสวัสดิการ

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท