Skip to main content
sharethis

22 ต.ค. 2564 ศบค. แถลงมาตการเปิดประเทศ ยกเลิกเคอร์ฟิวในพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยว เริ่ม 1 พ.ย. 2564 ผู้เดินทางจาก 45 ประเทศ 1 เขตการปกครองไม่ต้องกักตัว แต่ยังปิดสถานบันเทิง ผับ บาร์ คาราโอเกะ ขณะที่สถานการณ์ระบาดในประเทศ ติดเชื้อ 9,810 คน ตาย 66 คน ฉีดวัคซีนครบ 38.74% ของประชากร

พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิดข19 (ศบค.) แถลงว่า จากการประชุมวางแผนกำหนดมาตรการการเปิดประเทศ พญ.อภิสมัย ชี้แจงว่า มีการออกข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่ง พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (ฉบับที่ 36) ระบุว่า รัฐบาลมีความจำเป็นต้องฟื้นฟูประเทศ เพื่อประโยชน์ในการใช้ชีวิตและเศรษฐกิจแก่ประชาชน จึงเปิดพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยว เพื่อให้นักท่องเที่ยวจากต่างประเทศเดินทางเข้ามาได้มากขึ้น

เนื้อหาของข้อกำหนดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ฉบับที่ 36 กำหนดให้มีการกำหนดพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยว หรือแซนด์บ็อกซ์ (sandbox) ตามคำสั่งศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ซึ่งอาจปรับเปลี่ยนได้ตามสถานการณ์

นอกจากนี้ ยังกำหนดให้การดำเนินกิจการในเขตพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยวเปิดได้ภายใต้เงื่อนไขที่ทางราชการกำหนด เช่น มาตรการป้องกันการติดเชื้อแบบครอบจักรวาล (Universal Prevention) มาตรการปลอดภัยสําหรับองค์กร (Covid Free Setting) รวมทั้งมาตรการตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อ ที่ผู้รับผิดชอบในแต่ละพื้นที่กำหนดขึ้นเป็นการเฉพาะ พร้อมยกเลิกมาตรการห้ามออกนอกเคหสถาน หรือเคอร์ฟิว ในพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยวที่เคยเขตพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด หรือพื้นที่สีแดงเข้ม เริ่ม 1 พ.ย. 2564

อย่างไรก็ตาม ข้อกำหนดฯ ฉบับที่ 36 ยังห้ามจัดกิจกรรมรวมกลุ่มมากกว่า 500 คน และปิดสถานประกอบการที่มีลักษณะคล้ายสถานบริการ สถานบันเทิง ผับ บาร์ คาราโอเกะที่ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยว ส่วนมาตรการการจัดกิจกรรมให้เป็นไปตามข้อกำหนดฯ ฉบับที่ 35 และให้ผู้ว่าราชการจังหวัดสั่งห้ามทำกิจกรรมเพิ่มเติมได้หากมีการระบาดขึ้น

สำหรับผู้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร ผู้ช่วยโฆษก ศบค. ชี้แจงว่า มาตรการแบ่งเป็น 3 กลุ่ม ดังนี้

1. กลุ่มที่เดินทางเข้าประเทศไทยได้โดยไม่ต้องกักตัว จำนวน 45 ประเทศ และ 1 เขตบริหารพิเศษ ได้แก่ ออสเตรเลีย, ออสเตรีย, บาห์เรน, เบลเยียม, ภูฏาน, บรูไนดารุสซาลาม, บัลแกเรีย, กัมพูชา, แคนาดา, ชิลี, จีน, ไซปรัส, สาธารณรัฐเช็ก, เดนมาร์ก, เอสโตเนีย, ฟินแลนด์, ฝรั่งเศส, เยอรมนี, กรีซ, ฮังการี, ไอซ์แลนด์, ไอร์แลนด์, อิสราเอล, อิตาลี, ญี่ปุ่น, ลัตเวีย, ลิทัวเนีย, มาเลเซีย, มอลตา, เนเธอร์แลนด์, นิวซีแลนด์, นอร์เวย์, โปแลนด์, โปรตุเกส, กาตาร์, ซาอุดีอาระเบีย, สิงคโปร์, สโลวีเนีย, สาธารณรัฐเกาหลี, สเปน, สวีเดน, สวิตเซอร์แลนด์, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์, สหราชอาณาจักร, สหรัฐอเมริกา, และฮ่องกง

หลักเกณฑ์สำหรับผู้เดินทางในกลุ่มนี้ คือ เดินทางเฉพาะทางอากาศ ได้รับวัคซีนครบ 2 เข็ม อย่างน้อย 14 วันก่อนเดินทาง และตรวจหาเชื้อโควิดด้วยวิธี RT-PCR มีผลเป็นลบ ภายใน 72 ชั่วโมงก่อนเดินทาง มีประกันสุขภาพที่ครอบคลุมค่ารักษาพยาบาลอย่างน้อย 50,000 เหรียญสหรัฐ ยกเว้นคนที่มีสัญชาติไทย หรือชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย เมื่อมาถึงประเทศไทยต้องตรวจหาเชื้อด้วยวิธี RT-PCR ทันที และพักในสถานที่ที่กำหนดอย่างน้อย 1 คืน จนกว่าจะทราบผลตรวจ RT-PCR เป็นลบ จึงจะเดินทางต่อได้โดยไม่ต้องกักตัว

พญ.อภิสมัย ย้ำว่า ทั้งคนไทยและนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาจากประเทศเหล่านี้ต้องดาวน์โหลดแอปพลิเคชันตั้งแต่ที่มาถึง เพื่อให้สามารถติดตามได้ว่าเดินทางไปที่ไหน และให้ความร่วมมือมาตรการป้องกันการติดเชื้อ เช่น สวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา เว้นระยะห่างระหว่างบุคคล และล้างมือสม่ำเสมอ เป็นต้น

2. กลุ่ม sandbox มีมาตรการคล้ายกับกลุ่มที่ 1 ที่เพิ่มเติมขึ้น คือ ต้องมีหลักฐานการจองที่พักมาตรฐานชาพลัส (SHA Plus) ในพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยวเท่านั้น เป็นเวลา 7 วัน โดยจะมีการตรวจโควิดซ้ำในวันที่ 6 หรือ 7 หลังเดินทางมาถึง หากผลตรวจโควิดวันแรกที่มาถึงเป็นลบ สามารถเดินทางได้ภายในพื้นที่ที่กำหนด เมื่อครบ 7 จึงจะสามารถเดินทางไปยังพื้นที่อื่นนอก sandbox ได้

3. กลุ่มที่ไม่เข้าหลักเกณฑ์ทั้ง 2 กลุ่มข้างต้น เช่น ผู้ที่ยังไม่ได้รับวัคซีน หรือได้รับแล้วแต่ยังไม่ครบ หรือได้รับครบแล้ว แต่ไม่ถึง 14 วันก่อนเดินทาง และมาจากประเทศนอกเหนือจากรายชื่อประเทศในกลุ่มที่ 1 ยังสามารถเดินทางเข้ามาได้โดยอยู่ภายใต้สถานกักกันตามที่ราชการกำหนด โดยกลุ่มนี้จะตรวจโควิดในวันแรกที่มาถึง และตรวจซ้ำอีกครั้งก่อนออกจากสถานกักกัน

ด้านสถานการณ์โควิด-19 ประจำวันที่ 22 ต.ค. 2564 ผู้ช่วยโฆษก ศบค. ระบุว่า พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 9,810 คน ในจำนวนนี้ติดเชื้อจากในประเทศ 9,680 คน ติดเชื้อจากต่างประเทศ 10 คน ติดเชื้อภายในเรือนจำ/ที่ต้องขัง 120 คน ผู้ป่วยยืนยันสะสมทั้งหมด 1,831,389 คน ในจำนวนนี้ไม่รวมผู้ติดเชื้อเข้าข่าย ที่กรมควบคุมโรครายงานจากการตรวจแอนติเจนเทสต์คิต (antigen test kit: ATK) เป็นบวกอีก 2,898 คน

รายงานสถานการณ์โควิด-19 วันที่ 22 ต.ค. 2564 โดยกรมควบคุมโรค

รายงานสถานการณ์โควิด-19 วันที่ 22 ต.ค. 2564 โดยกรมควบคุมโรค

เสียชีวิตเพิ่ม 66 คน เสียชีวิตสะสม 18,625 คน อัตราการเสียชีวิต 1.02% ผู้เสียชีวิตอายุระหว่าง 39-100 ปี ผู้เสียชีวิต 94% อายุ 60 ปีขึ้นไป หรือมีโรคเรื้อรัง

ผู้ป่วยรักษาตัวอยู่ 102,317 คน ในจำนวนนี้เป็นผู้ป่วยอาการหนัก 2,585 คน ต้องใส่เครื่องช่วยหายใจ 583 คน ขณะที่ฉีดวัคซีนอย่างน้อย 2 เข็มแล้ว 27,903,545 คน คิดเป็น 38.74% ของประชากร

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net