เครือข่ายองค์กรด้านประชากรข้ามชาติ เรียกร้องรัฐบาลเปลี่ยนตัว รมว.แรงงาน

เครือข่ายองค์กรด้านประชากรข้ามชาติ ออกแถลงการณ์เรียกร้องรัฐบาลเปลี่ยนตัวผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เพื่อแสดงความรับผิดชอบ ต่อความล้มเหลวต่อการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างชาติทั้งระบบและปัญหาการค้ามนุษย์


ภาพแรงงานข้ามชาติขณะขึ้นพาหนะ ตร.ดินแดง ไปที่ สน. เมื่อวันที่ 29 ต.ค. 2564

31 ต.ค. 2564 เครือข่ายองค์กรด้านประชากรข้ามชาติ (MWG) ออกแถลงการณ์เรียกร้องรัฐบาลเปลี่ยนตัวผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เพื่อแสดงความรับผิดชอบ ต่อความล้มเหลวต่อการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างชาติทั้งระบบและปัญหาการค้ามนุษย์ โดยระบุว่าเมื่อวันที่ 29 ต.ค. 2564 ตัวแทนลูกจ้างที่เป็นแรงงานข้ามชาติและเครือข่ายช่วยเหลือผู้ใช้แรงงานจากสหภาพคนทำงาน (Workers’Union) เครือข่ายองค์กรด้านประชากรข้ามชาติ (Migrant Working Group) และเครือข่ายแรงงานเพื่อสิทธิประชาชน (Labour Network for Peoples Rights) ได้เดินทางไปยังกระทรวงแรงงาน เพื่อยื่นหนังสือถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เรื่อง ติดตามการดำเนินการตามข้อเสนอเพื่อแก้ไขปัญหาในกลุ่มแรงงานก่อสร้างและแรงงานข้ามชาติระหว่างการระบาดของโควิด 19 รวมทั้งเรียกร้องให้มีการแก้ไขปัญหาอื่นๆที่เกี่ยวข้อง อาทิ การเรียกรับสินบนจากคนงาน ค่าใช้จ่ายอันเนื่องมาจากการเข้าสู่กระบวนการขึ้นทะเบียนตามนโยบายของรัฐที่ขาดความชัดเจน และแนวทางการดำเนินการให้แรงงานข้ามชาติเข้าสู่ระบบการขึ้นทะเบียนของรัฐตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 28 ก.ย. 2564 (อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม)

คนงานข้ามชาติยื่นหนังสือที่กระทรวงแรงงาน กลับถูก ตร.จับ อ้างไม่มีเอกสาร นักสิทธิชี้เป็นการคุกคามแรงงาน
กรมจัดหางาน ปัดแจ้งจับแรงงานข้ามชาติที่มายื่นหนังสือที่กระทรวง

ในระหว่างที่มีการยื่นหนังสือและหารือกับเจ้าหน้าที่ของกระทรวงแรงงานอยู่นั้น ปรากฎว่ามีพนักงานตำรวจ พนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมือง และกลุ่มชายไม่ทราบสังกัดแต่สวมเสื้อ “รมต.แรงงาน สุชาติ ชมกลิ่น” เข้าตรวจเอกสารแรงงานข้ามชาติพร้อมทั้งถ่ายรูปไว้ภายในบริเวณของกระทรวงแรงงาน จากนั้นได้มีการนำตัวแรงงานข้ามชาติ จำนวน 8 รายไปที่สน.ดินแดงทันที ซึ่งต่อมาพนักงานตำรวจได้ทำบันทึกซึ่งจัดทำที่สำนักตรวจคนเข้าเมือง กล่าวหาว่าแรงงานข้ามชาติ 8 รายที่ถูกควบคุมตัวมีแรงงานจำนวน 7 รายที่ การจับกุมกล่าวหาว่า เป็นบุคคลต่างด้าวเดินทางเข้ามา และอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต ทั้งนี้ในขณะที่ถูกควบคุมตัว แรงงานข้ามชาติถูกปฎิเสธสิทธิในการเข้าถึงที่ปรึกษากฎหมายและล่ามที่ตนเองไว้วางใจได้

จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เครือข่ายองค์กรด้านประชากรข้ามชาติและองค์กรภาคี ขอประนามเหตุการณ์จับกุมแรงงานขณะอยู่ระหว่างการยื่นหนังสือต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานเพื่อหาทางออกถึงปัญหาที่แรงงานข้ามชาติต้องเผชิญกับนโยบายการบริหารจัดการแรงงานข้ามชาติ เพื่อมิให้ตนต้องกลายเป็นแรงงานที่อยู่ในราชอาณาจักรไทยและทำงานโดยมิได้รับอนุญาต และไม่ให้ถูกแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ ทางเครือข่ายฯ จึงมีข้อคิดเห็นและข้อเรียกร้องเร่งด่วน ดังนี้

1. กระทรวงแรงงาน ซึ่งเป็นเจ้าภาพของการนำเสนอนโยบายบริหารจัดการแรงงานข้ามชาติเป็นระยะเวลาหลายสิบปี ไร้ความจริงจังในการสรุปบทเรียนด้านการบริหารจัดการแรงงานข้ามชาติให้เกิดความยั่งยืน จนกลายเป็นต้นเหตุให้ประเทศถูกลดการจัดอันดับความน่าเชื่อถือด้านการส่งเสริมการย้ายถิ่นอย่างปลอดภัย เป็นต้นทางของการของการแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ การค้ามนุษย์ และแรงงานเด็ก เช่น การจับกุมแรงงานข้ามชาติช่วงที่ประเทศไทยประสบวิกฤติด้านการเมืองช่วงปี 2557 ที่เกิดจากการที่ผู้นำไม่รู้และไม่มีนโยบายที่ชัดเจนในการต่อใบอนุญาตทำงาน ให้กับแรงงานข้ามชาติที่วาระการจ้างงานครบกำหนด เป็นเหตุให้แรงงานข้ามชาติเกรงกลัวต่อการปราบปรามจึงต้องเดินทางกลับสู่ประเทศต้นทางนับแสนราย และทำให้ประเทศไทยถูกลดลำดับในความพยายามตอบสนองต่อการค้ามนุษย์ที่ต่ำสุด (Tier 3-TIP report) 

2. จากวิกฤติการบริหารจัดการแรงงานที่เกิดขึ้นเมื่อปี 2557 รัฐบาลทำเพียงการเน้นไปที่การออกกฎหมายบริหารจัดการแรงงานข้ามชาติ ในปี 2560 แต่การบังคับใช้กฎหมายหรือการกำหนดนโยบายให้เกิดการจ้างงานที่เป็นธรรม ยังไม่ก่อให้เกิดการส่งเสริมการย้ายถิ่นที่ปลอดภัยได้จริง อีกทั้งการกำหนดตัวบุคคคลที่ดำรงตำแหน่งผู้นำกระทรวงแรงงาน ของรัฐบาลชุดปัจจุบัน เครือข่ายฯพบว่า ผู้นำกระทรวงยังขาดวิสัยทัศน์ องค์ความรู้และภาวะของการเป็นผู้นำเพื่อการยกระดับคุณภาพชีวิตคนทำงาน โดยเฉพาะในช่วงการเกิดวิกฤติของประเทศครั้งสำคัญเนื่องจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 แม้กระทรวงแรงงานจะเป็นเจ้าภาพเสนอแผนแก้ไขปัญหาวิกฤติการบริหารจัดการแรงงานข้ามชาติ แต่ผู้นำกระทรวงแรงงานไม่สามารถป้องกันไม่ให้เกิดการจับกุมแรงงานข้ามชาติอันเนื่องมาจากการการได้รับผลกระทบจากการจ้างงานในหลายภาคกิจการ ดังกรณีที่เกิดการจับกุมแรงงานข้ามชาติในบริเวณของกระทรวงแรงงานเอง หรือที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้กรณีของนางสาวป.ที่ถูกจับกุมตัวโดยมิชอบด้วยกฎหมาย และต่อมาได้รับการปล่อยตัวภายหลังการให้ความช่วยเหลือทางกฎหมายจากภาคประชาสังคม (รายละเอียดเพิ่มเติม) 

3. เครือข่ายฯ ขอเรียกร้องให้กระทรวงแรงงาน ปล่อยตัวแรงงานข้ามชาติที่ถูกควบคุมตัวไว้ทั้ง 7 รายทันที โดยเร่งแก้ไขปัญหาช่องว่างของการบังคับใช้กฎหมายให้เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีเนื่องจาก การเสนอแผนด้านการบริหารจัดการแรงงานข้ามชาติ โดยการขออนุมัติในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี และกระทรวงแรงงานจะต้องเร่งทำงานร่วมกับหน่วยราชาการที่เกี่ยวข้องอื่นๆ ในการเร่งดำเนินการออกประกาศตามที่ได้ระบุไว้ในเอกสารที่เสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เช่น ผลการประชุมล่าสุดเมื่อวันที่ 28 กันยายน 2564 ได้อนุมัติในหลักการบนเป้าหมายเพื่อการบริหารจัดการแรงงานข้ามชาติในภาวะวิกฤติ เพื่อนำไปสู่การเฝ้าระวังป้องกันโรค โดยกำหนดมาตรการผ่อนผันให้แรงงานข้ามชาติที่ทำงานอย่างไม่ถูกต้อง สามารถอยู่และทำงานได้ (อ่านเพิ่มเติม) ความล่าช้าของการออกประกาศและการจับกุมแรงงานข้ามชาติที่กระทรวงแรงงานครั้งนี้จนเป็นสาเหตุให้แรงงานข้ามชาติต้องถูกจับกุม 

4. เครือข่ายฯเห็นว่า การจัดการของกระทรวงแรงงาน มีผลต่อภาพลักษณ์และการลงทุนในประเทศไทยที่ยังถูกมองว่าไม่ส่งเสริมให้เกิดการย้ายถิ่นอย่างปลอดภัย อันนำไปสู่การแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ การค้ามนุษย์และแรงงานเด็ก จึงเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีพิจารณาปรับเปลี่ยนผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน โดยจัดให้มีการสรรหาผู้นำกระทรวงแรงงาน ที่มี่วิสัยทัศน์ องค์ความรู้และมีภาวะของการเป็นผู้นำเพื่อการยกระดับคุณภาพชีวิตคนทำงานเพื่อให้เกิดการส่งเสริมการขับเคลื่อนและพัฒนาเศรษฐกิจของชาติ ภายใต้พื้นฐานความเข้าใจเรื่องเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals-SDGs) และการเคารพสิทธิของแรงงานตามกรอบกฎหมายระหว่างประเทศ และมาตรฐานด้านแรงงานสากล รวมทั้งที่ให้คำมั่นของการคุ้มครองแรงงานข้ามชาติโดยไม่เลือกปฏิบัติของผู้แทนรัฐบาลไทยในเวทีต่างๆของโลก เช่น เวทีประชุมข้อตกลงเพื่อการโยกย้ายถิ่นฐานที่ปลอดภัย เป็นระเบียบและปกติ (Global Compact for Safe, Orderly and Regular Migration-GCM) และเวทีที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติตามแผนปฏิบัติการระดับชาติว่าด้วยธุรกิจกับสิทธิมนุษยชน (National Actional Plan on Business and Human Rights) 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท