เผิงฉ้วย นักเทนนิสชื่อดังจากจีนกล่าวหาอดีตรองประธานาธิบดีและอดีตคณะกรรมการโปลิตบูโรของจีน จางเกาหลี่ ข่มขืนเธอ แต่หลังจากที่เธอออกมาเปิดโปงเรื่องนี้รัฐบาลจีนกลับปิดกั้นการเข้าถึงเนื้อหาเหล่านี้แทบจะทันที
เผิงฉ้วย (ขวา) ถ่ายโดย Sirobi และ จางเกาหลี่(ซ้าย)
เผิงฉ้วย อดีตนักเทนนิสแชมป์เปียนวิมเบอร์ดันและเฟรนซ์โอเพนโพสต์ลงในโซเชียลมีเดียจีน “เว่ยปั๋ว” จากบัญชีผู้ของเธอที่ได้รับการรับรองตัวตนแล้ว ระบุในทำนองจดหมายเปิดผนึกว่า จางเกาหลี่ อดีตรองประธานาธิบดีและอดีตคณะกรรมการโปลิตบูโรของจีนได้ใช้อำนาจบีบบังคับข่มขืนเธอต่อเนื่องหลายครั้งมายาวนานอย่างน้อย 10 ปี โดยที่ในปัจจุบันเผิงฉ้วยอายุ 35 ปี ขณะที่จางเกาหลี่อายุได้ 75 ปีแล้ว
"ทำไมคุณถึงกลับมาหาฉันด้วย คุณพาฉันไปที่บ้านแล้วก็บีบบังคับให้ฉันมีเพศสัมพันธ์กับคุณ ใช่ ฉันไม่มีหลักฐานใดๆ และมันแค่เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ที่จะมีหลักฐาน ... ฉันไม่สามารถอธิบายได้ว่ามันทำให้ฉันรู้สึกสะอิดสะเอียนเพียงใด และฉันต้องถามตัวเองกี่ครั้งต่อกี่ครั้งว่าฉันยังเป็นคนอยู่หรือไม่ ฉันรู้สึกเหมือนกับศพเดินได้ ทุกวันฉันต้องแสดงละคร ตัวตนไหนกันแน่ที่เป็นตัวฉันที่แท้จริง" เผิงฉ้วยเล่าความรู้สึกในโพสต์
จางเกาหลี่เป็นผู้ที่มีอำนาจในรัฐบาลพรรคคอมมิวนิสต์จีน เคยดำรงตำแหน่งเป็น 1 ใน 7 คณะกรรมการโปลิตบูโรซึ่งเป็นตำแหน่งระดับสูงของรัฐบาลจีนระหว่างปี 2555 ถึง 2560 ซึ่งเป็นช่วงสมัยแรกที่สีจิ้นผิงขึ้นดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี จางเกาหลี่เกษียณอายุตนเองในฐานะรองนายกรัฐมนตรีเมื่อปี 2561 ซึ่งสื่อต่างประเทศอย่างซีเอ็นเอ็นระบุว่าจางเกาหลี่เป็นคนที่เข้าถึงตัวยากและมักจะใช้ชีวิตหลบซ่อนตัวจากสายตาของประชาชนแม้กระทั่งหลังจากเกษียณอายุแล้วทำให้สื่อติดต่อขอความคิดเห็นจากเขาในเรื่องที่เพิงถูกเปิดโปงนี้ได้ยาก
อย่างไรก็ตามสิ่งที่เกิดขึ้นตามมาคือการปิดกั้นในโซเชียลมีเดียจีน โพสต์ที่ในประเด็น #MeToo ของเผิงฉ้วยในเว่ยปั๋วถูกลบออกไปแล้ว ในระดับที่สื่อต่างประเทศบอกว่าเป็นการปิดกั้นที่รวดเร็วมากกว่าทุกประเทศสำหรับกรณี #MeToo แม้ว่าในจีนเคยมีกรณีเปิดโปงการข่มขืนเกิดขึ้นมาก่อน ทั้งในวงการวิชาการ, คนทำงานเอ็นจีโอ และดารา ซึ่งผลออกมาแตกต่างกันไป แต่นี่เป็นครั้งแรกที่มีการเปิดโปงคนในระดับสูงของพรรคคอมมิวนิสต์จีน
แต่ไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไรก็ตาม ลูหวีผิง นักสตรีนิยมชื่อดังชาวจีนที่ตอนนี้อยู่ในนิวยอร์กกล่าวว่า พวกเราต้องเล็งเห็นว่าการที่เผิงฉ้วยกล้าเลือกที่จะออกปากพูดในเรื่องนี้นั้นเป็นเรื่องน่าชื่นชม มีน้อยคนที่จะกล้าเปิดเผยในเรื่องที่สร้างความเสี่ยงให้กับตัวเองและครอบครัว
ทั้งนี้ในแง่ของความอ่อนไหวทางการเมืองในจีนแล้วมีการตั้งข้อสังเกตว่าการกล่าวหาจางเกาหลี่ครั้งนี้ยังเกิดขึ้นในช่วงที่กำลังจะมีการประชุมกลุ่มผู้นำระดับสูงของพรรคคอมมิวนิสต์จีนภายในอีกไม่กี่วันข้างหน้าที่กรุงปักกิ่ง ซึ่งเป็นการประชุมที่ถูกมองว่าเป็นการแพ่วถางหนทางให้กับสีจิ้นผิงในการครองตำแหน่งประธานาธิบดีต่อเป็นสมัยที่ 3
การปิดกั้นโพสต์ของเผิงฉ้วยนั้นเกิดขึ้นภายในเวลา 30 นาทีหลังจากที่เธอโพสต์เมื่อเวลา 4 ทุ่มของคืนวันที่ 2 พ.ย. ที่ผ่านมา มีการบันทึกภาพหน้าจอสิ่งที่เธอเขียนไว้เผยแพร่ส่งต่อออกไปในโซเชียลมีเดียเป็นวงกว้างและในช่องแช็ตส่วนตัวด้วย แต่แม้จะเป็นภาพบันทึกหน้าจอก็ถูกปิดกั้นการในเวลาต่อมาด้วย รวมถึงมีการลบโพสต์อื่นๆ ที่พูดคุยถึงเรื่องนี้
ทั้งนี้เมื่อผู้สื่อข่าวตรวจสอบยังพบว่าบัญชีเว่ยปั๋วของเผิงฉ้วยที่มีผู้ติดตามมากกว่า 500,000 บัญชีจะยังคงเข้าถึงได้ในช่วงเย็นของวันที่ 3 พ.ย. แต่บัญชีของเธอก็ถูกปิดกั้นจากการค้นหาและยังถูกปิดไม่ให้แสดงความคิดเห็นในโพสต์อื่นๆ ของเธอก่อนหน้านี้ด้วย นอกจากนั้นการปิดกั้นยังลามไปถึงการปิดกั้นการแสดงความเห็นในส่วนที่ใช้พูดคุยถึงกีฬาเทนนิสในเว่ยปั๋วรวมไปถึงการลบเนื้อหาที่ไม่ได้กล่าวถึงตรงๆ เกี่ยวกับเรื่องอื้อฉาวนี้ด้วย
ไม่เพียงเท่านั้น ทางการจีนยังปิดกั้นแม้กระทั่งเว็บไซต์ข้อมูล-วิจารณ์ภาพยนตร์ Douban ในหน้าเว็บไซต์ที่ใช้วิจารณ์ละครเกาหลีใต้เรื่อง "นายกรัฐมนตรีกับฉัน" ที่มีการพูดคุยเกี่ยวกับกรณีของเผิงฉ้วยอีกด้วย
การปิดกั้นอย่างรวดเร็วเช่นนี้ตรงกันข้ามกับกรณีที่มีดาราชายชาวแคนาดา-จีน คริส วู ถูกกล่าวหาว่ามีพฤติกรรมข่มขืนในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา กรณีนี้ทางการจีนนอกจากจะไม่ปิดกั้นแล้วแต่กลับช่วยกล่าวหาคริส วู ว่า "เสื่อมเสียในทางศีลธรรม" ด้วย
แม้ว่าภายหลังบริษัทที่เป็นผู้จัดการของ คริส วู จะเปิดเผยว่าข้อกล่าวหานั้นเป็น "ข่าวลือให้ร้าย" และจะดำเนินคดีกับผู้กล่าวหาคริส วู อย่างไรก็ตามทางการจีนได้ใช้กรณีของคริส วู เป็นข้ออ้างเพื่อกวาดล้างอุตสาหกรรมภาพยนตร์โดยอ้างว่าเป็นการขจัดดาราที่ "ประพฤติตนไม่ดี" ขัดแย้งกับกรณีล่าสุดที่ผู้ถูกกล่าวหาเป็นอดีตฝ่ายบริหารพรรคคอมมิวนิสต์ระดับสูงที่ทางการจีนเข้าปิดกั้นเนื้อหาในอินเทอร์เน็ตอย่างรวดเร็ว
แต่ถึงแม้จะมีการปิดกั้นในวงกว้าง ผู้ใช้โซเชียลมีเดียจำนวนมากก็ยังคงแสดงการสนับสนุนเผิงฉ้วยอยู่ แม้ว่าจะเป็นการกล่าวในทางอ้อมๆ หรือฟังดูกำกวมก็ตาม เช่น บล็อกเกอร์เทนนิสรายหนึ่งที่มีผู้ติดตามมากกว่า 200,000 บัญชีกล่าวสนับสนุนเผิงฉ้วยว่าคงต้องรู้สึกถึงขีดสุดแล้วสำหรับเธอถึงได้ออกมาเปิดเผยเรื่องนี้และหวังว่าเธอจะยังคงปลอดภัย
กรณีของผู้เผชิญการล่วงละเมิดทางเพศในจีนนั้นยังคงต้องเผชิญกับการถูกต่อต้านและเผชิญการตีตราทางสังคมอยู่ ไม่ว่าจะจากภาครัฐหรือจากสังคมทั่วไป แต่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมามีผู้หญิงที่สนับสนุนผู้ที่เปิดโปงกรณีการล่วงละเมิดทางเพศมากขึ้นเรื่อยๆ จากกระแส #MeToo ที่เกิดขึ้นในโลก
เรียบเรียงจาก
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)