Skip to main content
sharethis

ที่สหรัฐฯ มีนักผจญเพลิงกว่า 1.1 ล้านคน หรือคิดเป็นสัดส่วน 67% เป็น 'อาสาสมัคร' ไม่ได้ค่าจ้างประจำ ปัจจุบันมีปัญหาขาดแคลนกลุ่มคนจิตอาสาเหล่านี้ เหตุจากทั้งสภาพสังคมที่เปลี่ยนแปลงไปและ COVID-19 ที่ทำให้งานของพวกเขาเพิ่มขึ้น รวมถึงการต่อต้านคำสั่งบังคับฉีดวัคซีน ก็ทำให้หาบุคลากรยากขึ้นด้วย


สหรัฐอเมริกากำลังเผชิญกับปัญหาการขาดแคลน 'อาสาสมัครดับเพลิง' ทั้งนี้ในช่วง COVID-19 เจ้าหน้าที่เพลิงมีปริมาณงานที่เพิ่มขึ้น และการต่อต้านคำสั่งบังคับฉีดวัคซีนในสหรัฐฯ ทำให้การสรรหาบุคลากรยากขึ้นด้วย | ที่มาภาพ: U.S. Forest Service-Modoc National Forest 

  • ที่สหรัฐฯ นักผจญเพลิงกว่า 1.1 ล้านคนหรือคิดเป็นสัดส่วน 67% เป็น 'อาสาสมัคร' ที่ไม่ได้ค่าจ้างประจำหรือได้รับเงินเพียงเล็กน้อย
  • ปัจจุบันมีปัญหาขาดแคลนกลุ่มคนจิตอาสาเหล่านี้ ทั้งสภาพสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป การเคลื่อนย้ายของจำนวนประชากรออกจากเมืองเล็ก
  • COVID-19 ที่ทำให้มีปริมาณงานที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งการต่อต้านคำสั่งบังคับฉีดวัคซีนในสหรัฐฯ ทำให้การสรรหาบุคลากรยากขึ้นด้วย
  • อาสาสมัครที่เหลืออยู่ก็มีอายุมากขึ้น จากช่วงกลางทศวรรษ 1980 อาสาสมัคร 132,000 คน มีอายุต่ำกว่า 30 ปี แต่ปัจจุบันมีอาสาสมัครที่มีอายุต่ำว่า 30 ปี มีเพียง 90,000 คน เท่านั้น

 ปัจจุบันสหรัฐอเมริกากำลังเผชิญกับปัญหาการขาดแคลนแรงงานในหลายภาคส่วน และหนึ่งในนั้นคือการขาดแคลน 'อาสาสมัครดับเพลิง' ซึ่งเป็นการขาดแคลนในระดับท้องถิ่นทั่วประเทศเลยทีเดียว

โดยเฉพาะในช่วง COVID-19 นักผจญเพลิงในท้องถิ่นซึ่งมักจะทำหน้าที่หน่วยกู้ภัยฉุกเฉินไปด้วย ถือเป็นแนวหน้าของการต่อสู้กับการระบาดใหญ่นี้ เพราะพวกเขาต้องขยายหน้าที่ความรับผิดชอบที่มีอยู่มากมายอยู่แล้วเพิ่มเติมไปอีก นอกเหนือจากที่ต้องจัดการกับไฟป่า เพลิงไหม้ในเขตชุมชน อุบัติเหตุทางรถยนต์ รวมทั้งส่งผู้ป่วยและผู้บาดเจ็บไปยังโรงพยาบาล 

ปริมาณงานที่เพิ่มขึ้นและการต่อต้านคำสั่งบังคับฉีดวัคซีนในสหรัฐฯ ก็ยิ่งทำให้การสรรหาบุคลากรจิตอาสาเหล่านี้ยากขึ้นด้วย

จำนวนที่ลดลง

ข้อมูลจากสภาอาสาสมัครดับเพลิงแห่งชาติ (National Volunteer Fire Council) ระบุว่าระหว่างปี 2527-2561 จำนวนอาสาสมัครดับเพลิงลดลงประมาณ ร้อยละ 17 ในขณะที่จำนวนการโทรแจ้งเหตุเพลิงไหม้กับเพิ่มขึ้น ร้อยละ 209 ในช่วงเวลาเดียวกัน จาก 11,890,000 ครั้ง ในปี 2527 เป็น 36,746,500 ครั้ง ในปี 2561

ส่วนข้อมูลจากสมาคมป้องกันอัคคีภัยแห่งชาติ (National Fire Protection Association) ระบุว่านักผจญเพลิงกว่า 1.1 ล้านคนทั่วประเทศ หรือคิดเป็นสัดส่วน ร้อยละ 67 เป็นอาสาสมัครที่ไม่ได้ค่าจ้างประจำหรือได้รับเงินเพียงเล็กน้อยเท่านั้นเพื่อจ่ายน้ำมันและค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ตามเอกสารข้อเท็จจริงปี 2564 โดยสภาอาสาสมัครดับเพลิงแห่งชาติ พบว่าในชุมชนที่มีผู้อยู่อาศัยระหว่าง 5,000-9,999 คน มีอาสาสมัครดับเพลิงประมาณร้อยละ 40 ของเจ้าหน้าที่ดับเพลิงทั้งหมด และเมื่อชุมชนยิ่งเล็กลงสัดส่วนอาสาสมัครก็จะเพิ่มขึ้นสวนทาง โดยในชุมชนที่มีผู้อาศัยระหว่าง 2,500-4,999 คน จะมีสัดส่วนอาสาสมัครประมาณ ร้อยละ 72, ในชุมชนที่มีผู้อยู่อาศัยน้อยกว่า 2,500 คน สัดส่วนนี้จะพุ่งสูงถึงประมาณ ร้อยละ 92 เลยทีเดียว 

ตัวอย่างในรัฐเวอร์จิเนีย ส่วนใหญ่แล้วนักดับเพลิงกว่าร้อยละ 70 จะทำงานในรูปแบบของอาสาสมัคร สถานีดับเพลิงกว่า 552 แห่ง ต้องพึ่งพาพวกเขา เช่นเดียวกับหลายพื้นที่ในสหรัฐฯ ที่จำนวนอาสาสมัครเหล่านี้กำลังลดลงเรื่อย ๆ

"การลดลงของอาสาสมัครเป็นวิกฤตที่ถูกมองข้ามที่ต้องได้รับการแก้ไข" ประธานสมาคมอาสาสมัครดับเพลิงแห่งแห่งเวอร์จิเนียกล่าว การที่อาสาสมัครดับเพลิงลดจำนวนลงนี้ อาจทำให้ความสามารถของสถานีดับเพลิงท้องถิ่นตอบสนองความต้องการฉุกเฉินของชุมชนลดลง และการขาดแคลนบุคลากรนี้ยังเพิ่มความเครียดให้กับอาสาสมัครที่มีอยู่อย่างจำกัดจำเขี่ยด้วยเช่นกัน

มีการมองว่าปัจจัยหลายประการมีส่วนทำให้เกิดการขาดแคลนอาสาสมัครดับเพลิง ทั้งจากการเปลี่ยนแปลงทางสังคม การเคลื่อนย้ายของประชากรที่เพิ่มขึ้น และความรู้สึกเป็น 'ชุมชน' ที่น้อยลง

"ไม่มีพื้นที่ใดที่เป็นเมย์เบอร์รี [ชื่อชุมชน] อีกต่อไปแล้ว — ที่ที่คุณเคยรู้จักเพื่อนบ้านทั้งหมดของคุณ ที่ที่เราเคยช่วยเหลือเกื้อกูลกัน ตอนนี้มีคนจำนวนมากที่เข้ามาในพื้นที่และย้ายออกจากพื้นที่" วีท บอลด์วิน วัย 60 ปี ผู้บริหารโรงพยาบาลเกษียณอายุและเป็นอาสาสมัครดับเพลิงมาเป็นเวลากว่า 44 ปีแล้วกล่าว 

บอลด์วิน เป็นอาสาสมัครของสถานีดับเพลิงแห่งหนึ่งในเขตฮันโนเวอร์เคาน์ตี้ อันเป็นอีกหนึ่งพื้นที่มีเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในช่วงที่ผ่านมา สถานีแห่งนี้ให้บริการครอบคลุมทั้งทางหลวงระหว่างรัฐ พื้นที่อุตสาหกรรม พื้นที่การค้า พื้นที่ที่อยู่อาศัยในเขตชานเมือง ชนบท และเกษตรกรรม เขากล่าวว่าสถานีดับเพลิงทั่วสหรัฐฯ รวมทั้งเวอร์จิเนียที่ความต้องการอาสาสมัครดับเพลิง ที่ฮันโนเวอร์เคาน์ตี้ก็ต้องการอาสาสมัครมากขึ้นด้วยเช่นกัน 

ที่ฮันโนเวอร์เคาน์ตี้ สถานีดับเพลิงและบริการการแพทย์ฉุกเฉิน (EMS) ใช้ทั้งบุคลากรประจำที่ได้รับค่าจ้างและอาสาสมัคร "ทั้งสองมีความสำคัญต่อการทำให้ระบบทำงานได้ เราเป็นระบบที่ผสมผสานระหว่างอาสาสมัครและกลุ่มอาชีพ ทั้งบริการการแพทย์ฉุกเฉินและการต่อสู้กับอัคคีภัย" บอลด์วิน กล่าว

"สิ่งที่เราพยายามทำให้สำเร็จคือทำให้เกิดความราบรื่นในการทำงานระหว่างบุคคลที่ได้รับค่าจ้างกับบุคคลที่เสียสละเวลามาเป็นอาสาสมัคร เมื่อเรามาที่บ้านของคุณ คุณจะไม่สามารถแยกแยะความแตกต่างได้ — คุณสมบัติระดับเดียวกัน คุณภาพและการดูแลในระดับเดียวกัน" บอลด์วินกล่าว "แต่มันคงจะดีขึ้น ถ้าเราสามารถหาวิธีดึงดูดและรักษาอาสาสมัครให้มากขึ้น นั่นคือคำตอบจริง ๆ แต่เรายังไม่ได้คิดองค์ประกอบนั้นออกมา"

งานจิตอาสารับใช้ชุมชน


อาสาสมัครดับเพลิงในสหรัฐฯ ถือเป็นงานที่มีความสำคัญ ซึ่งอาสาสมัครต้องมีความกล้าหาญและเสียสละเพื่อรับใช้ชุมชนเป็นอย่างมาก | ที่มาภาพ: Hanover Fire & EMS Station 10 - Chickahominy Volunteer Fire Department

ที่ฮันโนเวอร์เคาน์ตี้ มีเจ้าหน้าที่ดับเพลิงจ้างประจำ 229 คน และอาสาสมัคร 194 คน "เราต้องพึ่งพานักดับเพลิงพลเมืองและเจ้าหน้าที่บริการทางการแพทย์ฉุกเฉินอย่างบอลด์วินเป็นอย่างมาก" เจโทร ไพแลนด์ หัวหน้าสถานีดับเพลิงและการแพทย์ฉุกเฉินของฮันโนเวอร์เคาน์ตี้กล่าว เขายังกล่าวว่าปัญหาคือการจัดหาอาสาสมัครให้เพียงพอต่อความต้องการของเคาน์ตี้ และการขาดแคลนนี้กำลังแย่ลงเรื่อย ๆ

"ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาอาสาสมัครลดลง 10% ทุกปี ดังนั้นเรื่องนี้จึงค่อนข้างสำคัญ" ไพแลนด์ กล่าว

เขากล่าวว่าในเคาน์ตีมีสมาชิกมืออาชีพ 189 คน ที่ได้รับมอบหมายให้ทำงานในแผนกปฏิบัติการซึ่งได้รับการฝึกฝนด้านบริการดับเพลิงและการแพทย์ฉุกเฉิน จากอาสาสมัคร 194 คน ในจำนวนนี้ประมาณ 124 คน เป็นเจ้าหน้าที่ดับเพลิง และ 70 คน เป็นเจ้าหน้าที่การแพทย์ฉุกเฉิน

นักผจญเพลิงอาสาสมัครในฮันโนเวอร์เคาน์ตี้ต้องผ่านการฝึกอบรมและการรับรองเดียวกันกับเจ้าหน้าที่ดับเพลิงที่ได้รับค่าจ้าง ชั้นเรียนสำหรับอาสาสมัครจะถูกจัดขึ้นในช่วงวันธรรมดาและวันหยุดสุดสัปดาห์ เพื่อรองรับตารางเวลาของอาสาสมัครที่มีงานประจำอย่างอื่น และตามความต้องการของครอบครัวของพวกเขา

หน่วยดับเพลิงและการแพทย์ฉุกเฉินของฮันโนเวอร์เคาน์ตี้ ต้องใช้เวลาฝึกอบรมนักผจญเพลิงประมาณ 500 ชั่วโมง อาสาสมัครจะเข้าร่วมอบรม 8 เดือนที่จัดขึ้นทุกวันอังคาร พฤหัสบดี และเสาร์ ยกเว้นหลักสูตรการฝึกอบรม 40 ชั่วโมงที่จัดขึ้นในวันเสาร์และอาทิตย์ 

ส่วนอาสาสมัครการแพทย์ฉุกเฉินต้องอบรม 160 ชั่วโมงที่ดำเนินการตามระเบียบข้อบังคับของรัฐ อาสาสมัครที่จบโปรแกรมนี้จะได้ประกาศนียบัตรรับรองวิชาชีพด้วย

"อาสาสมัครของเราเป็นคนที่ยอดเยี่ยม พวกเขาได้รับการฝึกอบรมและให้บริการในระดับเดียวกับคนในสายงานของเรา และเราจะคงเป็นบ้านสำหรับพวกเขาเสมอ" ไพแลนด์ กล่าว นอกเหนือจากการเปลี่ยนแปลงทางสังคมแล้ว อาสาสมัครจำนวนมากยังกลายเป็นนักดับเพลิงในอาชีพ เนื่องจากมีการเปิดช่องให้มีการว่าจ้างพวกเขาในเคาน์ตี้ต่าง ๆ "ทันทีที่พวกเรารับอาสาสมัครและฝึกอบรมพวกเขาเสร้จสิ้น พวกเขาก็จะถูกสถานีดับเพลิงในท้องถิ่นอื่น ๆ ที่มีฐานะทางการเงินดีกว่าดึงตัวไปทำงานประจำ"

ส่วนบอลด์วิน ซึ่งเริ่มรับใช้ชุมชนด้วยการเป็นอาสาสมัครตั้งแต่อายุ 16 ปี กล่าวว่านักดับเพลิงอาชีพหลายคนในเคาน์ตีเริ่มต้นจากการเป็นอาสาสมัครก่อน ตอนนี้บางคนก็ขึ้นสู่ตำแหน่งอาวุโสแล้ว

"ผมคิดว่าเหตุผลเปลี่ยนไปตลอดหลายปีที่ผ่านมา การตอบแทนสังคมเป็นสิ่งสำคัญ เราโชคดีมากในสิ่งที่ได้รับ และผมเห็นว่ามันเป็นหน้าที่ของพลเมือง" เขากล่าวว่าทำไมเขาถึงยังเป็นอาสาสมัครดับเพลิง

อายุที่มากขึ้น และการสร้างคนรุ่นต่อไป

ข้อมูลจากสภาอาสาสมัครดับเพลิงแห่งชาติ ยังระบุว่าไม่เพียงแต่จำนวนอาสาสมัครที่ลดลงเท่านั้น แต่อาสาสมัครที่เหลืออยู่ก็มีอายุมากขึ้นด้วย ในช่วงกลางทศวรรษ 1980 อาสาสมัคร 132,000 คน มีอายุต่ำกว่า 30 ปี แต่ปัจจุบันมีอาสาสมัครที่มีอายุต่ำว่า 30 ปี มีเพียง 90,000 คน เท่านั้น จำนวนอาสาสมัครที่อายุเกิน 40 ปี เช่นบอลด์วิน เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วง 3 ทศวรรษที่ผ่านมาจาก 164,000 คน ในปี 2530 เป็น 176,000 คน ในปี 2560

เบรเดน มาสท์ วัย 18 ปี เป็นนักผจญเพลิงที่ได้รับการฝึกฝนใหม่ที่ฮันโนเวอร์เคาน์ตี้ เขาเข้าร่วมในโครงการอบรมดับเพลิงและการแพทย์ฉุกเฉินทันทีที่เพิ่งจบการศึกษาในระดับมัธยมปลาย

มาสท์กล่าวว่าในขณะที่อยู่ในโรงเรียนมัธยมเขาไปเยี่ยมสถานีดับเพลิงเมื่ออายุ 17 ปี "หลังจากวันแรกที่ผมอยู่กับพวกเขา ความมีภราดรภาพ การปฏิบัติต่อปัจเจกบุคคลที่เท่าเทียมกันในแผนก และในแง่มุมของการเป็นครอบครัวเดียวกัน มันเป็นประสบการณ์ที่ผมไม่เคยได้รับมาก่อน" เขากล่าว

"ผมตัดสินใจว่าต้องการก้าวไปข้างหน้า รับหมวกสีเหลืองและกลายเป็นนักผจญเพลิง และจากนั้นผมก็สนุกกับมันทุกวินาที" มาสท์ กล่าว

เขาบอกว่าเขาจะบอกใครก็ตามที่คิดจะเป็นอาสาสมัคร "หากคุณกำลังมองหางานบางอย่างทำ ที่คุณสามารถมีส่วนร่วมในชุมชนของคุณ และทำในสิ่งที่คุณไม่สามารถทำได้ที่อื่นได้ สถานีดับเพลิงฮันโนเวอร์มีไว้สำหรับคุณ"


ที่มาข้อมูล
Officials say shortage of volunteer firefighters an 'overlooked crisis' across Virginia and U.S. (Frank Green, Richmond Times-Dispatch, 22 October 2021)
Pandemic Adds Stress to Already Strained Rural Fire Departments (Aallyah Wright, Stateline, 9 November 2021)

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net