คณะวิจิตรศิลป์ มช. ส่ง จม.ขอให้แก้ไขข่าว ปมคำพิพากษาศาลปกครองกรณีหอศิลป์ เตือนจะดําเนินการทางกฎหมาย

คณบดีคณะวิจิตรศิลป์ มช. ส่งจดหมายถึงกองบรรณาธิการประชาไทขอให้แก้ไขข้อมูลประเด็นข่าวตามคำพิพากษาของศาลปกครอง กรณีหอศิลปวัฒนธรรม เตือนหากไม่ดำเนินการภายใน 7 วัน ทางมหาวิทยาลัยเชียงใหม่จะดําเนินการทางกฎหมายต่อไป อย่างไรก็ตามประชาไทยืนยันรายงานข่าวประเด็นสอดคล้องกับคำชี้แจงที่คณะวิจิตรศิลป์แบบส่งมาให้

หนังสือด่วนที่สุด จาก อัศวิณีย์ หวานจริง รองศาตราจารย์และคณบดีคณะวิจิตรศิลป์ มช.

17 พ.ย.2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (17 พ.ย.64) กองบรรณาธิการประชาไท ได้รับหนังสือด่วนที่สุด จาก อัศวิณีย์ หวานจริง รองศาตราจารย์และคณบดีคณะวิจิตรศิลป์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (มช.) ลงวันที่ 15 พ.ย.2564 เรื่อง ขอให้ดำเนินการแก้ไขข้อมูลประเด็นข่าวตามคำพิพากษา กรณีหอศิลปวัฒนธรรม มช. 

หนังสือดังกล่าวระบุว่า ตามที่มีการนําเสนอข่าวและเผยแพร่ข้อมูลในสื่อสังคมออนไลน์ ของสํานักพิมพ์ ประชาไท Prachatai.com ในวันที่ 4 พ.ย. 2564 หัวข้อ “ศาลปกครองให้เหตุผลยันสิทธิ์ นศ.วิจิตรศิลป์ มข.จัด แสดงศิลปะนิพนธ์ ที่หอศิลป์ แม้จําหน่ายคดี" และโพสต์วิดีโอไว้ในเพลย์ลิสต์ ข่าวเด่น วันที่ 5 พ.ย. 2564 “มหาวิทยาลัยมันเป็นรั้ว การแสดงออกทางศิลปะไม่เคยแยกออกจากการเมือง" เป็นการนําเสนอข่าวที่มี ข้อมูลบิดเบือนความจริง ไม่ถูกต้องตามคําพิพากษาของศาลปกครอง วันที่ 4 พ.ย. 2564

ทางคณะวิจิตรศิลป์ ขอชี้แจงให้ท่านทราบว่าสํานักพิมพ์ของท่าน ได้นําเสนอข่าวในประเด็นที่ไม่ ตรงกับความจริง ทําให้เกิดความเสื่อมเสียชื่อเสียงต่อคณะวิจิตรศิลป์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เป็นอย่างมากต่อ สาธารณชน ขอให้ท่านพิจารณาดําเนินการแก้ไขข่าวในโพสต์ให้ถูกต้องตามคําพิพากษาของศาลปกครองที่ได้แนบ ไปนี้ หรือดําเนินการลบโพสต์ที่ได้เผยแพร่ไปแล้ว

จึงเรียนมาเพื่อขอให้เร่งพิจารณาดําเนินการแก้ไขข้อมูลในข่าวที่นําเสนอให้ตรงกับคําพิพากษา ของศาลปกครอง ในวันที่ 4 พ.ย. 2564 ตามเอกสารที่แนบไปนี้ หากไม่ดําเนินการภายใน 7 วัน (หลังจากได้รับเอกสารฉบับนี้) ทางมหาวิทยาลัยเชียงใหม่จะดําเนินการทางกฎหมายต่อไป

คำชี้แจงจากคณะวิจิตรศิลป์ มช.

นอกจากนี้ คณะวิจิตรศิลป์ มช. ยังส่งคำชี้แจง คำพิพากษาของศาลปกครองดังกล่าวมาด้วย โดยระบุว่า ตามที่ปรากฏข้อมูลในสื่อสังคมออนไลน์ เมื่อวันที่ 4 พ.ย.2564 ว่า “ชนะคดีฟ้องผู้บริหาร" นั้น เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้องตามข้อเท็จจริงที่ปรากฏในคําพิพากษาของศาลปกครองเชียงใหม่ คณะวิจิตรศิลป์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ขอชี้แจง ดังนี้

เมื่อวันที่ 4 พ.ย.2564 เวลา 10.00 น. ศาลปกครองเชียงใหม่ได้นัดอ่านผลแห่งคําพิพากษา คดี หมายเลขที่ 382/2564 คดีหมายเลขแดงที่ 288/2564 ระหว่าง นายอภิสิทธิ์ วะลับ ที่ 1 กับพวกรวม 24 คน ผู้ ฟ้องคดี กับ ผู้ช่วยคณบดีคณะวิจิตรศิลป์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ที่ 1 คณบดีคณะวิจิตรศิลป์ ที่ 2 อธิการบดี มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ที่ 3 ผู้ถูกฟ้องคดี กล่าวโดยสรุปดังนี้

1. ประเด็นการขอใช้หอศิลปวัฒนธรรม เห็นว่า แม้ไม่ปรากฏว่าระเบียบหรือประกาศที่เกี่ยวข้องกับการขอใช้ หอศิลปวัฒนธรรมได้กําหนดระยะเวลาในการพิจารณาขอใช้พื้นที่หอศิลปวัฒนธรรมว่าจะต้องพิจารณาคําสั่งอนุญาต หรือไม่อนุญาตให้เข้าใช้พื้นที่ดังกล่าวภายในกี่วันผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 (ผู้ช่วยคณบดีผู้รับผิดชอบหอศิลปวัฒนธรรม) และ ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 (คณบดีคณะวิจิตรศิลป์) ชอบที่จะพิจารณาคําขอใช้พื้นที่หอศิลปวัฒนธรรม และมีคําสั่งจะอนุญาต หรือไม่อนุญาตก่อนกําหนดระยะเวลาในการใช้พื้นที่ตามที่ระบุในการขอใช้พื้นที่ของผู้ฟ้องคดี กล่าวคือ เมื่อได้รับคําขอ จะต้องพิจารณาคําขอและคําสั่งอนุญาตหรือไม่อนุญาต หากเห็นว่าผู้ฟ้องคดีไม่ส่งเอกสารหรือหลักฐานเพิ่มเติมตามที่ แจ้งให้จัดส่ง ก็ขอบที่จะคืนค่ําขอให้แก่ผู้ฟ้องคดีเป็นหนังสือถึงเหตุแห่งการคืนคําขอให้ทราบด้วยอย่างข้าควรจะก่อนถึง กําหนดระยะเวลาในการใช้พื้นที่ตามที่ระบุในการขอใช้พื้นที่ของผู้ฟ้องคดี โดยเทียบเคียงการพิจารณาอนุญาตของทาง ราชการตามมาตรา 8 และมาตรา 9 แห่งพระราชบัญญัติการอํานวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตของทาง ราชการ พ.ศ. 2558 ซึ่งมีวัตถุประสงค์ใช้เป็นกฎหมายกลางที่จะกําหนดขั้นตอนและระยะเวลาในการพิจารณาคําขอ อนุญาตจากทางราชการ อย่างไรก็ดี เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่า ผู้ฟ้องคดีได้เข้าไปจัดนิทรรศการแสดงผลงานที่ หอศิลปวัฒนธรรมแล้ว และอาจารย์ผู้สอนได้ตรวจผลงานและให้คะแนนแล้ว ศาลไม่จําต้องกําหนดคําบังคับ ไม่มีผลเป็น การเยียวยาความเดือดร้อนหรือเสียหายของผู้ฟ้องคดีแต่อย่างใด

2. ประเด็นที่ผู้ฟ้องคดีมีคําขอให้เพิกถอนขั้นตอนการพิจารณาใช้หอศิลปวัฒนธรรม เห็นว่า เป็นขั้นตอนการ ดําเนินการพิจารณาก่อนที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 (คณบดีคณะวิจิตรศิลป์) จะมีคําสั่งอนุญาตหรือไม่อนุญาตให้ผู้ฟ้องคดีใช้หอ ศิลปวัฒนธรรม ซึ่งเป็นเพียงกระบวนการภายในของฝ่ายปกครองที่ยังไม่มีผลกระทบสิทธิของผู้ฟ้องคดี ให้ผู้ฟ้องคดีได้รับ ความเดือดร้อนเสียหายที่จะมีสิทธินําคดีมาฟ้องต่อศาลได้

3. ประเด็นการฟ้องผู้ถูกฟ้องคดีที่ 3 (อธิการบดี) เห็นว่า เมื่อผู้ถูกฟ้องคดีที่ 3 ได้มอบหมายให้ คณะ วิจิตรศิลป์ เป็นผู้ดูแลและรับผิดชอบการดําเนินงานของหอศิลปวัฒนธรรมแล้ว ผู้ฟ้องคดีจึงมิได้เป็นผู้ได้รับความ เดือดร้อนหรือเสียหายหรืออาจจะเดือดร้อนหรือเสียหายอันเนื่องจากการกระทําหรืองดเว้นการกระทําของผู้ถูกฟ้องคดี ที่ 3 ที่จะมีสิทธิฟ้องผู้ถูกฟ้องคดีที่ 3 ต่อศาล

จึงมีคําสั่งจําหน่ายคดีออกจากสารบบความ จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบโดยทั่วกัน 

อย่างไรก็ตามเนื้อข่าวที่ประชาไทรายงาน ไม่ได้ระบุว่า นักศึกษา “ชนะคดีฟ้องผู้บริหาร" ตามคำชี้แจงที่คณะวิจิตรศิลป์ มช.อ้างถึงแต่อย่างใด แต่รายงานว่า ศาลปกครองเชียงใหม่จำหน่ายคดีนักศึกษาวิจิตรศิลป์ มช. ฟ้องผู้บริหารมหาวิทยาลัยออกจากสารบบ กรณีดังกล่าว โดยที่ศาลให้เหตุผลที่เป็นประโยชน์ต่อสิทธิของตัวผู้ฟ้องคดีด้วย

โดยศาลปกครองชี้ว่า เมื่อได้รับคำขอและผู้ฟ้องคดีทั้ง 24 คน (นักศึกษา)ได้จัดส่งเอกสารหรือหลักฐานเพิ่มเติมครบถ้วนตามที่แจ้งให้ทราบแล้ว ผู้ถูกฟ้องที่ 1 และ 2 (คือ ผอ.หอศิลปวัฒนธรรม และคณบดีคณะวิจิตรศิลป์)จะต้องพิจารณาคำขอและมีคำสั่งอนุญาตหรือไม่อนุญาตให้ผู้ฟ้องคดีทั้ง 24 คน เข้าใช้พื้นที่ดังกล่าว จะเรียกเอกสารหรือหลักฐานเพิ่มเติมอื่นใดอีกไม่ได้ หรือหากเห็นว่าผู้ฟ้องคดีทั้ง 24 คน ไม่ส่งเอกสารหรือหลักฐานเพิ่มเติมตามที่แจ้งให้จัดส่งก็ชอบที่จะคืนคำขอให้แก่ผู้ฟ้องคดีทั้ง 24 คน พร้อมแจ้งเป็นหนังสือถึงเหตุแห่งการคืนคำขอให้ทราบด้วยอย่างช้าควรจะก่อนถึงกำหนดระยะเวลาในการใช้พื้นที่ตามที่ระบุในการขอใช้พื้นที่ของผู้ฟ้องทั้ง 24 คน เพื่อให้อาจารย์ผู้สอนและผู้ฟ้องคดีทั้ง 24 คน ได้วางแผนจัดการเกี่ยวกับการเรียนในรายวิชาดังกล่าวต่อไปได้

แต่ข้อเท็จจริงปรากฎว่านักศึกษาผู้ฟ้องคดีทั้งหมดได้ทำการอารยะขัดขืนเข้าไปใช้หอศิลป์จัดแสดงผลงานการเรียนและได้มีอาจารย์ตรวจให้คะแนนผลงานแสดงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จึงเป็นกรณีที่ศาลไม่จำต้องกำหนดคำบังคับให้ผู้อำนวยการหอศิลปวัฒนธรรมและคณบดีคณะวิจิตรศิลป์พิจารณาเรื่องการขอใช้หอศิลปวัฒนธรรมอีกต่อไป เนื่องจากไม่มีผลเป็นการเยียวยาความเดือดร้อนหรือเสียหายของนักศึกษาในคดีนี้อีกต่อไป

ส่วนกรณีที่ผู้ถูกฟ้องที่ 3 อธิการบดี มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ได้มอบอำนาจให้ผู้อำนวยการหอศิลปวัฒนธรรมและคณบดีคณะวิจิตรศิลป์ ดูแลรับผิดชอบแล้ว จึงไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกระทำการหรืองดเว้นกระทำการในกรณีนี้ ผู้ฟ้องคดีจึงไม่มีสิทธิฟ้องอธิการบดี มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ได้

บางส่วนที่ศาลปกครองให้เหตุผล ซึ่งเป็นคุณต่อสิทธิของนักศึกษาในการใช้พื้นที่ 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท