ส.ส.เพื่อไทย ติงนายกรัฐมนตรีบอกจะนำรถทหารมาขนส่งสินค้า พูดไม่คิด เหมือนราดน้ำมันเข้ากองไฟ ด้านอธิบดีกรมการขนส่งทางบกเผย กระทรวงพลังงานได้รับเรื่องร้องเรียนจากสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทยแล้ว เตรียมศึกษาการปรับโครงสร้างราคาน้ำมันเพื่อหาทางออกต่อไป

17 พ.ย. 2564 ทีมสื่อพรรคเพื่อไทยรายงานว่า กิตติกร โล่ห์สุนทร ส.ส.ลำปาง พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการพลังงานในสภาผู้แทนราษฎร (กมธ.พลังงานฯ) เปิดเผยถึงกรณีที่สหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย ยื่นหนังสือกับพรรคเพื่อไทย โดยเรียกร้องให้รัฐบาลและกระทรวงพลังงาน ตรึงราคาน้ำมันดีเซลเป็นระยะเวลา 1 ปี ในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ให้ลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลลงลิตรละ 5 บาท เป็นระยะเวลา 1 ปี รวมทั้งปรับโครงสร้างราคาน้ำมันให้เป็นธรรม และให้ลดค่าการตลาด ที่เป็นสาเหตุให้ราคาน้ำมันแพงลงกึ่งหนึ่ง และย้ำด้วยว่า รัฐบาลต้องทำให้น้ำมันราคาลิตรละ 25 บาท ขอรัฐบาลอย่ามองข้าม เพราะเวลา 1 เดือนที่ผ่านมาก็ยังไม่มีคำตอบจากรัฐบาล หากทำไม่ได้ ก็ขอให้ผู้มีความสามารถขึ้นมาบริหารแทน

กิตติกรกล่าวว่า ที่ผ่านมา กมธ.พลังงานฯ ประชุมและหารือกันเพื่อหาทางออกร่วมกัน ก่อนส่งหนังสือเตือนไปยังรัฐบาล ถึงความเดือดร้อนของผู้ประกอบการ แต่ยังไม่มีความคืบหน้าเกิดขึ้น รัฐบาลไม่เคยให้ความสำคัญกับข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการที่เสนอ ไม่เคยได้รับการพิจารณาจากผู้ที่เกี่ยวข้องแต่อย่างใด ดังนั้นผลที่ออกมาคือรัฐบาลไม่เคยรับฟังปัญหาที่เกิดขึ้น ทั้งนี้เชื่อว่ารัฐบาลแก้ไขปัญหาได้ แต่อยู่ที่ว่าจะทำเมื่อไหร่ ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญมากหากช้าเกินไป ก็จะเกิดความเสียหายมากยิ่งขึ้น

กิตติกร โล่ห์สุนทร

ประธาน กมธ.พลังงานฯ กล่าวด้วยว่า ราคาน้ำมันในขณะนี้เป็นไปได้ยากที่จะลดลง มีแต่จะทรงตัวหรือเพิ่มสูงขึ้น ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับความต้องการใช้พลังงานในประเทศยุโรป ต้องติดตามสถานการณ์โควิดรอบที่ 5 ที่กำลังระบาดในกลุ่มประเทศยุโรปว่ารุนแรงแค่ไหน หากรุนแรงอาจจะส่งผลให้กลุ่มประเทศยุโรปล็อกดาวน์อีกครั้ง การใช้น้ำมันจะลดลงอย่างแน่อน หากไม่มีเหตุการณ์อะไร เชื่อว่าราคาน้ำมันจะทรงตัวในราคา 80-100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลไปจนถึงเดือน เม.ย. 2565

“กรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อมนำรถทหาร รถไฟ และรถขนส่งสาธารณะมาขนส่งสินค้าแทน เป็นการพูดโดยไม่คิด เหมือนเป็นการราดน้ำมันเข้ากองไฟ กลุ่มผู้ประกอบการที่มานั้น ต้องการมาเจรจาเพื่อให้รัฐหาแนวทางช่วยเหลือ การพูดเช่นนี้ของนายกรัฐมนตรีเหมือนเป็นการไม่ให้ความสำคัญและมั่นใจในอำนาจที่ตัวเองมีว่าสามารถกำราบได้ กรณีดังกล่าวรัฐบาลไม่ควรที่จะหักด้ามพร้าด้วยเข่า และไม่ควรหนีผู้ประกอบการ การแก้ปัญหาต้องจบที่โต๊ะเจรจา เชื่อหากรัฐบาลจริงใจจะหาทางออกได้อย่างแน่นอน” กิตติกร กล่าว

ด้านพชร นริพทะพันธุ์ กรรมการบริหาร และคณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยในไตรมาส 3 ปีนี้ กลับมาติดลบที่ -0.3 % ทั้งที่ไตรมาส 3 ปีที่แล้ว เศรษฐกิจไทยติดลบหนักแล้วถึง -6.4% แต่ปีนี้แทนที่จะฟื้นกลับติดลบต่ออีก ซึ่งแสดงถึงความอ่อนแอของเศรษฐกิจไทยที่ฟื้นตัวได้ช้ามาก สาเหตุมาจาก พล.อ.ประยุทธ์ เปิดๆ ปิดๆ ประเทศจนธุรกิจย่ำแย่กันหมด อีกทั้ง การบริหารจัดการวัคซีนมีปัญหาอย่างมากแม้กระทั่งปัจจุบันปริมาณประชาชนที่ได้รับการฉีดวัคซีน 2 เข็ม ยังต่ำมากเพียง 54.9% เท่านั้น และแม้การส่งออกจะขยายตัวสูงแต่ก็ยังไม่สามารถทำให้เศรษฐกิจของไทยฟื้นได้ซึ่งน่าเป็นห่วงมาก การขยายตัวเศรษฐกิจไทยติดลบในไตรมาสที่ 3 นี้ ทำให้เศรษฐกิจไทยปีนี้จะขยายเต็มที่ประมาณ 1% เท่านั้นซึ่งต่ำมาก ประชาชนจะลำบากกันมาก

คณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ปัญหาราคาน้ำมันที่สูงขึ้นจะเป็นปัญหาหลักที่จะถ่วงการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของไทย การลดราคาน้ำมันดีเซลโดยการลดการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลตามที่คณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทยเสนอ เป็นเรื่องที่ควรต้องดำเนินการและจะช้าจะเร็วถ้าราคาน้ำมันยังเป็นขาขึ้น พลเอกประยุทธ์ ก็จะต้องลดการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลอยู่แล้ว แต่ถ้าลดก่อนก็จะได้ใจประชาชนก่อน แต่ถ้าลดเมื่อราคาน้ำมันพุ่งขึ้นสูง ซึ่งจะเป็นความจำเป็นต้องลด ประชาชนจะไม่เห็นความดี เพราะจะถือเป็นหน้าที่และความจำเป็น

นอกจากนี้ จากการพยายามตรวจสอบความผิดปกติ ของการใช้เงินจากกองทุนในกระทรวงพลังงาน ซึ่งเป็นเงินหักค่าหัวจากค่าใช้จ่ายประชาชนนั้น การเข้าถึงข้อมูลเป็นไปได้ยาก สะท้อนถึงความไม่โปร่งใสของรัฐบาลมาเสมอ จึงมีข้อสงสัยว่ามีการโอนเงินจากกองทุนต่างๆ ในกระทรวง โดยเฉพาะจากกองทุนน้ำมัน หรือ กองทุนส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานไปให้รัฐถลุงเล่นหรือไม่ 

พชรกล่าวอีกว่า เงินจำนวนมากกว่า 20,087.42 ล้านบาท หากเป็นเช่นนั้นถือว่า รัฐเอาเปรียบประชาชน สมาชิกสภาผู้แทนราษฏรของพรรคเพื่อไทยได้ตั้งกระทู้ถาม รมว. พลังงาน แต่ก็ไม่ได้รับคำตอบที่ชัดเจน หากมีการโอนในลักษณะนี้ ในแบบที่โฆษกกระทรวงพลังงานออกมาชี้แจงว่าการโอนใช้ออกจากนอกกองทุนเป็นการทำผิดกฎหมาย ผิดวัตถุประสงค์ ก็ควรจะเอากลับมาช่วย ประชาชนตาดำๆ โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจขนส่งรถบรรทุก ที่ได้รับผลกระทบอย่างมากจนต้องออกมาประท้วง เพราะถ้าธุรกิจขนส่งรถบรรทุกต้องขึ้นราคาค่าขนส่ง ราคาสินค้าจะต้องขึ้นราคากันอีก ประชาชนจะยิ่งลำบาก การที่พลเอกประยุทธ์ จะให้รถทหารมาขนสินค้าแทนรถบรรทุกที่จะหยุดวิ่งน่าจะเป็นเรื่องตลกมากกว่า 

คณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทยย้ำว่า ในภาวะเศรษฐกิจที่ย่ำแย่รัฐบาลที่ดีจะต้องเข้าช่วยเหลือประชาชนเพื่อให้ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ และขยายโอกาสตามแนวทางของพรรคเพื่อไทย ที่สืบทอดเจตนารมณ์มาจากพรรคไทยรักไทย โดยหากเมื่อพรรคเพื่อไทย มีผู้นำคนรุ่นใหม่และมีโอกาสชนะการเลือกตั้ง พรรคเพื่อไทยจะยืนยันจะลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลลิตรละ 5 บาท เพื่อลดรายจ่ายของประชาชน บางพรรคขาดความรู้ความเข้าใจหาเสียงยกเลิกภาษีสรรพสามิตน้ำมันซึ่งทำไม่ได้เพราะภาษีสรรพสามิตเป็นกฎหมายจึงอยากให้ศึกษาให้ดีก่อนพูด

พชรกล่าวต่อว่า พรรคเพื่อไทยยังจะมีอีกหลายนโยบายที่จะลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ขยายโอกาส ให้กับประชาชนซึ่งจะทำได้จริง เหมือนที่ทำมาแล้วในอดีต ไม่ได้ขายฝันมั่วแบบบางพรรคที่ไม่ทำตามนโยบายที่หาเสียงไว้เลย ทั้งนโยบายดูแลราคาพืชผลการเกษตรที่ตอนนี้ราคาข้าวตกต่ำอย่างมาก นโยบายค่าแรงขั้นต่ำ 400-425 บาท นโยบายมารดาประชารัฐ เป็นต้น หรือขายฝันในนโยบายที่ทำไม่ได้จริงเพราะประเทศไทยจะไม่มีเงินเพียงพอ เช่นรัฐสวัสดิการที่ต้องใช้เงินมหาศาลที่ไทยยังไม่พร้อม แค่หาเสียงจะจ่ายผู้สูงอายุเดือนละ 3,000 บาท ทราบหรือไม่ว่ายังต้องใช้เงินปีละกว่า 5 แสนล้านบาท ซึ่งสภาวะการคลังของประเทศในปัจจุบันที่หนี้สาธารณะพุ่งสูงจะไม่สามารถทำได้ พรรคเพื่อไทยจะต้องเข้าไปฟื้นเศรษฐกิจก่อนและจะเพิ่มสวัสดิการตามฐานะของประเทศซึ่งจะทำได้จริง และอยากเห็นรัฐธรรมนูญที่ถูกแก้ไขให้เป็นประชาธิปไตยและเป็นของประชาชนอย่างแท้จริง เพื่อประเทศนี้จะได้เดินหน้าต่อไปได้

ขณะที่เดลินิวส์ออนไลน์รายงานว่า จิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก (ขบ.)​ เปิดเผยว่า ปัญหาเรื่องค่าน้ำมันถือเป็นต้นทุนที่สำคัญของการประกอบการขนส่ง ซึ่งจากข้อเรียกร้องของสหพันธ์​ฯ ที่ได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้น โดยเรื่องการทบทวนอัตราค่าน้ำมัน ขณะนี้ ทางกระทรวงพลังงาน ได้รับข้อเสนอดังกล่าวแล้ว โดยจะนำข้อเสนอต่างๆ ไปศึกษาทั้งเรื่องการปรับโครงสร้างอัตราราคาน้ำมัน และต้นทุนต่างๆ เพื่อหาทางออกให้กับผู้ประกอบการขนส่ง และภาคประชาชนต่อไป