ดอน ปรมัตถ์วินัย ตอบกระทู้ถามสดของ สุทิน คลังแสง แจงเรื่องการเดินทางเยือนพม่า ชี้ เป็นเรื่องการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม และไม่มีการบริจาควัคซีนให้แต่อย่างใด พร้อมกล่าวถึงกรณีที่ไทยไม่ได้รับเชิญจากสหรัฐฯ ให้เข้าร่วมประชุมสุดยอดเพื่อประชาธิปไตย (Summit for Democracy) ในวันที่ 9-10 ธ.ค. นี้ว่าไม่จำเป็นต้องดีใจหรือเสียใจ เพราะการประชุมดังกล่าวเป็นเรื่องการเมืองล้วนๆ

25 พ.ย. 2564 วอยซ์ออนไลน์รายงานว่าช่วงสายวันนี้ (25 พ.ย. 2564) สุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม และรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานวิปฝ่ายค้าน เตรียมตั้งกระทู้สดด้วยวาจาถามดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เรื่องการเดินทางไปเยือนพม่าเมื่อวันที่ 14 พ.ย. ที่ผ่านมา ซึ่งสุทินคาดว่าอาจเกี่ยวข้องกับการที่สหรัฐฯ ไม่เชิญไทยเข้าร่วมการประชุมสุดยอดเพื่อประชาธิปไตย (Summit for Democracy) ทางออนไลน์ ซึ่งจัดขึ้นครั้งแรกในวันที่ 9-10 ธ.ค. นี้ โดยการประชุมดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยหยุดยั้งการเสื่อมถอยทางประชาธิปไตยและการพังทลายของสิทธิและเสรีภาพทั่วโลก

สุทิน ตั้งข้อสังเกตเพิ่มเติมว่าการเดินทางเยือนพม่าของดอนอาจสอดคล้องกับเหตุการณ์เมื่อวันที่ 19 พ.ย. 2564 รองผู้อำนวยการหน่วยข่าวกรองกลางของสหรัฐฯ หรือ CIA เดินทางเข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีที่ทำเนียบรัฐบาล ซึ่งรัฐบาลต้องอธิบายและชี้แจงต่อประชาชน เพราะเรื่องนี้ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศ

ต่อมาในช่วงบ่ายวันนี้ ดอนได้ตอบกระทู้ถามสดด้วยวาจาของสุทิน โดยดอนกล่าวว่าการเดินทางไปเยือนพม่านั้นเป็นไปตามหลักกติกาสากล เป็นพื้นฐานสิทธิมนุษยชน และเดินทางไปในฐานะประเทศเพื่อนบ้านเพื่อหารือทวิภาคี ซึ่งเป็นผลประโยชน์ของประเทศชาติทั้งสิ้น ดอนยังกล่าวอีกว่าพม่าเป็นประเทศยุทธศาสตร์ที่ไทยต้องให้ความสำคัญเพราะมีชายแดนติดต่อกับประเทศรอบด้านทั้งไทย ลาว อินเดีย และจีน โดยไทยเป็นประเทศที่มีชายแดนติดกับพม่ามากที่สุด ทางการพม่าจึงได้ร้องขอให้ไทยเป็นสะพานเชื่อมเรื่องมนุษยธรรมให้แก่พม่า

ดอนกล่าวเพิ่มเติมว่าตอนที่ตนเดินทางไปประชุมสหประชาชาติที่สหรัฐอเมริกาครั้งล่าสุด รัฐบาลประเทศอื่นๆ และภาคประชาสังคม รวมถึงกลุ่มเอ็นจีโอ ได้มาร้องขอให้ไทยช่วยเหลือพม่าเรื่องมนุษยธรรม ซึ่งเป็นคนละส่วนกับเรื่องการเมือง และการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมนั้นถือว่าเป็นหลักการสากล ซึ่งอินเดียและจีนก็ให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่พม่าด้วยเช่นกัน พร้อมปฏิเสธว่าสิ่งของที่นำไปบริจาคให้พม่าในวันที่ 14 พ.ย. นั้นไม่ใช่ของรัฐบาล แต่เป็นของที่มาจากภาคเอกชนทั้งหมดจากหลายประเทศ และไม่มีการนำวัคซีนไปบริจาคแต่อย่างใด เพราะการบริจาควัคซีนต้องมีการลงนาม MOU ซึ่งมีหลายขั้นตอน

"ความรู้หรือข้อมูลที่ผิดพลาด จริงๆ แล้วผมเป็นว่าเป็นเฟคนิวส์ด้วยซ้ำไป แต่ว่ามันก็เกิดขึ้นแทบทุกวันในบ้านเรา สำหรับนักเล่าข่าวก็ดี สื่อก็ดี หรือใครก็ตามในแวดวงต่างๆ ที่พอได้ยินอะไรสักอย่างก็นำไปขยายความออกไปในเชิงบิดเบือนถึงขั้นเป็นเฟคนิวส์ก็ย่อมได้" ดอนกล่าว

ส่วนกรณีที่ไทยไม่ได้รับเชิญจากสหรัฐฯ ให้ไปการประชุมสุดยอดเพื่อประชาธิปไตยนั้น ดอนกล่าวว่า "การประชุมดังกล่าวเป็นเรื่องของการเมืองล้วนๆ เป็นเรื่องของการเมืองที่ต้องการจะเล่นงานกันและกัน ไม่ใช่ว่าเพื่ออาเซียนทั้งหลายได้รับเชิญ ไม่มีหรอกนะครับ บางประเทศที่เป็นประชาธิปไตยที่มีการเลือกตั้งเขาก็ไม่ได้รับเชิญด้วย เพราะฉะนั้นมันไม่ได้แปลกในแง่ของการไม่ได้รับเชิญ บางเรื่องเราดีใจด้วยซ้ำไป ไม่ต้องเชิญเรา บ่อยครั้งเราก็บอกว่าถ้าไม่เชิญน่ะก็ดีแล้ว ถ้าเชิญ เราก็ต้องพิจารณาว่าจะไปหรือไม่ไป มันเป็นดาบสองคมในหลายๆ กรณี ไม่ใช่ว่าไม่มีคำชม ไม่มีคำเชิญ แล้วเราจะต้องตื่น กระทืบเท้าด้วยความเสียใจ ในโลกแห่งความเป็นจริงไม่ได้เป็นอย่างนั้น หรือถ้าหากมีการเชิญแล้วเราต้องลิงโลดที่จะไปก็ไม่ได้เป็นเช่นนั้นด้วย ความเป็นจริงของชีวิตโดยเฉพาะในด้านต่างประเทศมันไม่ได้ออกมาอย่างที่หลายๆ คนเข้าใจ"

ในช่วงเช้าวันนี้ กรุงเทพธุรกิจรายงานว่าผู้สื่อข่าวได้ถาม พล.อ.ประยุทธ์ เรื่องไทยไม่ได้รับเชิญให้เข้าร่วมการประชุมดังกล่าว แต่ พล.อ.ประยุทธ์ไม่ตอบ และแสดงสีหน้าไม่สบอารมณ์เมื่อได้ยินคำถามนี้

ทั้งนี้ เมื่อช่วงต้นสัปดาห์นี้ กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ เพิ่งประกาศรายชื่อประเทศและเขตแดนที่ได้รับเชิญให้เข้าร่วมการประชุมสุดยอดประประชาธิปไตย ทั้งหมด 110 รายชื่อ โดยมีชื่อของประเทศพันธมิตรทั้งสหภาพยุโรป เดนมาร์ก สหราชอาณาจักร ออสเตรเลีย เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น อิสราเอล และอีกหลายประเทศในแอฟริกา รวมถึงหมู่เกาะในเขตโอเชียเนีย ส่วนสมาชิกอาเซียนั้นได้รับเชิญ 3 ประเทศ ได้แก่ ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย และอินโดนีเซีย นอกจากนี้ ยังมีชื่อของไต้หวันและลิทัวเนียที่เพิ่งประกาศจัดตั้งสำนักงานผู้แทนไต้หวัน และถูกจีนลดระดับความสัมพันธ์ไปเมื่อไม่นานมานี้

หลังจากสหรัฐฯ ประกาศรายชื่อผู้ได้รับเชิญให้เข้าร่วมประชุมดังกล่าว ซึ่งมีชื่อของไต้หวันรวมอยู่นั้น หนังสือพิมพ์เดอะการ์เดียนของอังกฤษก็รายงานว่าจีนแสดงท่าทีไม่พอใจและกล่าวหาว่าการกระทำของสหรัฐฯ เป็นเรื่องที่ 'ผิดพลาด' อย่างยิ่ง