Skip to main content
sharethis

วงเสวนา 'ยุทธการฮุบที่ดินรถไฟหัวลำโพง นโยบายธุรกิจการเมืองเอื้อเจ้าสัว?' ระบุรัฐบาลร่วมนายทุนหวังฮุบที่ดินรถไฟหัวลำโพงทั้งหมด ประธานคณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา 35 ชี้ไม่คำนึงถึงพระมหากรุณาธิคุณ ร.5

27 พ.ย. 2564  นายเมธา มาสขาว เลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) แจ้งข่าวต่อสื่อมวลชนว่า ณ ห้องประชุมอนุสรณ์สถาน 14 ตุลา สี่แยกคอกวัว ถ.ราชดำเนิน กทม.เสวนา เรื่อง 'ยุทธการฮุบที่ดินรถไฟหัวลำโพง นโยบายธุรกิจการเมืองเอื้อเจ้าสัว?' จัดโดย สภาที่ 3 ร่วมกับคณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา 35 มีผู้ร่วมอภิปรายดังนี้ คือ นายอดุลย์ เขียวบริบูรณ์ ประธานคณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา 35, นายสราวุธ สราญวงศ์ รักษาการประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจรถไฟแห่งประเทศไทย (สร.รฟท), นายประภัสร จงสงวน อดีตผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย และนายวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชั่น  

นายอดุลย์ เขียวบริบูรณ์ กล่าวว่าวันนี้รัฐบาลโดยเจ้ากระทรวงคมนาคมประสงค์จะปิดสถานีหัวลำโพง ทำให้ทุกอย่างวุ่นวายไปหมด ดูจากผลกระทบของประชาชนซึ่งใช้บริการรถไฟ ที่สถานีหัวลำโพงและอยู่ใจกลางเมือง ทุกคนสามารถเชื่อมต่อไปยังที่ต่าง ๆ ได้ ทั้งนี้สถานีรถไฟหัวลำโพง ในหลวงรัชกาลที่ 5 ทรงพระราชทานไว้เพื่อให้ประชาชนได้สัญจรโดยง่าย ด้วยช่องทางที่สะดวกและค่าใช้จ่ายที่น้อยที่สุด 

“รัฐบาลไม่มีสำนึกถึงพระองค์ท่านว่าได้ทรงทำอะไรไว้บ้าง โดยเฉพาะรัฐบาลชุดนี้ที่บริหารประเทศ ให้เจ้ากระทรวงคมนาคมมาปิดหัวลำโพง อยากถามว่ามีสถานีรถไฟที่ไหนในโลกที่เก่าแก่มากขนาดนี้คืออายุถึง 105 ปี รัชกาลที่ 5 ทรงสละทรัพย์สินและสละเวลามาควบคุมดูแลด้วยพระองค์เอง เพราะฉะนั้นสถานีหัวลำโพงถือว่าเป็นสถานที่ประวัติศาสตร์ที่สำคัญอย่างยิ่ง ผมรู้สึกเอือมระอากับรัฐบาลชุดนี้อย่างยิ่ง เพราะไม่เคยรู้สำนึกในหน้าที่ของตัวเอง และใช้ไม่ได้เพราะผู้นำไม่ฉลาด เปรียบเสมือนวันหนึ่ง รปภ.ที่หน้าตึกสูงถืออาวุธและขึ้นไปขับไล่ CEO ที่ดูแลตึกลงมาแล้วบอกว่าขาจะดูแลตึกนี้เอง ขอถามว่า รปภ.จะเป็น CEO ได้ยังไง เพราะเขาไม่มีความรู้” นายอดุลย์ กล่าว 

ประธานคณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา 35  กล่าวว่า ที่ประชาชนจะเข้าไปทำธุรกิจกับการรถไฟ มีส่วนร่วมเข้าไปทำสัมปทานหรือสิทธิบางอย่าง เพื่อประโยชน์ของบริษัทเอกชนก็ถือว่าไม่ผิด ส่วนข่าวที่ว่าจะมีเจ้าสัวเค้าไปทำสัมปทานตรงนี้ก่อสร้างตึกสูงคงต้องรอให้คนในเป็นผู้บอกกล่าว แม้ว่าไม่ผิดแต่การทำนั้นจะคิดถึงผลประโยชน์ของตัวเองอย่างเดียวไม่ได้  ขอให้คิดถึงสิ่งที่จะทำด้วย ถึงแม้ว่าจะทำได้อย่าคิดว่าเป็นเจ้าสัวแล้วมีเงินอย่างเดียว ถ้าทำอย่างนั้นตนเห็นสิ่งที่ไม่ชอบมาพากล ตนก็จะแฉไปเรื่อยๆแต่ทั้งหมดนี้ต้องโทษรัฐบาล เพราะไม่มีสำนึกว่าหัวลำโพงและที่ดินตรงนี้ ใครเป็นผู้ประทานให้  รัฐบาลยังปล่อยให้เจ้ากระทรวงประกาศว่า จะปิดหัวลำโพงตนถือว่าเป็นการเนรคุณแผ่นดิน ที่ปล่อยให้เรื่องนี้เกิดขึ้น

นายอดุลย์ กล่าวว่าอยู่ดี ๆ รัฐบาลบอกว่าการรถไฟเป็นหนี้ถึง 600,000 กว่าล้าน ถามว่าทรัพย์สินที่ดินของการรถไฟตีเป็นมูลค่า 600,000 กว่าล้าน เมื่อเทียบกับทรัพย์สินที่ดินไปมันเปรียบกันไม่ได้เลย และมีการให้ขึ้นราคาค่าโดยสารที่บริการประชาชน แค่ครึ่งเดียวของรถขนส่งภาคเอกชน ถามว่าต้องเป็นหนี้ถึง 600,000 กว่าล้านเชียวหรือ ถ้าปล่อยให้การรถไฟบริหาร แล้วนำที่ดินว่างเปล่าที่ถูกนายทุน จะไปใช้เพื่อหาผลประโยชน์มาทำประโยชน์ซักหนึ่งแปลง ตนถามว่าเป็นกังวลอะไรกับเงิน 600,000 กว่าล้าน เป็นกังวลอะไรกับรายได้ที่จะหามาได้ ซึ่งที่ผ่านมานายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีต รมว.คลังเคยพูดถึงแนวทางหารายได้และแก้หนี้มาแล้วบนเวทีนี้ 

“ถ้าการเมืองและธุรกิจการเมืองไม่เข้ามาแทรกแซง โดยปล่อยให้รถไฟใช้ความรู้ความสามารถ สร้างเสริมสมรรถภาพของตัวเอง และสร้างรายได้ใช้หนี้  จะเป็นการดีหรือไม่ แต่ก็มีความพยายามที่จะฮุบที่การรถไฟและกิจการรถไฟทั้งหมด ไปเพื่อให้เอกชนเข้ามาครอบครอง และให้คนนอกที่ไม่ใช่คนในฝ่ายมาดูแล ถามว่าความรู้ความสามารถในการดูแลมาจากไหน นอกจากนี้ก็ได้ตั้งบริษัทเกี่ยวกับทรัพย์สิน ขึ้นมาเพื่อจะมาดูแลทรัพย์สินที่ดินของการรถไฟเป็นใคร โดยเป็นคนของภาคการเมืองจากรัฐบาลและกลุ่มทุนส่งเข้ามา เจตนาก็คือจะฮุบที่ดินการรถไฟทั้งหมด เพราะฉะนั้นตนจึงเห็นว่ารัฐบาลนี้ โดยเฉพาะเจ้ากระทรวงเป็นผู้ที่เนรคุณต่อแผ่นดินแน่นอน” นายอดุลย์ กล่าว 

ด้านนายสราวุธ สราญวงศ์ กล่าวว่ากล่าวว่าสหภาพคัดค้านมาตลอดว่า ไม่เห็นด้วยที่จะให้ลดบทบาทสถานีรถไฟหัวลำโพง เพราะความสำคัญกับประวัติศาสตร์ของประเทศไทย นโยบายของรัฐบาลโดยเฉพาะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กำลังทำลายประวัติศาสตร์และเจตนารมณ์ การมีกิจการรถไฟแห่งประเทศไทย ที่จะให้บริการกับประชาชน ซึ่งที่ผ่านมาสหภาพเคยออกแถลงการณ์ไปแล้ว รมว.คมนาคมก็ให้สหภาพมาหาทางแก้ไขและมีข้อยุติว่า จะให้มีขบวนรถเข้าไปยังสถานีรถไฟหัวลำโพง 22 ขบวนเพื่อบริการประชาชน 

นายสราวุธ กล่าวว่าแต่ภายหลังกลับกลายเป็นว่า รัฐมนตรีคมนาคมไม่ให้มีขบวนรถไฟเข้าสู่ธานีรถไฟหัวลำโพงโดยอ้างว่ารถไฟเป็นสาเหตุที่ทำให้การจราจรติดขัด ซึ่งการประกาศนโยบายดังกล่าวนั้น สหภาพเห็นว่าทำให้ประชาชนเดือดร้อน ทั้งการเดินทางและเพิ่มค่าใช้จ่ายค่าของชีพ ของประชาชนต้องเพิ่มขึ้นและเป็นการตัดทางเลือกการเดินทางของประชาชน

“รัชกาลที่ 5 ท่านทรงเล็งเห็นว่าเป็นกิจการ ที่พระองค์ตั้งใจที่จะสร้างหัวลำโพงให้กับคนไทย ตอนนั้นในการสร้าง ท่านใช้คนงานคนคุมงาน เช่น ทางรถไฟสายใต้มาจากอังกฤษ ส่วนการสร้างสายเหนือและสายอีสานมาจากคนเยอรมัน, โปรตุเกส, รัสเซียซึ่งเป็นความชาญฉลาดของพระองค์ท่านที่ใช้ในยุคนั้น ซึ่งยุคนั้นเป็นยุคล่าอาณานิคมแต่ท่านทรงให้มหาอำนาจทั้ง 2 ฝ่ายมาสร้างกิจการรถไฟ เพื่อถ่วงดุลอำนาจไม่ให้ประเทศไทย ตกอยู่ในการล่าล่าอาณานิคม กิจการรถไฟจึงเป็นเรื่องของประวัติศาสตร์ของประเทศไทย” นายสราวุธ  กล่าว

นายสราวุธ กล่าวว่าจากพระบรมราชโองการและกฎหมายต่างๆ ที่พระองค์ท่านทรงมีความตั้งใจ ที่จะให้กิจการรถไฟเป็นกิจการที่จะให้บริการพี่น้องประชาชน สร้างความเจริญ แต่ย้อนมารัฐบาลชุดนี้โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กลับกลายเป็นว่าจะนำพื้นที่ ไปบริหารในเชิงพานิชย์ ถามว่าพื้นที่ห้างสรรพสินค้าในประเทศไทยในกรุงเทพมีกี่ที่แล้ว ทำไมต้องเอาพื้นที่ตรงนี้ด้วย  พื้นที่ของการรถไฟแห่งประเทศไทยยังมีอีกหลายที่ ที่สามารถบริหารจัดการก่อสร้างตึกสูงได้แต่ทำไมต้อง เจาะจงมาที่นี่และทำลายประวัติศาสตร์ของการรถไฟแห่งประเทศไทย

นายสราวุธ กล่าวว่าสหภาพได้ลงพื้นที่ไปสำรวจความคิดเห็นประชาชนพี่โดยสารซึ่งค่าโดยสารจาก รังสิตมาหัวลำโพง 6 บาท , ดอนเมือง 5 บาท , บางซื่อมาหัวลำโพง 2 บาท , มักกะสันมาหัวลำโพง 2 บาท ถามว่าถ้าไม่มีรถไฟ  ประชาชนที่ใช้บริการต้องเสียค่าใช้จ่ายเท่าไหร่ เพราะค่าแรงต่อวัน 300 บาท ถ้าไม่มีรถไฟเข้าสู่ลำโพง ก็ต้องเสียค่าใช้จ่ายต่อเที่ยวถึง 70 บาทไปกลับ 150 บาท ซึ่งค่าแรงของเขาหมดไปกับค่าเดินทาง  ถามว่านี่หรือคือนโยบายของรัฐบาล ที่บอกว่าเป็นการสร้างความอยู่ดีกินดีให้กับประชาชน  และรัฐยังเป็นการฉีก พ.ร.บ. 2494 จี ของการรถไฟแห่งประเทศไทย ที่จะให้นำพื้นที่ในการเดินรถกลับไปเป็นพื้นที่เชิงพาณิชย์ โดยอ้างว่ารถไฟขาดทุนแต่ไม่เคยพูดว่ารถไฟขาดทุนเนื่องจากอะไร

นายสราวุธ กล่าวว่าสหภาพมองว่าเหตุผลต่างๆที่จะไม่ให้ขบวนรถ เข้าสู่สถานีหัวลำโพงไม่ใช่เรื่องของรถติด หรือภาวะทางเสียง เพราะถ้าไม่มีรถรถไฟแล้วกระบวนการเปลี่ยนผังเมือง จากสีน้ำเงินเป็นสีแดงจะทำได้ง่ายขึ้นหรือไม่ ไม่เช่นนั้นจะไม่สามารถเปลี่ยนผังเมืองได้ เรื่องนี้สหภาพตั้งข้อสงสัย และตอนนี้มีการตั้งกรมการขนส่งทางรางขึ้นมา เพื่อที่จะดูแลเรื่องของระบบทางราง แต่กลายเป็นว่ากรมการขนส่งทางราง กลายเป็นมาร่วมเป็นคณะกรรมการพิจารณา ในเรื่องที่จะไม่ให้มีขบวนรถเข้าสู่สถานีหัวลำโพงด้วย  ดังนั้นสหภาพจะคัดค้านเรื่องนี้ถึงที่สุด

ขณะที่นายประภัสร จงสงวน กล่าวว่ารัฐบาลชุดนี้ตำหนิเด็ก ๆ ที่มาชูสามนิ้ว ว่าไม่รู้จักประวัติศาสตร์ไม่รู้จักกตัญญูรู้คุณแผ่นดิน  ขอถามว่าในสิ่งที่ท่านแสดงออกเรื่องเกี่ยวกับรถไฟเป็นตัวอย่างที่ดีใช่หรือไม่  ท่านกรุณาดูตัวเองก่อนว่าสิ่งที่ทำคืออะไร ตนคิดว่าการปิดหัวลำโพง เป็นการสร้างความลำบากให้กับประชาชน และสร้างภาระให้กับค่าใช้จ่ายเขาอีกมหาศาล ทำให้เสียเวลา นี่หรือคือสิ่งที่รัฐบาลบอกว่าเป็นหน้าที่ต้องดูแลสารทุกข์สุกดิบประชาชน 

นายประภัสร กล่าวว่าเห็นมีข่าวทางหน้าสื่อบอกว่า อาจจะต้องไปขอคณะกรรมการผังเมืองเปลี่ยนสีพื้นที่เป็นกรณีพิเศษ เพราะถ้าขอเปลี่ยนธรรมดาต้องใช้เวลาต้องมีการทำประชาพิจารณ์ สอบถาม ทำการศึกษาเยอะแยะไปหมด แต่เรื่องนี้มีความจำเป็นเร่งด่วนไม่ทราบว่าจำเป็นเร่งด่วนเรื่องอะไร เพราะรถไฟฟ้าสายสีแดงก็ยังไม่เข้ามาถึงข้างใน 

“อยากจะขอเตือนว่ารัฐ จะทำอะไรควรนึกถึงประชาชนให้มาก และช่วงนี้ใกล้เลือกตั้งเข้ามาทุกที ตนคิดว่ารัฐบาลคงไม่อยากทำอะไร ที่ให้ประชาชนรู้สึกว่ารัฐบาลชุดนี้ไม่ได้เห็นกับพี่น้องประชาชน  อย่าลืมว่าทุกวันนี้โลกไม่เหมือนเมื่อก่อน ที่คนไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร เพราะถ้าคุณจะทำอะไรแค่คุณอ้าปากเขาก็เห็นลิ้นไก่แล้ว” นายประภัสร กล่าว

นายประภัสร กล่าวว่าการที่รัฐมนตรีคมนาคมบอกว่าให้การรถไฟ ไปเสนอมาว่าควรจะมีทางออกอย่างไร  ขอถามว่าการรถไฟจะเสนออะไรที่ไม่ตรงกับใจท่านได้หรือไม่และถึงวันนั้นคนที่ถูกด่าคนแรกก็คือการรถไฟ โดยอ้างว่าการรถไฟเสนอมา จึงอยากฝากถึงผู้บริหารการรถไฟด้วยว่า การรถไฟจ้างท่านมาให้มาดูแลผลประโยชน์ ของการรถไฟและอย่าลืมว่าท่านรับเงินเดือนของการรถไฟ  และอยากจะฝากไปถึงผู้ที่อยากจะลงทุนว่าท่านเคยคิดบ้างหรือไม่ว่า ท่านจะเปิดธุรกิจไปกี่แห่งแล้ว  
     
“ผมทราบว่าเศรษฐีบ้านเราบางคนมาเมืองไทยเสื่อผืนหมอนใบ ยังไงก็ขอให้รำลึกถึง พระคุณของแผ่นดินนี้ รำลึกถึงสิ่งที่พระมหากษัตริย์ของเรา ได้ทำให้กับประเทศให้ความเมตตาคนที่มาอาศัยใต้ร่มพระบรมโพธิสมภาร  ขอให้คำนึงถึงสิ่งที่กระทบกระเทือนกับความรู้สึกของคนไทยทั้งประเทศด้วย ไม่จำเป็นที่ท่านจะต้องมาดื้อดึง ใช้ที่ดินตรงนี้เพราะตนเชื่อว่าท้ายที่สุดแล้ว จะมีคนไทยที่ไม่ยอมอีกจำนวนมาก

ส่วนนายวีระ สมความคิด กล่าวว่าตั้งแต่พลเอกประยุทธ์ยึดอำนาจมา มีที่ดินของรัฐหลายแปลงถูกผ่องถ่าย ไปอยู่ในมือของนายทุนเอกชนในระยะหลังนี้ ถ้าจะเปลี่ยนไปเพื่อประโยชน์ให้กับประเทศชาติและประชาชนจะดีกว่าหรือไม่  กรณีหัวลำโพงจะถูกปิด มีข่าวออกมาเมื่อไม่กี่วันมานี้ เพราะก่อนหน้านี้ไม่เคยรู้เลย ทั้งที่เรื่องอย่างนี้ควรจะต้องมีมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ออกมาก่อนไม่ใช่อำนาจของรัฐมนตรีคมนาคมคนเดียว จะทำอะไรก็ทำได้ที่ สำคัญยังมีข่าวหนาหูว่ามีนายทุนใหญ่ 1 ใน 3 ของประเทศเตรียมการที่จะเข้ามารับสัมปทานแล้ว อยากทราบว่าไปตกลงกันเมื่อไหร่ วันไหนและคุยกันที่ไหน เรื่องนี้ประชาชนไม่รู้เลย ทั้งที่เป็นส่วนสำคัญและเป็นของประชาชน

“เหตุผลหลักคือเพื่อให้หัวลำโพงตาย แล้วจะได้เปลี่ยนพื้นที่จากสีน้ำเงินเป็นสีแดงได้ เรื่องนี้เป็นสิ่งที่ไม่ชอบมาพากล หัวลำโพงเป็นที่ดินของรัฐใช้ประโยชน์มา 105 ปี แล้วจะมาเปลี่ยนหาประโยชน์เพื่ออะไร ถ้ารัฐบาลและคณะรัฐมนตรีจะหาคนที่มีความรู้ความสามารถในด้านต่างๆ ที่เป็นประโยชน์และเป็นมืออาชีพ มาบริหารการรถไฟแห่งประเทศไทย  โดยมีผู้บริหารที่มีความรู้ความสามารถ ซึ่งประกอบด้วยบอร์ดและผู้ว่าการฯ ไม่เอาคนของตัวเอง เพื่อนฝูงหรือสาวคนสนิท หรือผู้มีอำนาจในกระทรวง มานั่งเป็นบอร์ดก็สามารถบริหารได้ใช่หรือไม่ กิจการของรถไฟก็ไม่ใช่ว่าจะไปแข่งขันกับใครเพราะไม่มีเอกชนวิ่งแข่ง แค่บริหารดีก็ไม่ขาดทุนแล้ว แต่การรถไฟมีการทุจริตกันเยอะมาก เป็นตัวใหญ่ๆทั้งนั้นถ้าบริหารดีรถเรื่องการทุจริตลง มีการตรวจสอบอย่างเข้มแข็ง การรถไฟก็ไม่ขาดทุน” นายวีระ กล่าว

นายวีระ กล่าวว่า มีตัวอย่างให้เห็นเสียหายแล้ว คือที่ดินเขากระโดงซึ่งรัฐบาลโดยนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีคมนาคม ยังไม่สามารถนำที่ดิน 5,000 กว่าไร่ กลับมาเป็นที่ดินของการรถไฟได้ ก็ฝากรัฐมนตรีศักดิ์สยามด้วยว่าก่อนที่จะทำเรื่องหัวลำโพงควรทำเรื่องเขากระโดงให้ได้ก่อนดีหรือไม่   

​นายวีระ กล่าวว่าสำหรับความเห็นของตนนั้น ต้องให้รถไฟเข้ามาที่หัวลำโพงอย่างเดิม ในส่วนที่ประชาชนยังต้องใช้ อย่าไปตัดขบวนสำคัญและควรมีวิธีการจัดการจราจรที่ดี เพื่อให้ประชาชนมีทางเลือกในราคาที่เป็นธรรม ในส่วนที่ดินที่แบ่งส่วนหนึ่งไปเพื่อการพัฒนาก็ต้องทำตามกฎหมาย ตั้งแต่ต้นจนจบอย่างโปร่งใสตรงไปตรงมา เพื่อให้เกิดประโยชน์กับการรถไฟแห่งประเทศไทยอย่างแท้จริง การสร้างอาคารต่าง ๆ ต้องให้สอดคล้องกับสภาพความจริง  อย่าให้เป็นตึกสูงเกินกฎหมายกำหนด ถ้าทำอย่างนี้ตนคิดว่าไปได้ ไม่ใช่เราจะคัดค้านอย่างไม่มีเหตุผล แต่ทุกอย่างต้องขึ้นอยู่กับความจริง บนผลประโยชน์ประชาชนเป็นหลัก เพราะที่ดินนี้เป็นของรัฐไม่ใช่ของเอกชนจะทำอะไรตามใจชอบไม่ได้

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net