องค์กรด้านสิทธิมนุษยชนเผยรายงาน ระหว่างปี ‘59-’62 ทางการจีนกดดันรัฐบาลต่างชาติให้ส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนชาวไต้หวันไปจีนมากกว่า 600 ราย แม้ตำรวจสองฝ่ายเคยตกลงจะส่งผู้ร้ายกลับประเทศของตัวเองเท่านั้น ด้านไต้หวันชี้เป็นการพยายามทำลายอธิปไตยของไต้หวัน
องค์กรนักกิจกรรมด้านสิทธิมนุษยชน ‘เซฟการ์ดดีเฟนเดอร์ส’ (Safeguard Defenders) เปิดเผยรายงานเมื่อวันที่ 30 พ.ย.ที่ผ่านมา ระบุว่า ระหว่างปี พ.ศ. 2559-2562 มีชาวไต้หวันถูกส่งตัวไปที่จีนแล้วมากกว่า 600 ราย หลังรัฐบาลต่างประเทศถูกรัฐบาลปักกิ่งกดดันให้ส่งผู้ร้ายข้ามแดนชาวไต้หวันมาที่ประเทศจีน
เซฟการ์ดดีเฟนเดอร์ส ระบุด้วยว่า การกระทำเช่นนี้ของจีนถือเป็นการพยายาม "ทำลายอธิปไตยของไต้หวัน"
ทางการจีนอ้างว่า เกาะไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของประเทศจีน และใช้กำลังแย่งชิงมา ถ้าเป็นไปได้ รวมถึงที่ผ่านมา ทางการจีนพยายามใช้ยุทธวิธีโดดเดี่ยวทางการทูตไต้หวันมากยิ่งขึ้น
ล่าสุด สำนักข่าวไทยโพสต์ รายงานด้วยว่า เมื่อ 21 พ.ย.ที่ผ่านมา ระบุว่า รัฐบาลปักกิ่งเพิ่งลดระดับความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างจีนกับลิทัวเนียเหลือระดับอุปทูต หลังประเทศลิทัวเนียอนุญาตให้ไต้หวันเปิดสำนักงานที่เปรียบเสมือนสถานทูตของไต้หวันในกรุงวิลนิอุส ประเทศลิทัวเนีย โดยให้ใช้ชื่อว่า "ไต้หวัน"
เดิมทีในปี พ.ศ. 2552 ไต้หวันกับจีนเคยตกลงกันว่า ตำรวจของทั้งสองฝ่ายจะส่งตัวผู้ต้องสงสัยกลับประเทศของตัวเอง แต่หลังจาก ไช่อิงเหวิน
แต่ทางการจีนเริ่มเมินเฉยข้อตกลงนี้มากขึ้น หลัง ไช่อิงเหวิน ชนะการเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีไต้หวันเมื่อปี พ.ศ. 2559 ซึ่งไช่อิงเหวินมีนโยบายเน้นทำให้ไต้หวันมีอัตลักษณ์ความเป็นประเทศของตนเองไม่ใช่ส่วนหนึ่งของจีน ทำให้จีนพยายามอ้างความเป็นเจ้าของเหนือเกาะไต้หวันมากขึ้น
รายงานของเซฟการ์ดดีเฟนเดอร์ส ระบุว่า ทางการจีนได้ทำการกดดันรัฐบาลหลายแห่งอย่าง ฟิลิปปินส์ และกัมพูชา ให้ส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนชาวไต้หวันที่ถูกกล่าวหาในคดีลักลอบใช้บริการทางโทรศัพท์ กลับประเทศจีน แม้ว่าก่อนหน้านี้ รัฐบาลไต้หวัน และคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (HCR) พยายามขัดขวางแล้วก็ตาม
รายงานเปิดเผยด้วยว่า ชาวไต้หวันที่ถูกส่งตัวไปที่จีน มักเผชิญกับ ‘การคุมขังโดยพลการ, การทารุณกรรม การบังคับสูญหาย และการบีบบังคับให้มีการสารภาพผิดออกสื่อโทรทัศน์’
ประเทศที่มีการบังคับส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนมากที่สุด คือ มากกว่า 200 กรณี ถึงแม้ว่าประเทศสเปนจะมีข้อผูกมัดด้านอนุสัญญายุโรปว่าด้วยสิทธิมนุษยชนก็ตาม มีตัวอย่างคือกรณีที่ศาลสเปนเคยสั่งตัดสินให้ผู้ต้องสงสัยคดีต้มตุ๋นชาวจีน และชาวไต้หวัน จำนวน 121 รายถูกส่งตัวกลับประเทศจีนทั้งหมด ซึ่งในทางอ้อม เป็นเหมือนการทำตามนโยบายจีนเดียว ที่รัฐบาลปักกิ่งพยายามอ้างว่า เกาะไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของประเทศจีนมาโดยตลอด
เซฟการ์ดดีเฟนเดอร์ส เคยออกมาวิจารณ์รัฐบาลมาดริดในประเด็นนี้ว่า สเปนเพิกเฉยต่อพันธกรณีต่อสิทธิมนุษยชน และขาดความเข้าใจสถานการณ์การละเมิดสิทธิมนุษยชนในประเทศจีนนั้นรุนแรงมากขนาดไหน
ในทางกลับกัน ประเทศสาธารณรัฐเชกเคยปฏิเสธส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนชาวไต้หวัน 8 รายให้ประเทศจีนเมื่อปี 2563 ซึ่งรัฐบาลเชกให้เหตุผลว่า บุคคลเหล่านี้เสี่ยงต่อการถูกทารุณกรรม และทางการจีนมีประวัติในด้านสิทธิมนุษยชนอันย่ำแย่
รัฐบาลไต้หวันพูดถึงรายงานฉบับนี้เมื่อวันที่ 1 ธ.ค.ที่ผ่านมาว่า จีนไม่มีอำนาจศาลเหนือประชาชนชาวไต้หวันที่ถูกกล่าวหาว่าต้องคดีอยู่ในต่างประเทศ บุคคลเหล่านี้ควรถูกส่งตัวให้กับไต้หวันเพื่อดำเนินคดี
สภากิจการจีนแผ่นดินใหญ่ ซึ่งเป็นหน่วยงานของไต้หวัน มีหน้าที่กำหนดนโยบายที่เกี่ยวกับจีน ระบุว่า นี่เป็นเป้าหมายของจีนที่ต้องการแสดงให้เห็นว่า ‘พวกเขามีอำนาจอธิปไตยเหนือไต้หวัน’ จึงพยายามร้องขอให้รัฐบาลต่างประเทศส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนชาวไต้หวันมาให้จีน
สภากิจการจีนแผ่นดินใหญ่ เรียกร้องให้จีนเล็งเห็นว่า การต่อต้านอาชญากรรมไม่ควรจะถูกทำให้ข้องเกี่ยวกับการเมือง และพวกเขาหวังว่า หน่วยงานด้านการบังคับกฎหมายของทั้งจีน และไต้หวัน จะสามารถร่วมมือกันในการต่อต้านอาชญากรรมและปกป้องสวัสดิภาพประชาชน
สำหรับองค์กรเซฟการ์ดดีเฟนเดอร์ส เป็นองค์กรที่คอยสอดส่องและสนับสนุนนักกิจกรรมด้านสิทธิมนุษยชนในเอเชีย ผู้ร่วมก่อตั้งองค์กรนี้คือ ปีเตอร์ ดาห์ลิน ซึ่งถูกทางการจีนส่งตัวออกนอกประเทศในปี พ.ศ. 2559 หลังจากถูกคุมขังเป็นเวลา 23 วัน และบังคับให้สารภาพผิดออกสื่อโทรทัศน์
ทั้งนี้ เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา เซฟการ์ดดีเฟนเดอร์ส ออกมาวิจารณ์องค์การตำรวจสากลตั้งเจ้าหน้าที่สันติบาลระดับสูงของจีน “หูบินเฉิน” เป็นหนึ่งในกรรมการบริหาร หวั่นพรรคคอมมิวนิสต์จีนอ้างใช้ ‘หมายแดง’ ของตำรวจสากล ไล่จับคนเห็นต่างหรือวิจารณ์จีนนอกประเทศ
เรียบเรียงจาก
China ‘hunting’ Taiwanese abroad through deportation: rights group, HKFP, 01-12-2021
เรื่องที่เกี่ยวข้อง
ตำรวจสากลตั้งสันติบาลจีนเป็นหนึ่งในกรรมการบริหาร กลุ่มสิทธิหวั่นใช้อำนาจไล่ล่าผู้วิจารณ์จีน