Skip to main content
sharethis

ครย.112 นัดชุมนุมราชประสงค์ #1212 นี้เดินหน้ารณรงค์ยกเลิกมาตรา 112 สมยศชี้คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญจะนำไปสู่การละเมิดสิทธิและขอให้สื่อมวลชนยืนยันสิทธิในการทำข่าวของตัวเองไม่เซนเซอร์ตัวเองตามการขอความร่วมมือของ กสทช.ที่ฉวยโอกาสใช้คำวินิจฉัยศาลมาคุกคามสื่อ

7 ธ.ค. 2564 คณะราษฎรยกเลิก 112 แถลงข่าว ประกาศเดินหน้ารณรงค์เพื่อยกเลิกประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 พร้อมนัดหมายประชาชนเข้าร่วมการชุมนุมในวันที่ 12 ธ.ค.2564 ที่ราชประสงค์

ยิ่งชีพ อัชฌานนท์ ระบุว่า เป็นเวลาเดือนเศษแล้ว ตั้งแต่คณะราษฏรยกเลิก 112 (ครย.112) เปิดให้ประชาชนร่วมลงชื่อเพื่อเสนอให้ยกเลิกมาตรา 112 หรือความผิดฐานหมิ่นกษัตริย์ฯ ออกจากประมวลกฎหมายอาญาซึ่งนับถึงวันนี้มีประชาชนร่วมกันลงชื่อทั้งทางออนไลน์และออฟไลน์กว่า 237,000 คนแล้ว ที่รวมจากทั้งทางออนไลน์และทางออฟไลน์ ซึ่งตามกฎหมายก็ใช้เพียงแค่ 10,000 คนจำนวนจึงไม่ใช่ปัญหา

ยิ่งชีพกล่าวต่อว่าข้อเสนอให้ยกเลิกมาตรา 112 จึงสามารถนำเข้าสู่สภาได้ทันที แต่ที่ยังไม่ยื่นเนื่องจากต้องการรอเสียงตอบรับจาก ส.ส.ในสภาก่อน ซึ่งก็มีหลายพรรคหลายคนที่ขานรับและแสดงจุดยืนต่อข้อเสนอนี้แต่ก็ยังไม่เพียงพอที่จะรับหลักการในวาระแรก จึงไม่เห็นประโยชน์อะไรที่จะยื่นสภาไปแล้วถูกโหวตตกในวาระแรก การยกเลิกมาตรา 112 เป็นการเดินทางระยะยาวและต้องทำไปพร้อมกับการเปลี่ยนเสียงในสภา ก็ต้องทำให้เห็นว่ามีประชาชนจำนวนมากจนส.ส.ต้องมาสนใจหากส.ส.ไม่รับหลักการร่างนี้เขาจะได้รับเลือกกลับมาเป็นส.ส.ก็น้อยลงการเพิ่มรายชื่อประชาชนในการเสนอร่างนี้จึงเป็นเรื่องสำคัญและการเปลี่ยนที่นั่งในสภาที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งต้องออกไปและให้คนที่ประกาศชัดเจนว่าม.112 มีปัญหาและต้องแก้อย่างไรเข้าไปในสภาให้มากที่สุดเพื่อลงมติแก้ไข

สมยศ พฤกษาเกษสุข กล่าวว่าสังคมตอนนี้เห็นแล้วว่ามาตรา 112 นั้นเป็นปัญหามีการใช้อย่างล้นเกิน เอามากลั่นแกล้งคนที่ออกมาใช้เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น

สมยศได้กล่าวถึงประเด็นที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยต่อการชุมนุมที่ธรรมศาสตร์เมื่อวันที่ 10 ส.ค.2563 ว่าเป็นการล้มล้างการปกครองว่า ครย.นั้นไม่เห็นด้วยและไม่ยอมรับคำวินิจฉัยดังกล่าวของศาลเพราะนำมาสู่การละเมิดสิทธิมนุษยชนและปิดกั้นการแสดงความคิดเห็นเพราะเสรีภาพนั้นเป็นหัใจของระบอบประชาธิปไตยและทำให้ประชาชนไทยนั้นได้เข้ามามีส่วนรวมทางการเมืองซึ่งจะนำไปสู่การที่ประชาชนไทยมีอำนาจอธิปไตย

สมยศกล่าวต่อว่าคำวินิจฉัยดังกล่าวได้เปลี่ยนแปลงใจความสำคัญของรัฐธรรมนูญทุกฉบับในเรื่องอำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทยทำให้มีคนออกมาคัดค้านไม่เห็นด้วยกับระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์และผลจากคำวินิจฉัยนี้ กสทช.ยังฉวยโอกาสนำมาใช้คุกคามสื่อโดยไปขอความร่วมมือกับสื่อไม่เสนอข่าวการเคลื่อนไหวของคณะราษฎรและแกนนำ

สมยศจึงมีข้อเรียกร้องต่อสื่อมวลชนด้วยว่าอย่าได้ปิดกั้นตัวเองเพราะการขอความร่วมมือจาก กสทช. เพราะคำวินิจฉัยของศาลเป็นเพียงการกำหนดห้ามกระทำแบบเดียวกับเหตุการณืที่เกิดไปแล้ว แต่ไม่ได้มีผลผูกพันต่อสิทธิเสรีภาพของประชาชนและสื่อมวลชน และขอให้สื่อยืนยันเสรีภาพของตัวเองตามรัฐธรรมนูญที่จะนำเสนอข่าวอย่างตรงไปตรงมา

นอกจากกิจกรรมที่จะมีในวันที่ 12 ธ.ค.แล้ว สมยศยังระบุด้วยว่าวันที่ 10 ธ.ค.ทางกลุ่ม ครย.จะไปยื่นหนังสือถึงสหประชาชาติประเด็นสิทธิมนุษยชนที่จะถูกละเมิดตามมาจากคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญและการปิดกั้นสื่อจาก กสทช.ด้วย

ยิ่งชีพกล่าวด้วยว่าการล่ารายชื่อเพื่อยกเลิกมาตรา 112 จะมีการเดินสายต่างจังหวัดเพื่อทำความเข้าใจกับประชาชน และเครือข่ายองค์กรต่างๆ ด้วย เนื่องจากยังมีประชาชนอีกมากที่อาจจะยังไม่เข้าใจปัญหาของกฎหมายมาตรานี้ซึ่งจะมีการจัดหลายครั้งทั้งแบบที่จะแจ้งต่อสาธารณะและไม่ได้แจ้ง

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net