ศาลฎีกาสั่งคำคุก 'เปรมชัย' และพวกในคดีล่าเสือดำ ปรับ 2 ล้านพร้อมดอกเบี้ยตามคำพิพากษาเดิม

ศาลฎีกามีคำพิพากษาจำคุก 'เปรมชัย กรรณสูตร' อดีตประธานกรรมการ บมจ.อิตาเลียนไทยฯ 2 ปี 14 เดือน ไม่รอลงอาญา ในคดีล่าเสือดำที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร จ.กาญจนบุรี ส่วนพวกอีก 3 คนต้องโทษจำคุกเช่นกัน พร้อมยืนยันตามศาลชั้นต้น-อุทธรณ์ สั่งจ่ายค่าปรับให้กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช 2 ล้านบาทพร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี

8 ธ.ค. 2564 มติชนออนไลน์, วอยซ์ออนไลน์ และ workpointTODAY รายงานตรงกันว่าวันนี้ (8 ธ.ค. 2564) เวลาประมาณ 10.00 น. เปรมชัย กรรณสูตร อดีตประธานกรรมการบริษัทอิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) พร้อมพวกอีก 2 คน ได้แก่ ยงค์ โดดเครือ และธานี ทุมมาศ เดินทางมาที่ศาลจังหวัดทองผาภูมิ ต.ท่าขนุน อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี เพื่อฟังคำพิพากษาศาลฎีกาในคดีหมายเลขดำที่ อ.219/61 และคดีหมายเลขแดงที่ 62/63 จากกรณีที่จำเลยทั้ง 3 คน และนที เรียมแสน หนึ่งในผู้ร่วมกระทำความผิดและเป็นจำเลยในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ลักลอบเข้าไปในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ต.ชะแล อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี เมื่อวันที่ 4 ก.พ. 2561 แล้วร่วมกันล่าสัตว์ป่าสงวน ได้แก่ เสือดำ และไก่ฟ้าหลังเทา เพื่อนำมาประกอบอาหาร

ต่อมา อัยการจังหวัดทองผาภูมิเป็นโจทก์ยื่นฟ้องจำเลยทั้งสี่ ได้แก่ เปรมชัย, ยงค์ ซึ่งเป็นคนขับรถ นที ซึ่งเป็นแม่ครัว และธานี ซึ่งเป็นพรานป่า ในฐานความผิดฐานร่วมกันพกพาอาวุธปืนไปในเมืองหมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต, ฐานร่วมกันล่าสัตว์ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโดยไม่ได้รับอนุญาต, ฐานร่วมกันล่าสัตว์ป่าคุ้มครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, ฐานร่วมกันมีไว้ครอบครองซึ่งซากสัตว์ป่าคุ้มครองโดยที่ไม่ได้รับอนุญาต, ฐานร่วมกันช่วยซ่อนเร้นช่วยพาเอาไปเสีย หรือรับไว้ซึ่งซากสัตว์ป่าอันได้มาโดยกระทำความผิดกฎหมาย, และฐานร่วมกันเก็บหาของป่าในเขตป่าสงวนแห่งชาติโดยไม่ได้รับอนุญาต กรณีเมื่อวันที่ 4 ก.พ.2561 จำเลยได้ร่วมกันเข้าไปในป่าทุ่งใหญ่นเรศวร เขตตะวันตก จ.กาญจนบุรี แล้วร่วมกันฆ่าเสือดำ ไก่ฟ้าหลังเทา ซึ่งเป็นสัตว์ป่าสงวนเพื่อเป็นอาหาร

หลังจากนั้น ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาจำคุก เปรมชัย (จำเลยที่ 1) รวม 16 เดือน ไม่รอลงอาญา, จำคุก ยงค์ (จำเลยที่ 2) รวม 13 เดือน ไม่รอลงอาญา, จำคุก นที (จำเลยที่ 3) เป็นเวลา 4 เดือน ปรับ 10,000 บาท แต่โทษจำคุกให้รอลงอาญา มีกำหนด 2 ปี และจำคุก ธานี (จำเลยที่ 4) รวม 2 ปี 17 เดือน ไม่รอลงอาญา และให้จำเลยทั้งหมด ร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายจำนวน 2 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี ให้กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ซึ่งเป็นผู้เสียหาย

จำเลยทั้งสี่ได้ยื่นอุทธรณ์ต่อศาลจังหวัดทองผาภูมิ ซึ่งต่อมาศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษาเพิ่มโทษแก่จำเลยทั้งสี่ โดยในชั้นศาลอุทธรณ์ เปรมชัยต้องโทษจำคุกรวม 2 ปี 14 เดือน, ยงค์ จำคุกรวม 2 ปี 17 เดือน, นที จำคุกรวม 1 ปี 8 เดือน ปรับ 40,000 บาท แต่ให้รอลงอาญา 2 ปี และธานี จำคุกรวม 2 ปี 21 เดือน ทั้งนี้ ศาลอุทธรณ์ยืนยันตามศาลชั้นต้นว่าเปรมชัย ยงค์ และธานี ต้องโทษจำคุกโดยไม่รอลงอาญา ทั้งนี้ ศาลอุทธรณ์ยกฟ้องเปรมชัยในบางข้อหา ได้แก่ ข้อหาร่วมกันเก็บของป่าในเขตป่าสงวนแห่งชาติและข้อหาร่วมกันมีซากสัตว์ป่าคุ้มครอง (เสือดำ) แต่ลงโทษฐานเป็นผู้สนับสนุนในข้อหาร่วมกันมีซากสัตว์ป่าคุ้มครอง (เสือดำ) แทน

อย่างไรก็ตาม มีจำเลยเพียง 3 คนเท่านั้นที่ยื่นฎีกา ได้แก่ เปรมชัย ยงค์ และธานี โดยศาลฎีกามีพิเคราะห์คำแก้ฎีกาของจำเลยแล้วระบุว่าฟังไม่ขึ้น จึงคำพิพากษาจำคุกนายเปรมชัย (จำเลยที่ 1) รวม 2 ปี 14 เดือน, ยงค์ (จำเลยที่ 2) จำคุก 2 ปี 9 เดือน และธานี (จำเลยที่ 4) จำคุก 2 ปี 13 เดือน และสั่งให้จำเลยทั้ง 3 คน รวมถึงนที ชดใช้ค่าเสียหาย 2 ล้านบาทตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ แต่ให้ปรับแก้ไขดอกเบี้ยให้เป็นไปตามกฎหมายใหม่

ต่อมาเวลา 16.04 น. สำนักงานศาลยุติธรรมเผยแพร่ข่าวและคำพิพากษาศาลฎีกาคดีล่าเสือดำของเปรมชัย และพวกโดยละเอียด ดังนี้

ศาลฎีกา พิพากษาลงโทษจำคุก “เปรมชัย กับพวก” คดีล่าเสือดำในเขตสงวนพันธุ์สัตว์ป่า ฯ พร้อมชดใช้เงิน 2 ล้านบาทและดอกเบี้ยแก่กรมอุทยาน ฯ #ศาลยุติธรรม #เสือดำ #เปรมชัย

โดยคดีนี้ พนักงานอัยการจังหวัดทองผาภูมิ เป็นโจทก์

กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช เป็นผู้ร้อง (ขอให้ชดใช้ค่าเสียหาย)

นายเปรมชัย กรรณสูต จำเลยที่ 1
นายยงค์ โดดเครือ จำเลยที่ 2
นางนที เรียมแสน จำเลยที่ 3
นายธานี ทุมมาศ จำเลยที่ 4

ความผิดตาม พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ พ.ร.บ.ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ

จำเลยที่ 1, 2 และ 4 ยื่นฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 7 ซึ่งพิพากษาให้ลงโทษจำเลยทั้งสี่ในความผิดฐานร่วมกันทำให้เสื่อมเสียแก่สภาพป่าสงวนแห่งชาติ จำคุกคนละ 1 ปี

และปรับจำเลยที่ 3 เป็นเงิน 20,000 บาท

ฐานร่วมกันมีไว้ในครอบครองซึ่งซากเสือดำซึ่งเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุกคนละ 6 เดือน และปรับจำเลยที่ 3 เป็นเงิน 10,000 บาท

ฐานร่วมกันมีไว้ในครอบครองซึ่งซากไก่ฟ้าหลังเทาซึ่งเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุกคนละ 6 เดือน และปรับจำเลยที่ 3 เป็นเงิน 10,000 บาท

ลงโทษจำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 4 ฐานร่วมกันล่าเสือดำซึ่งเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า จำคุกคนละ 1 ปี

เมื่อรวมกับโทษจำคุก 3 เดือน ของจำเลยที่ 2 และที่ 4 ในความผิดฐานร่วมกันมีอาวุธปืนมีทะเบียนของผู้อื่นและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต กับโทษจำคุก 6 เดือนของจำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 4 ในความผิดฐานร่วมกันพาอาวุธฯ โดยไม่ได้รับอนุญาต และโทษจำคุก 4 เดือนของจำเลยที่ 4 ในความผิดฐานพยายามล่ากระรอกซึ่งเป็นสัตว์ป่าในเขตพันธุ์รักษาสัตว์ป่าตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น (ศาลจังหวัดทองผาภูมิ) คงจำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 2 ปี 14 เดือน จำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 2 ปี 17 เดือน จำคุกจำเลยที่ 3 มีกำหนด 1 ปี 8 เดือน และปรับ 40,000 บาท และจำคุกจำเลยที่ 4 มีกำหนด 2 ปี 21 เดือน โทษจำคุกจำเลยที่ 3 ให้รอการลงโทษไว้ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น กับให้จำเลยทั้งสี่ร่วมกันชำระค่าเสียหายพร้อมดอกเบี้ยตามที่ศาลชั้นต้นกำหนดแก่กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

ผลของคำพิพากษาศาลฎีกา สรุปได้ว่าการที่จำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 4 ร่วมกันมีซากเสือดำ

ที่ร่วมกันฆ่าไว้ในครอบครองและสถานที่เกิดเหตุเป็นป่าสงวนแห่งชาติ การกระทำของจำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 4 จึงเป็นความผิดฐานร่วมกันเก็บหาของป่าในเขตป่าสงวนแห่งชาติโดยไม่ได้รับอนุญาตด้วย

จึงให้ลงโทษฐานร่วมกันกระทำด้วยประการใด ๆอันเป็นการเสื่อมเสียแก่สภาพป่าสงวนแห่งชาติโดยไม่ได้รับอนุญาตเพียงกรรมเดียว โดยให้การกำหนดโทษเป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 7

ส่วนความผิดฐานร่วมกันรับไว้โดยประการใดๆ ซึ่งซากของไก่ฟ้าหลังเทาซึ่งเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองอันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535 มาตรา 55 นั้น ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกาฯ ได้มี พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2562 ออกใช้บังคับ และให้ยกเลิก พ.ร.บ. เดิม ซึ่งตาม พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2562 ไม่ได้บัญญัติให้การกระทำความผิดตามกฎหมายเดิม

ในมาตรา 55 นั้น เป็นความผิดอีกต่อไป จำเลยทั้งสี่จึงพ้นจากการเป็นผู้กระทำผิดตาม พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535 มาตรา 55 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 2 วรรคสอง

ดังนั้น จำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 4 จึงยังคงมีความผิดฐานร่วมกันมีซากไก่ฟ้าหลังเทาซึ่งสัตว์ป่าคุ้มครองไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตอยู่ ส่วนฎีกาข้ออื่นๆของฝ่ายจำเลยฟังไม่ขึ้น

ทั้งนี้ ศาลฎีกามีคำพิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 7 เป็นว่า จำเลยทั้งสี่มีความผิดฐานร่วมกันเก็บหาของป่าในเขตป่าสงวนแห่งชาติโดยไม่ได้รับอนุญาตด้วย เป็นความผิดกรรมเดียวกับความผิดฐานร่วมกันกระทำด้วยประการใดๆ อันเป็นการเสื่อมเสียแก่สภาพป่าสงวนแห่งชาติ ให้ลงโทษฐานร่วมกันกระทำด้วยประการใดๆ อันเป็นการเสื่อมเสียแก่สภาพป่าสงวนแห่งชาติและกำหนดโทษ

ตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 7

ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยทั้งสี่ในความผิดตาม พ.ร.บ. สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535 มาตรา 55

สำหรับค่าเสียหายที่จำเลยทั้งสี่ต้องร่วมกันรับผิดชดใช้ให้แก่กรมอุทยาน ฯ ผู้ร้องให้จำเลยทั้งสี่ชำระดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีนับแต่วันที่ 4 ก.พ. 2561 ถึงวันที่ 10 เม.ย. 2564 และอัตราร้อยละ 5 ต่อปีนับแต่วันที่ 11 เม.ย. 2564 เป็นต้นไป จนกว่าจะชำระเสร็จแก่ผู้ร้อง

อนึ่ง อัตราดอกเบี้ยนับแต่วันที่ 11 เม.ย. 2564 นั้น ถ้ากระทรวงการคลังปรับเปลี่ยนอัตราโดยตราเป็นพระราชกฤษฎีกาเมื่อใด ก็ให้ปรับเปลี่ยนไปตามนั้น แต่ต้องไม่เกินอัตรา ร้อยละ 7.5 ต่อปี ตามที่ผู้ร้องขอ

นอกจากที่แก้ ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 7 ค่าฤชาธรรมเนียมคดีส่วนแพ่งของจำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 4 ในชั้นฎีกาให้เป็นพับ ส่งผลในส่วนของคดีอาญามีการลงโทษจำเลยทั้งสี่ดังนี้

จำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 2 ปี 14 เดือน จำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 2 ปี 17 เดือน จำคุกจำเลยที่ 3 มีกำหนด 1 ปี 8 เดือน และปรับ 40,000 บาท รอการลงโทษมีกำหนด 2 ปีหากจำเลยที่ 3 ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29 และ 30 จำคุกจำเลยที่ 4 มีกำหนด 2 ปี 21 เดือน

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท