Skip to main content
sharethis

ศรีสุวรรณ จรรยา ยื่นคำร้องต่อ กกต. ตรวจสอบพรรคเพื่อไทย กรณี พล.อ.พัลลภ ให้สัมภาษณ์สื่อถูกปลดจากที่ปรึกษาพรรค โดยมีอดีตนายกฯ ทักษิณ ซึ่งเป็นคนนอกพรรคเกี่ยวข้องด้วยนั้น ถือเป็นการครอบงำพรรคหรือไม่ 

นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการ สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย (ภาพจาก Srisuwan Janya)

6 ม.ค. 65 สำนักข่าว Voice TV รายงานวันนี้ (6 ม.ค.) เวลา 10.00 น. นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการ สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เดินทางมายื่นคำร้องต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กรณีที่ปรากฎในสื่อมวลชนเมื่อ 3 ม.ค. 65 ว่า พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี อดีตที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีสมัย ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนว่า ถูกปลดออกจากที่ปรึกษาพรรคเพื่อไทย โดยมี ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มาเกี่ยวข้องด้วยนั้น ข้อเท็จจริงเป็นเช่นไร

ก่อนหน้านี้ ทีมสื่อเพื่อไทย เคยรายงานเมื่อวันที่ 4 ม.ค. 64 ว่า นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดน่าน และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ตั้งโต๊ะแถลงข่าวปฏิเสธกรณี พลเอก พัลลภ ปิ่นมณี ถูกปลดออกจากการเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย และมีผู้ร้องต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้ตรวจสอบและพิจารณายุบพรรคเพื่อไทย รวม 8 ข้อดังนี้ 

1. กรณีพลเอกพัลลภ อ้างว่าไม่ได้เข้าร่วมการประชุมใหญ่วิสามัญประจำปีพรรคเพื่อไทย ที่จังหวัดขอนแก่น เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2564 เนื่องจากถูกลบชื่อออกไม่ให้เข้าร่วมนั้น ข้อเท็จจริงคือการประชุมใหญ่ดังกล่าวเกิดขึ้นภายใต้ข้อจำกัดของการแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งถูกเลื่อนการจัดงานมาและไม่สามารถจัดประชุมในพื้นที่สีแดงเข้มได้ จึงมีจัดประชุมที่จังหวัดขอนแก่น ภายใต้ข้อจำกัดต่างๆ รวมทั้งเชิญสมาชิกพรรคไปร่วมประชุมก็ต้องไปเป็นไปตามกฎหมายและข้อบังคับพรรค ทำให้สามารถเชิญผู้เข้าร่วมประชุมได้เพียง 509 คนเท่านั้น ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็น ส.ส. และตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัด ขณะที่มีตัวแทนสมาชิกเข้าร่วมประชุมจำนวนน้อยมาก เนื่องจากจะต้องพิจารณาเอาที่เดินทางสะดวกและไม่สุ่มเสี่ยงต่อการระบาดของโควิด-19 ดังนั้นสมาชิกอาวุโสจำนวนมากจึงไม่ได้มีการเชิญไปร่วมประชุม อาทิ นายเสนาะ เทียนทอง นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา และ พลตำรวจโทวิโรจน์ เปาอินทร์ ดังนั้น การที่ พลเอกพัลลภ ระบุว่า ได้ให้ตัวแทนไปตรวจดูแล้วพบว่าถูกลบชื่อออกจากที่ประชุมนั้นจึงไม่น่าจะเป็นความจริง เพราะพรรคได้พิจารณาเชิญเฉพาะผู้ที่จะสามารถเข้าร่วมประชุมได้จริงๆภายใต้ข้อจำกัดต่างๆ

2. สิ่งที่พลเอกพัลลภ กล่าวอ้างว่า ถูกปลดออกจากการสมาชิกพรรคเพื่อไทย สามารถยืนยันได้ว่า เรื่องนี้ไม่เป็นความจริง เพราะ พลเอกพัลลภ ยังคงเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย หมายเลข P103820442 และเป็นสมาชิกแบบตลอดชีพ เพราะได้ชำระค่าบำรุงสมาชิกพรรค เมื่อวันที่ 4 เมษายน 2561 จำนวน 2,000 บาทเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นการบอกว่าถูกปลดจากการเป็นสมาชิกพรรค จึงน่าจะเป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนของบุคคลที่พลเอกพัลลภสั่งให้มาดูและได้ไปรายงานท่าน

เอกสารที่ นพ.ชลน่าน นำมายืนยันว่า พล.อ.พัลลภ ยังคงเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยตลอดชีพ

3. ตามขัอบังคับพรรคเพื่อไทยนั้น ไม่มีใครสามารถปลดใครออกจากการเป็นสมาชิกได้ นอกเสียจากการทำผิดข้อบังคับหรือคุณสมบัติขัดต่อกฎหมายพรรคการเมือง และยิ่งเป็นไปไม่ได้ที่บุคคลภายนอกจะมาสั่งการให้ปลดใครออกจากการเป็นสมาชิกพรรคได้ ดังนั้นเรื่องนี้จึงไม่เป็นความจริง

4. พรรคเพื่อไทยเห็นความสำคัญของพลเอกพัลลภมาโดยตลอด ก่อนหน้านี้ในฐานะหัวหน้าพรรคก็ตั้งใจที่จะไปกราบพลเอกพัลลภด้วยตัวเอง แต่เมื่อปรากฎข่าวออกมาเช่นนี้ก็คิดว่าจะต้องยิ่งไปกราบเพื่อขอให้พลเอกพัลลภเข้ามามีบทบาทต่อพรรค และเพื่อชี้แจงว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นความเข้าใจที่พลาดเคลื่อนจากผู้ที่ไปรายงานท่านมากกว่า

5. การกล่าวอ้างว่ามีการพูดคุยทางโทรศัพท์กับผม โดยระบุถึงบุคคลภายนอกมาสั่งการให้ปลดจากการเป็นสมาชิกพรรคนั้น ข้อเท็จจริงทั้งหมดได้ยืนยันแล้วว่าเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ดังนั้นการจะไปอ้างถึงคนแดนไกลหรือบุคคลภายนอกมาสั่งปลดจึงไปไม่ได้

6. พลเอกพัลลภ อ้างว่า ได้ช่วยเหลือดูแลผมมาตลอดนั้นยอมรับว่าเป็นเรื่องจริง โดยเฉพาะในการเลือกตั้ง ปี 2562 ก็ได้รับความเมตตาจากท่าน

7. สำหรับกรณีที่มีผู้ไปร้องต่อ กกต. ด้วยการนำเรื่องทั้งหมดไปอ้างว่าอาจเข้าข่ายการยุบพรรคหรือไม่นั้นก็ต้องฝากไปถึงผู้ร้องที่มีเจตนาที่จะร้องยุบพรรคเพื่อไทยด้วยว่า กฎหมายพรรคการเมืองหากเกิดกรณีที่มีการร้องเท็จ พรรคเพื่อไทยก็จะพิจารณาดำเนินการตามกฎหมาย เพราะเรื่องนี้ข้อเท็จจริงปรากฎชัดเจนอยู่แล้ว โดยเฉพาะการอ้างถึงการชี้นำจากบุคคลภายนอก ซึ่งเป็นเจตนาที่จะร้องเท็จ เนื่องจากคณะกรรมการบริหาร (กก.บห.) พรรคเพื่อไทย ไม่เคยยินยอมให้บุคคลภายนอกมาสั่งการ และสามารถตรวจสอบได้ว่า กก.บห. พรรคและสมาชิกทำงานอย่างอิสระมาโดยตลอด และเมื่อไม่มีการปลดจากการเป็นสมาชิกพรรค ไม่มีการกระทำใดๆ เกิดขึ้น การจะไปร้องว่ามีการสั่งการให้มีการยุบพรรคจึงเป็นไปไม่ได้

8. ผมยังรักและเคารพพลเอกพัลลภอย่างสูง และตั้งใจที่จะไปกราบพร้อมชี้แจงทำความเข้าใจกับท่านด้วยตัวเอง ซึ่งเมื่อวานได้โทรศัพท์ต่อสายกับท่านเป็นครั้งแรก นับจากวันที่ 15 พฤศจิกายน เป็นต้นมา จึงได้เรียนชี้แจง พร้อมพูดคุยถึงความสำคัญของพลเอกพัลลภต่อพรรค และจะไปกราบขอให้ท่านเข้ามามีส่วนร่วมกับพรรค แต่ขณะนี้ท่านได้เรียนแจ้งว่ายังติดเงื่อนไขเรื่องการระบาดของโควิด ที่ยังต้องเว้นระยะห่างและจำกัดการพบปะกับบุคคลต่างๆ

อย่างไรก็ตาม แม้ว่า นพ.ชลน่าน จะออกมาปฏิเสธ และมีสื่อมวลชนไปสัมภาษณ์ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในกรณีดังกล่าวแล้ว และทักษิณปฏิเสธว่าไม่เคยทราบเรื่องนี้มาก่อน แต่ศรีสุวรรณ กล่าวว่า การปฏิเสธดังกล่าวเชื่อได้มากน้อยเพียงใด ไม่มีใครให้คำตอบได้ หากแต่ต้องพิจารณาดูพฤติการณ์หรือการกระทำต่อกรณีที่เกิดขึ้น ว่าสอดรับกับข้อเท็จจริงที่ พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี ออกมาให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนหรือไม่ด้วย อาทิ การถูกปลดออกจากที่ปรึกษาพรรคเพื่อไทยกับการถูกปลดออกจากสมาชิกพรรคเพื่อไทยนั้นคนละความหมายกัน ซึ่งชี้ให้เห็นข้อพิรุธของการแก้ข่าวของพรรคเพื่อไทย เป็นต้น

ด้วยเหตุดังกล่าว สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จึงต้องเดินทางมายื่นคำร้องต่อ กกต. และนายทะเบียนพรรคการเมือง เพื่อขอให้ใช้อำนาจตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ 2560 ม.224 ประกอบ พรป.ว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง 2560 และ พรป.ว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 เพื่อไต่สวนและวินิจฉัยว่า พรรคเพื่อไทยถูกบุคคลที่ไม่ใช่สมาชิกพรรคครอบงำหรือชี้นำกิจกรรมทางการเมืองของพรรคหรือไม่ อย่างไร และพรรคเพื่อไทยได้ปฏิบัติต่อ พล.อ.พัลลภ ในฐานะสมาชิกตามข้อบังคับของพรรค เรื่องสิทธิและหน้าที่ของสมาชิก ในข้อ 18(2)(3) และ(6) หรือไม่ อย่างไร และเพื่อให้ กกต.ดำเนินการต่อไปตามครรลองของกฎหมายที่คณะกรรมการการเลือกตั้งมีหน้าที่และอำนาจต่อไปจนถึงที่สุด

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net