Skip to main content
sharethis

ประเสริฐพงษ์ ศรนุวัตร์ ส.ส.พรรคก้าวไกล ชี้ร่าง พ.ร.บ.การดำเนินกิจกรรมขององค์กรไม่แสวงหากำไร ไม่มีหลักการและเหตุผลเพียงพอ มองละเมิดสิทธิเสรีภาพ พร้อมแนะรัฐบาลทบทวนก่อนเสนอเข้าสู่สภา 


ประเสริฐพงษ์ ศรนุวัตร์ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล

เมื่อวันที่ 7 ม.ค. 2565 เว็บไซต์สถานีวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์รัฐสภา รายงานว่านายประเสริฐพงษ์ ศรนุวัตร์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวสถานีวิทยุกระจายเสียงรัฐสภาถึงกรณีคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแนวทางการยกร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การดำเนินกิจกรรมขององค์กรไม่แสวงหากำไร พ.ศ. .... ของคณะกรรมการกฤษฎีกา ว่าร่างกฎหมายฉบับนี้เป็นความคิดริเริ่มขององค์กรภาคเอกชน เพื่อให้เกิดการส่งเสริมสนับสนุนการทำงานร่วมกับภาครัฐ แต่ปรากฏว่ากระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) มีการปรับแก้ไขกฎหมายและผ่านการกลั่นกรองจากคณะกรรมการกฤษฎีกา หลักการของร่างกฎหมายเต็มไปด้วยทัศนคติเชิงลบต่อองค์กรเหล่านี้ โดยการเขียนกฎหมายควบคุมองค์กรเกือบทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็น ชมรมต่าง ๆ ของผู้พิการ หรือกระทั่งชมรมฟุตบอลเล็ก ๆ ซึ่งมองว่าเป็นการละเมิดสิทธิ ผิดรัฐธรรมนูญ ขัดศีลธรรม ปิดกั้นสิทธิเสรีภาพ ประกอบกับปัจจุบันมีกฎหมายหลายฉบับเพียงพอที่จะใช้ควบคุมไม่ให้เกิดการกระทำความผิดของบุคคลหรือนิติบุคคล เช่น กฎหมายอาญา กฎหมายเกี่ยวกับการฟอกเงิน เป็นต้น แต่เหตุใดจึงยกร่างกฎหมายฉบับนี้ขึ้นมา เพื่อควบคุมองค์กรไม่แสวงหากำไรหรือองค์กรเอกชนที่ได้ให้ความร่วมมือช่วยเหลือภาครัฐ แต่กลับถูกมองเป็นคู่แข่ง บังคับให้ต้องจดทะเบียน โดยข้อเท็จจริงไม่มีการยืนยันว่าองค์กรภาคเอกชนกระทำความผิดร้ายแรงจนกฎหมายที่มีอยู่ไม่สามารถดำเนินการเอาผิดได้ ในทางกลับกันเป็นหน่วยงานราชการเสียเองที่พบการทุจริตหรือกระทำความผิดบ่อยครั้ง ดังนั้น การที่ร่าง พ.ร.บ.การดำเนินกิจกรรมขององค์กรไม่แสวงหากำไรฯ ผ่านคณะกรรมการกฤษฎีกา ผ่านคณะรัฐมนตรีมายังสภาผู้แทนราษฎรนั้น ไร้เหตุผลและหลักการเชิงความคิดอย่างร้ายแรง และไม่ควรมีร่างกฎหมายฉบับนี้

นายประเสริฐพงษ์ กล่าวเพิ่มเติมถึงประเด็นการหารายได้ขององค์กรไม่แสวงหากำไร ว่า องค์กรเหล่านี้สามารถสร้างความน่าเชื่อถือ เพื่อให้เกิดการยอมรับและมีแหล่งทุนที่มาจากทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งร่างกฎหมายฉบับนี้จะเข้ามาละเมิดตัวองค์กร ตลอดจนการดำเนินงานขององค์กรที่จะต้องขออนุญาตรัฐมนตรีว่าการกระทรวง พม. หากต้องการจัดกิจกรรม ซึ่งมองว่าไม่มีความจำเป็น เพราะองค์กรไม่ได้อยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของกระทรวง ส่วนเป้าหมายสำคัญของร่างกฎหมายที่มีข้อกำหนดเป็นไปตามมาตรฐานสากลว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ป้องกันการสนับสนุนด้านการเงินในการต่อต้านการก่อการร้ายนั้น เห็นว่าไม่ใช่เหตุผลของการยกร่างกฎหมายดังกล่าว เนื่องจากกฎหมายที่บังคับใช้อยู่ สามารถควบคุมได้ ทั้งนี้ มั่นใจว่า หากร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ เข้าสู่สภาฯ จะไม่ผ่านการพิจารณาอย่างแน่นอน อีกทั้งองค์กรไม่แสวงหากำไรทั่วประเทศก็จะไม่ยินยอม ดังนั้น จึงขอให้รัฐบาลทบทวนการเสนอร่างกฎหมายฉบับนี้

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net