Skip to main content
sharethis

ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนเผยมีรถกระบะจอดเปิดไฟสาดใส่ซอยบ้านนักกิจกรรม 'นครพนมสิบ่ทน' หลังตั้งโต๊ะลงชื่อยกเลิก ม.112

ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน รายงานว่าเมื่อวันที่ 2 ม.ค. 2565 เวลาประมาณ 18.45 น. ขณะ “ต้นน้ำ” วารียา โรจนมุกดา นักศึกษาและนักกิจกรรมกลุ่ม “นครพนมสิบ่ทน” ขี่รถมอเตอร์ไซค์กลับเข้าบ้านที่อยู่ในตัวเมืองนครพนม พร้อมประกอบ วงศ์พันธ์ และพร (นามสมมติ) เพื่อนนักกิจกรรม ทั้งหมดสังเกตเห็นรถกระบะ 4 ประตู ทะเบียนมุกดาหาร จอดอยู่ปากทางเข้าซอยซึ่งมีเครื่องหมายห้ามจอด พร้อมกับเปิดไฟหน้ารถสาดเข้าไปในซอยที่มีเพียงบ้านของวารียาอยู่ที่ก้นซอยเพียงหลังเดียว ทำให้วารียาและเพื่อนรู้สึกผิดสังเกต

หลังจากเข้าในบ้านซักพักรถคันดังกล่าวก็ยังจอดเปิดไฟอยู่ พรจึงเดินออกไปดูว่าเป็นรถของใคร แต่เป็นเพราะกระจกรถมืดทำให้เขามองไม่เห็นอะไร หลังจากพรยืนจ้องมองเข้าไปในรถอยู่นาน คนในรถจึงเปิดกระจกลง พรมองเห็นชายหัวเกรียน 3 คน ใส่เสื้อยืดลักษณะเหมือนตำรวจสายสืบนั่งอยู่ในรถ คนนั่งด้านข้างขับรถยิ้มแห้งๆ พรถามไปว่า มาซื้อของหรืออะไรครับ ชายหัวเกรียนตอบกลับมาว่า มาจอดเฉยๆ 

พรไม่ได้ถามอะไรต่อ ชายคนนั้นจึงปิดกระจก แต่ยังคงไม่ขยับรถไปไหน กระทั่งอีกพักใหญ่จึงเคลื่อนรถออกไปจากปากซอย

ก่อนหน้านั้น 1 วัน เมื่อเย็นวันที่ 1 ม.ค. 2665 กลุ่มนครพนมสิบ่ทน ได้ไปสวัสดีปีใหม่ประชาชนชาวจังหวัดนครพนมบริเวณหน้าตลาดอินโดจีน ขณะที่เปิดเป็นตลาดนัดถนนคนเดิน พร้อมทั้งได้ตั้งโต๊ะเพื่อให้ประชาชนได้ร่วมลงชื่อเสนอกฎหมายยกเลิกมาตรา 112 

ประกอบเล่าว่ามีประชาชนทุกกลุ่มอายุ ทั้งรุ่นผู้ใหญ่และคนรุ่นใหม่ ให้ความสนใจร่วมลงชื่อทั้งในแบบฟอร์ม และสแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อลงชื่อออนไลน์จำนวนมาก ตลอดเวลามีเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบ 2 นาย มานั่งเฝ้าอยู่ที่ฝั่งตรงข้ามของถนน 1 ในนั้นได้ข้ามมาขอดูแบบฟอร์มเปล่าและสแกนคิวอาร์โค้ดไปด้วย ประกอบคาดว่า ทั้งสองก็คงถ่ายรูปพวกตนขณะทำกิจกรรมไปบ้าง แต่ยังไงพวกตนก็มีการไลฟ์อย่างเปิดเผยอยู่แล้ว เพราะคิดว่าเป็นการทำตามกฎหมาย ตามสิทธิในรัฐธรรมนูญมาตรา 256 (1) 

การที่มีชายหัวเกรียนลักษณะคล้ายตำรวจสายสืบมาจอดรถเปิดไฟเข้าไปยังประตูบ้านของวารียา นักกิจกรรมนครพนมสิบ่ทนคาดว่า มีสาเหตุมาจากการไปจัดกิจกรรมดังกล่าว โดยเฉพาะการเปิดไฟทิ้งไว้ก็เพื่อดูทะเบียนรถของวารียาที่จะวิ่งเข้าบ้าน และถ่ายรูป รวมทั้งน่าจะเป็นการข่มขู่คุกคามไม่ให้ไปพวกเขาไปตั้งโต๊ะให้ประชาชนลงชื่ออีก 

อย่างไรก็ตาม วารียากล่าวว่า กิจกรรมวันก่อนทำให้เห็นว่าคนนครพนมตื่นตัวกันมากและสนใจที่จะร่วมลงชื่อยกเลิกกฎหมายดังกล่าว ซึ่งไม่เป็นธรรม และทำให้มีคนถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำหลายคน โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ที่ออกมาเรียกร้องอนาคตที่ดีของคนไทย พวกเราจึงยังคงจะเปิดล่ารายชื่อต่อไป แม้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นวันนี้จะเป็นการข่มขู่คุกคาม พวกเราก็จะไม่ถอย 

อ่านข่าวนี้ฉบับเต็มในเว็บไซต์ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net