Skip to main content
sharethis

ประธาน ส.ส.เพื่อไทยชี้กระทรวงเกษตรฯ มีหนังสือขอเบิกงบป้องกันอหิวาต์ในหมูตั้งแต่กรกฎาคมปี 64 แต่รัฐบาลยังปฏิเสธว่าไม่มีการระบาดได้อย่างไรเบิกเท็จหรือไม่ จี้ต้องมีคนรับผิดชอบ ชลน่านจี้เตรียมตั้งกระทู้สดในสภาและเสนอญัตติไม่ไว้วางใจพฤษภาคมนี้

11 ม.ค.2565 ที่ทำการพรรคเพื่อไทย จัดแถลงข่าวประเด็นการระบาดของโรคอหิวาต์แอฟริกาในหมู (ASF) โดยมีการชี้ประเด็นเรื่องการปกปิดการระบาดของโรคโดยกรมปศุสัตว์และนำเสนอมาตรการเยียวยาให้กับเกษตรกรผู้ทำฟาร์มหมูและบรรเทาปัญหาหมูราคาแพง รวมถึงแนวทางของพรรคในการดำเนินการต่อไป

นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่าเรื่องหมูจะเป็นเรื่องที่ทำให้ล้มรัฐบาลได้เพราะปัญหาเกิดจากการปล่อยปะละเลยของรัฐบาลและการปกปิดการระบาดของโรคในสัตว์ ซึ่งเรื่องนี้เป็นความบกพร่องในการบริหารบ้านเมืองอย่างร้ายแรง โดยเขาชี้ให้เห็นว่าเรื่องโรคอหิวาต์ในหมูถูกประกาศให้เป็นวาระแห่งชาติโดยอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรอย่าง กฤษฎา บุญราช แต่รัฐบาลกลับไม่ทำอะไรเลย

นอกจากนั้นในสภา 2562 ส.ส.พรรคเพื่อไทย กฤษฎา ตันเทอดทิตย์ ได้ตั้งกระทู้ถามถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ ในประเด็นการระบาดของโรคอหิวาต์ในหมู มีการตอบมาในราชกิจจาเมื่อ 15 พ.ย.2562 แต่ไม่ได้มีการดำเนินการใดๆ แล้วในราชกิจจาฉบับดังกล่าวก็ไมได้ตอบหรือยอมรับว่าเกิดการระบาดดังกล่าว จะเห็นว่าเป็นการปล่อยปละละเลย ไม่ให้ความใส่จนก็ให้เกิดความเสียหาย แล้วเรื่องนี้ วิสุทธิ์ ไชยณรุณ ประธาน ส.ส.พรรคเพื่อไทยที่ติดตามประเด็นเรื่องการเกษตรก็เป็นคนเอามาบอกตนแล้วตั้งแต่เดือนธันวาคมและพยายามเอาเรื่องนี้เข้าสู่สภาตั้งแต่ธันวาคม และพยายามจะเสนอเป็นญัตติด่วนในวันที่ 5 ม.ค.ที่ผ่านมา แต่สภาก็ประกาศงดประชุม 2 สัปดาห์เนื่องจากการระบาดของโอมิครอน

“ประเด็นที่หนึ่งคือมีเจตนาชัดแจ้งชัดเจนที่มีการปล่อยปละละเลยไม่เข้าไปดำเนินการให้พี่น้องประชาชนจนเกิดเหตุไม่มีหมูกในไทย ราคาหมูแพง ส่งผลต่อเนื่องไปจนถึงราคาอาหารสัตว์ และที่เป็นเรื่องของอาหารบริโภคที่ใช้เนื้อสัตว์ต่างๆ เป็นผลต่อเนื่องไปอีก”

นพ.ชลน่านตั้งข้อสังเกตว่าทำไมจึงมีความพยายามปกปิดข้อมูล เป็นเพราะมีจะต้องมีการชดเชยเยียวยาหากมีการประกาศว่าเกิดการระบาดของโรคอหิวาต์ในหมูแต่ไม่มีเงินเยียวยาหรือไม่ หรือที่ปกปิดเพราะต้องการทำลายล้างเกษตรกรรายย่อยในการเลี้ยงหมูเพื่อให้ธุรกิจหมูเหลือแต่ของผู้ประกอบการรายใหญ่ใช่หรือไม่ เนื่องจากหมูที่ตายส่วนใหญ่เป็นของเกษตรกรรายย่อย หมูที่ถูกเลี้ยงอย่างดีของรายใหญ่ยังสามารถขายและส่งออกได้แต่ในปีนี้ก็ถูกปิดกั้นเรื่องส่งออกเพราะหมูจากไทยมีเชื้อโรคอหิวาต์อยู่ทำให้ปกปิดไม่ได้

หัวหน้าพรรคเพื่อไทยได้เรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีต้องรับผิดชอบทางการเมืองจากการปล่อยปละละเลยการระบาดของโรคในหมูครั้งนี้และประเด็นนี้จะทำให้นายกรัฐมนตรีต้องออกจากตำแหน่งเนื่องจากประชาชนจะทนความเดือดร้อนไม่ไหว และตั้งคำถามต่อรัฐมนตรีกระทรวงเกษตรฯ ว่าทำไมจึงปล่อยปละละเลยที่จะให้อธิบดีกรมปศุสัตว์ประกาศการระบาดของโรคทั้งที่มีอำนาจอยู่ โดยที่กลุ่มสมาคมวิชาการต่างๆ มีหนังสือถึงและมีข้อมูลข้อเสนอทางวิทยาศาสตร์ชัดเจน

นพ.ชลน่านกล่าวว่าหากสภาเปิดประชุมในฐานพรรคฝ่ายค้านจะนำเรื่องนี้เข้าสู่สภาในวันที่ 18-19 ม.ค.นี้ และเรียกร้องต่อพรรคร่วมรัฐบาลให้พรรคฝ่ายค้านได้ยื่นญัตติด่วนเรื่องนี้เข้าสู่สภาเพื่อหามาตรการและแนวทางในการแก้ไขปัญหาให้ประชาชนโดยด่วนซึ่งเรื่องนี้จะต้องตั้งคำถามว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร ใครกระทบเสียหายบ้างและเท่าไหร่ หมูในเมืองไทยยังคงเหลืออยู่เท่าไหร่ และถามความรับผิดชอบต่อผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรง รวมถึงการตั้งกระทุ้ถามสดเพราะต้องการคำตอบจากรัฐมนตรีกระทรวงเกษตรฯ ว่าทำไมจึงไม่ดำเนินการเรื่องนี้และใครทำให้ไม่ยอมเปิดเผยเรื่องนี้

“เมื่อเปิดสภาในเดือนพฤษภาคมในสมัยที่สอง มีโอกาสยื่นญัตติตามรัฐธรรมนูญ มาตรา151 อภิปรายไม่ไว้วางใจ เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญถ้าไม่มีความรับผิดชอบจากนายกรัฐมนตรและรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง จากอธิบดีกรมปศุสัตว์ที่เกี่ยวข้อง ไม่ไว้วางใจแน่นอน และแน่นอนหลังจากนั้นการดำเนินการทางกฎหมายจะตามมา เราจะยื่น ปปช.แน่” หัวหน้าพรรคเพื่อไทยยืนยันว่าจะต้องมีการรับผิดชอบทางการเมืองจากการก่อความเสียหายแก่บ้านเมือง

วิสุทธิ์ ไชยณรุณ กล่าวต่อในฐานะผู้ติดตามประเด็นการปกปิดซ่อนเร้นข้อมูลการระบาดของโรคอหิวาต์ในหมูว่า นายกรัฐมนตรีไม่ทราบเรื่องได้อย่างไรในเมื่อทางกระทรวงเกษตรฯ มีหนังสือลงวันที่ 5 ก.ค. 2564 ถึงเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเรื่องขอออนุมติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2564 เป็นเงินสำรองจ่ายกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นเพื่อป้องกันโรคอหิวาต์ในหมูและโรคระบาดร้ายแรงในหมูของประเทศไทย จากนั้นยังมี 9 ก.ค.2564 มีหนังสือของสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีถึงรัฐมนตรีกระทรวงเกษตรฯ ในเรื่องดังกล่าวว่าในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อ 6 ก.ค.2564มีมติให้อนุมัติตามที่กระทรวงเกษตรฯ เสนอและในเอกสารที่เขานำมาเปิดเผยยังให้กระทรวงไปดำเนินการตรวจสอบและทำลายหมูและหมูป่าที่มีความเสี่ยงและป้องกันการนำเข้าหรือลักลอบนำเข้าหมูจากประเทศที่มีการระบาดด้วย

หนังสือจากสำนักนายกฯ ถึงรมต.กระทรวงเกษตรฯ ว่าอนุมัติตามข้อเสนอของกระทรวง ลงวันที่ 9 ก.ค.2564

“เรื่องที่ไม่รับผิดชอบเรื่องที่ปกปิดมันเกิดความเสียหายเพราะว่าทั่วโลก 35 ประเทศ เขายอมรับว่าเป็นอหิวาต์สุกร แต่ไทยเราปฏิเสธ ผมในฐานะคนไทยผมอายครับ ใครจะเชื่อถือประเทศนี้ทั้งที่ๆ มีการเกิดโรคแล้วมีการใช้งบประมาณของแผ่นดินไปท่านก็ยังปฏิเสธว่าไม่มีโรคนี้ มันน่าละอายแล้วลักษณะอย่างนี้เป็นการเบิกเงินเท็จหรือไม่หากว่าไม่มีแล้วเบิกเงินออกไป”

นอกจากนั้นเอกสารที่ทางวิสุทธิ์ได้นำมาเปิดเผยพบว่าทางสำนักงบประมาณได้มีหนังสือถึงปลัดกระทรวงเกษตรฯ เมื่อ22 ธ.ค.2564 ว่านายกรัฐมนตรีเห็นชอบให้กรมปศุสัตว์ใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2565 งบกลางจำนวน 574,111,263 บาทเพื่อดำเนินการชดเชยราคาหมูที่ถูกทำลายตั้งแต่วันที่ 23 มี.ค.-15 ต.ค.2564 ด้วย

หนังสือจากสำนักงบประมาณถึงปลัดกระทรวงเกษตรฯ เรื่องอนุมัติงบชดเชยค่าทำลายหมูให้เกษตรกรลงวันที่ 22 ธ.ค.2564

วิสุทธิ์กล่าวถึงข้อเสนอของพรรคว่า ประเด็นแรก ต้องปฏิรูปกรมปศุสัตว์ทั้งระบบ เพราะตั้งแต่โรคลัมปีสกินพรรคเพื่อไทยเคยได้สะท้อนความบกพร่องของรัฐในสภาความเสียหายกว่าหมื่นล้านบาทจากลัมปีสกินจนลามมาถึงสัตว์ป่าติดเชื้อวันนี้ และจนถึงวันนี้เกษตรกรผู้เลี้ยงโคไม่ได้รับการชดเชยจากภาครัฐ

ข้อเสนอที่สอง ปรับโครงสร้างการเลี้ยงสุกรจัดระบบป้องกัน กักและฆ่าเชื้ออย่างจริงจังทุกจุดเพราะไม่มีวัคซีนและยารักษา หาก 3 ปีที่ผ่านมาของการรับาดอหิวาต์ต์ในสุกร รัฐบาลยอมรับความจริง จะสามารถป้องกันโรคได้ แต่ปกปิดแล้วก็บอกว่าเป็นการระบาดของเพิร์สทำให้เกษตรกรหลายคนหลงทางไปเพราะอธิบดีบอกแบบนั้นทำให้เขาไปซื้อวัคซีนมาฉีดแล้วเขาก็คิดว่าหมูของเขาจะไม่ตาย แต่สุดท้ายตายยกคอกหมดฟาร์มเป็นหนี้สิน

ข้อเสนอที่สามฝ่ายการเมืองต้องใส่ใจมากกว่านี้บอกไว้ว่าจะผลักดันให้เป็นวาระแห่งชาติ แต่จนถึงขณะนี้รัฐบาลวอร์รูมหรือไม่ มีห้องแลป หรือ ทีมติดตามผลหรือไม่ ดังนั้นต้องมีความรับผิดชอบทางการเมืองมากกว่านี้รัฐมนตรีกระทรวงต้องออกมายอมรับความผิดพลาดและขอโทษพี่น้องประชาชนที่สร้างความเสียหายหลายแสนล้านเพราะไม่ใช่แค่ความเสียหายที่เกิดขึ้นกับฟาร์มหมูแต่ยังรวมไปถึงปัญหาราคาอาหารที่แพงขึ้นด้วยสร้างความเดือดร้อนกับประชาชนทั้งประเทศ

ประเด็นสุดท้าย วิสุทธิ์วิจารณ์รัฐบาลว่าได้โกหกคนทั้งโลกมาตลอด 3 ปี เพราะไม่ยอมแจ้งเรื่องการระบาดของโรคไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็น องค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) และองค์กรอื่นๆ แล้วนานาชาติจะให้ความเชื่อถือได้อย่างไร นายกรัฐมนตรีได้ทำให้ชื่อเสียงของประเทศตกต่ำ

“ท่านทำกับบ้านเมืองนี้ได้อย่างไรในฐานะที่เป็นนายกรัฐมนตรี ถ้าผมเป็นนายกฯ วันนี้ผมลาออกแล้วครับ ผมอาย ” วิสุทธิ์กล่าว

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net