กป.อพช. ภาคเหนือมีมติเอกฉันท์ให้ ‘ชาติชาย ธรรมโม’ นักกิจกรรมภาคเหนือนั่งตำแหน่งเลขาธิการคนใหม่ เจ้าตัวแถลงย้ำจุดยืนร่างรัฐธรรมนูญใหม่ ประชาธิปไตย และสิทธิมนุษยชน พร้อมยันผสานแนวร่วมขบวนการคนรุ่นใหม่ปฏิรูปโครงสร้างการเมือง
ชาติชาย ธรรมโม ชุมชนนักกิจกรรมภาคเหนือ (CAN) เลขาธิการ กป.อพช. เหนือคนใหม่
15 ม.ค. 2564 คณะกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชน ภาคเหนือ (กป.อพช.ภาคเหนือ) จัดประชุมสมาชิกเครือข่าย ในหัวข้อ “กป.อพช.เหนือ MOVE ON” ณ มูลนิธิส่งเสริมวัฒนธรรมและสิ่งแวดล้อมเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ต.สันผีเสื้อ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ โดยจัดให้มีวงเสวนา และเลือกตั้งเลขาธิการ กป.อพช. ภาคเหนือคนใหม่ โดยมีมติเอกฉันท์ให้ ชาติชาย ธรรมโม
ในช่วงเช้า ศ.อรรถจักร สัตยานุรักษ์ ได้กล่าวปาฐกถาในหัวข้อ “คนทำงานทางสังคมกับโครงสร้างการเมืองไทย” โดยย้ำว่าการเกิดขึ้นของ กป.อพช. มีคุณูปการต่อสังคมไทย อย่างไรก็ตามสถานการณ์สังคมการเมืองปัจจุบันนั้นเต็มไปด้วยปัญหาความเหลื่อมล้ำที่มีความสลับซับซ้อนมากขึ้น ทำให้ความจนเป็นสิ่งที่ถูกส่งทอดจากรุ่นสู่รุ่น ทำให้เกิดชนชั้นในสังคม ฉะนั้นการดำเนินงานของ กป.อพช. ในปัจจุบันจึงควรเป็นไปเพื่อการจัดความสัมพันธ์ทางอำนาจใหม่ โดยเปิดพื้นที่ให้คนรุ่นใหม่เข้ามามีส่วนร่วมใน กป.อพช. มากขึ้น ควบคู่ไปกับกลุ่มองค์กรพัฒนาเอกชนที่ขับเคลื่อนประเด็นมาก่อน
หลังจากนั้นจึงจัดให้มีเวทีเสวนาหัวข้อ “กป.อพช. จำเป็นต้องมีอยู่ไหมในสังคมไทย” โดยผู้ปฏิบัติงานใน กป.อพช. ผู้มีประสบการณ์ ซึ่งมีข้อสรุปว่า กป.อพช. ยังคงมีบทบาทสำคัญและจำเป็นต้องมีอยู่ เพียงแต่ในสถานการณ์ปัจจุบันจำเป็นต้องปรับตัวโดยการแก้ไขปัญหาของชาวบ้านให้ได้จริง ทำกิจกรรมเพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงมากกว่าการทำงาน routine และเชื่อมโยงประเด็นในสังคมมากขึ้น พร้อมทั้งให้ยอมรับว่าสังคมในปัจจุบันเปลี่ยนแปลงไปจากช่วงแรกเริ่มการก่อตั้ง กป.อพช. อยู่มาก ควรเปิดพื้นที่ให้คนรุ่นใหม่เข้ามามีส่วนร่วม ให้ กป.อพช. เป็นพื้นที่เชื่อมร้อยผู้คนที่ทำงานประเด็นสังคมหลากหลายให้มีขับเคลื่อนร่วมกัน
ในช่วงบ่าย กป.อพช. ภาคเหนือได้จัดให้มีเวทีเสวนาหัวข้อ “รัฐธรรมนูญฉบับประชาชนกับ กป.อพช. เหนือ” ซึ่งเป็นเวทีที่เปิดให้คนรุ่นใหม่ในแวดวงได้ขึ้นมาร่วมแลกเปลี่ยน โดยได้ข้อสรุปว่า รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 มีเนื้อหาที่เป็นเผด็จการ ไม่ได้มีที่มาจากจากประชาธิปไตย อำนาจอธิปไตยไม่ได้เป็นของประชาชนโดยแท้จริง จึงเกิดเป็นปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชนในทุกมิติ อาทิ สวัสดิการแห่งรัฐที่ ปัญหาการเลือกปฏิบัติต่อกลุ่มชาติพันธุ์และกลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศ ตลอดจนการคุกคามกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่เคลื่อนไหวทางการเมือง ในท้ายที่สุดจึงมีข้อสรุปว่า กป.อพช. ควรเป็นพื้นที่เปิดในการเชื่อมร้อยประเด็นและกลุ่มคนที่กำลังเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตยให้มาเรียนรู้กัน กำหนดยุทธศาสตร์และเป้าหมายในการต่อสู้ร่วมกัน โดยเฉพาะประเด็นที่เกี่ยวข้องกับรัฐธรรมนูญ การกระจายอำนาจ และสิทธิมนุษยชน
ในช่วงท้ายของการประชุม ได้มีการลงมติเลือกตั้งเลขาธิการ กป.อพช. ภาคเหนือคนใหม่ โดยมีผู้ถูกเสนอชื่อหนึ่งคน คือ ชาติชาย ธรรมโม ชุมชนนักกิจกรรมภาคเหนือ (CAN) จึงได้รับมติเอกฉันท์ให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการ กป.อพช. ภาคเหนือคนใหม่ ซึ่งเจ้าตัวได้แถลงทั้งน้ำตา ย้ำว่าไม่ได้เสียใจกับการมารับตำแหน่ง แต่เป็นน้ำตาแห่งความยินดีที่ได้เห็นพลังของนักพัฒนาภาคเหนือ ตนไม่ได้ต้องการเป็นเลขาธิการฯ เพราะอยากเป็น แต่ต้องการเปลี่ยนแปลงสังคม หากตนไม่ทำหน้าที่นี้ก็ไม่สามารถเรียกร้องคนอื่นได้ พร้อมทั้งย้ำว่าการดำเนินงานหลังจากนี้จะตั้งอยู่บนหลักการการมีส่วนร่วม โดยเฉพาะสัดส่วนของกลุ่มคนรุ่นใหม่ ซึ่งจะมีนักพัฒนาผู้มีประสบการณ์เป็นที่ปรึกษา มิใช่ต้องการยึดบทบาทใคร
นอกจากนั้นตนยังยืนยันว่าสิ่งที่ต้องการเปลี่ยนแปลงมากที่สุดหลังจากนี้ คือการต้องร่างรัฐธรรมนูญใหม่ฉบับ กป.อพช. ภาคเหนือ โดยการมีส่วนร่วมของหลายภาคส่วนที่มีข้อเสนอของเครือข่ายตนเองอยู่แล้ว รวมทั้งเรื่องประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชนซึ่งอยู่ในกระแสธารแห่งการเคลื่อนไหวในระยะ 2 ปีที่ผ่านมา
ทั้งนี้ ชาติชาย ธรรมโม หรือ แคน อายุ 41 ปี เติบโตจาก ‘เยาวชนตะกอนยม’ ที่ต่อสู้เรื่องแก่งเสือเต้น ต.สะเอียบ อ.สอง จ.แพร่ ก่อนจะเข้าร่วมกับเครือเยาวชนสมัชชาคนจน มูลนิธิคุ้มครองสัตว์ป่าและพันธุ์พืชแห่งประเทศไทย กรรมการแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชันแนล แห่งประเทศไทย สถาบันพัฒนาและฝึกอบรมเยาวชนภาคเหนือ (YT) ตามลำดับ ขณะนี้เป็นผู้จัดการชุมชนนักกิจกรรมภาคเหนือ (CAN)