“Where Is My Dream” พนักงานรักษาความปลอดภัยมหาวิทยาลัยไล่ถ่ายรูป บัณฑิตวิจิตรศิลป์ มช. ที่เดินตามหาความฝันในงานรับปริญญา พร้อมถามว่า “ทำทำไม”
15 ม.ค. 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (14 ม.ค. 65) เวลาประมาณ 13.00 น. ที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (มช.) ไกร ศรีดี บัณฑิตจากคณะวิจิตรศิลป์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ทาตัวสีทอง เข็นล้อเลื่อนแขวนชุดครุยและป้ายกระดาษที่มีข้อความว่า “YOU TOOK MY DREAM AND GAVE ME THIS” เดินรอบบริเวณศาลาธรรมภายในบริเวณ มช. ซึ่งเป็นสถานที่ที่บัณฑิตและครอบครัวนิยมมาถ่ายรูปรับปริญญา โดยขณะที่ไกร ศรีดี แสดงออกเชิงสัญลักษณ์เดินตามหาความฝันของตัวเองในฐานะบัณฑิตจบใหม่อยู่นั้นมีพนักงานรักษาความปลอดภัยของมหาวิทยาลัยไล่ถ่ายรูปและถ่ายวีดีโอเขา พร้อมกับถามว่า “ทำทำไม”
ไกร อธิบายแนวคิดในการแสดงออกของเขาให้ประชาไทฟังว่า งานของตนชื่อ “Where Is My Dream” ซึ่งเป็นภาพแทนของบัณฑิตที่จบมาและกำลังตามหาความฝันของตัวเอง แต่ตัวป้ายเขียนว่า “YOU TOOK MY DREAM AND GAVE ME THIS” เหมือนการเข้าเรียนมหาวิทยาลัยเขาขายฝันให้เรา
"เราหวังกับเขาไว้ แล้วสุดท้ายเขาก็ให้เรามาแค่ชุดรับปริญญากับใบปริญญาเท่านั้น ซึ่งเขาเอาความฝันนี้ไปขายต่อและก็ไปหากินทั้งหมด ที่ผมทาตัวสีทองก็เหมือนกับเป็นบัณฑิตจบใหม่ที่ผ่านการชุบตัว ดูมีความหวังเหมือนกับสีทองอร่าม แต่จริงๆ แล้วเราก็แค่แขวนเปลือกเราไว้บนหิ้งเท่านั้น” ไกร กล่าว
ไกร เป็นหนึ่งในบัณฑิตจากคณะวิจิตรศิลป์ที่ต้องเข้าพิธีรับพระราชทานปริญญาบัตรของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่เมื่อวานนี้ แต่เขาเลือกที่จะเข้าร่วมแคมเปญ #ไม่รับปริญญา ที่เขามองว่าเป็นการผลิตซ้ำพิธีกรรมที่ทำให้คนไม่เท่าเทียมกัน
ผู้สื่อข่าวรายนงานเพิ่มเติมว่าาขณะที่ ไกร ทำกิจกรรมดังกล่าวอยู่นั้น มีเพื่อนของเขาอีก 1 คน (ไม่ประสงค์ออกนาม) ร่วมเดินอ่านบทกวี “กูไม่ใช่นิสิตนักศึกษา” ให้บัณฑิตบริเวณรอบๆ ศาลาธรรมฟัง เจ้าตัวระบุว่าที่เขาเลือกเอาบวีที่อ่านเจอจากในอินเตอร์เน็ตมาขับขานเสียงดังให้บัณฑิตทั้งหลายฟังในวันรับปริญญาก็เพราะ
“ผมเห็นว่าความตื่นตัวเรื่องประชาธิปไตยในหมู่นักศึกษาช่วงปีก่อนๆ มันสูงมากแต่ในขณะเดียวกันมันก็เต็มไปด้วยความฉาบฉวย ขบวนการนักศึกษาไม่ได้เข้มแข็งขึ้นเลย การตระหนักในฐานะ “นักศึกษา” ที่จะเป็นคนที่รับใช้ประชาชนมันแทบไม่หลงเหลืออยู่แล้ว ยิ่งเมื่อเช้าที่เพื่อนผมโดนจับ มันก็ยิ่งน่าตั้งคำถามว่าความปิติยินดีในวันนี้ เรากำลังยินดีอยู่บนอะไร นักศึกษาทำได้แค่เรียน เที่ยว สอบ จบ เฮฮารับปริญญาเท่านั้นหรือ สำนึกของการรับใช้ประชาชนมันหายไปไหนกัน ผมเลยคิดว่าบทกวีบทนี้ที่ผมเลือกมาอ่าน (แผดเสียง) อาจจะสร้างความกระอักอ่วนที่จะนำไปสู่การตั้งคำถามได้”
บทกวี
กูไม่ใช่นิสิตนักศึกษา
วันนี้ช่างเงียบเหงาเศร้าจริงหนอ
ผู้คนยังรอคอยพวกกูหรือ
ใครก็ได้ช่วยบอกเขาว่ากูคือ
หนอนหนังสือตอนใกล้สอบเท่านั้นเอง
อย่าได้ถามถึงนิสิตนักศึกษา
กูไม่มีคุณค่าที่กล้าเก่ง
วันหนึ่งหนึ่งกูร้องรำและทำเพลง
และบรรเลงเพลงรักสลักอุรา
บอกเขานะว่าพวกกูไม่เอาไหน
กูไม่ใช่นิสิตนักศึกษา
กูไม่เคยคิดคำนึงถึงประชา
กูไม่ใช่ขี้ข้าประชาชน บอกเขานะว่าพวกกูจบเมื่อไหร่
กูจะต้องเป็นใหญ่ในทุกหน
กูจะต้องเป็นนายของทุกคน
กูจะต้องสร้างตนบนความตาย
บอกพวกเขาเท่านี้กูพอนะ
บอก-บอกนะว่าอย่าหวังสิ่งทั้งหลาย มันผันแปรเปลี่ยนปรับและกลับกลาย
ความฉิบหายเป็นได้อย่างไม่ห่างตัว
ไม่มีมันสมองของชาติหรอก
มีแต่คนกลิ้งกลอกและเกลือกกลั้ว
มีแต่คนมันส์เมาและมือมัว
มีแต่สิ่งช้าชั่วในชื่นชม
ประชาเอยฝันไปเถอะฟ้าสีทอง
มันไม่ผองอำไพให้สุขสม
ปัญญาชนละลายกับสายลม
คงเหลือความขื่นขมให้ทมใจ
เฮ้ย เฮ้ย มาซิโว้ยนักศึกษา
เอาศรัทธามาสร้างสังคมใหม่
อุดมธรรมที่เจ้าฝันอันยาวไกล
ประชาชนจะเป็นใหญ่ในแผ่นดิน
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)