'แรมโบ้' เผยล่าชื่อไล่แอมเนสตี้ได้แล้วล้านชื่อ เตรียมยื่นกรมการปกครองสิ้นมกราฯ นี้

แรมโบ้ อีสาน เผยล่ารายชื่อคนเห็นด้วยไล่แอมเนสตี้ออกจากประเทศได้ครบล้านรายชื่อแล้ว เตรียมยื่นหน่วยงานต่างๆ สิ้นเดือนมกราคมนี้ที่แรกกรมการปกครอง

18 ม.ค.2565 ข่าวสดออนไลน์รายงานความคืบหน้ากรณีที่เสกสกล อัตถาวงศ์ หรือ แรมโบ้ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรีเคยรวบรวมรายชื่อคนที่เห็นด้วยในการไล่แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย ออกจากประเทศตั้งแต่เมื่อวันที่ 25 พ.ย.2564 โดยเขาระบุว่าสามารถรวบรวมรายชื่อได้ครบ 1 ล้านคนแล้วและอยู่ระหว่างตรวจสอบรายชื่อก่อนจะนำไปยื่นตามหน่วยงานต่างๆ ภายในสิ้นเดือนมกราคมนี้

รายงานระบุว่า เสกสกล แสดงความเห็นว่าเขาเห็นด้วยกับผลสำรวจของนิด้าโพลที่ระบุว่ามีประชาชนเห็นด้วยกับการออกกฎหมายคุม NGO ว่าต้องเปิดเผยแหล่งเงินทุนและยังอยากให้กฎหมายห้าม NGO ทำกิจกรรมที่กระทบต่อความมั่นคงของรัฐและสร้างความแตกแยกในสังคม แม้เขาจะเห็นว่ามี NGO ที่ช่วยเหลือประเทศชาติ และประชาชนที่แท้จริงก็ยังมีอยู่ และNGO ที่มาจากต่างประเทศเข้ามาสนับสนุนการเคลื่อนไหวต่างๆ เพื่อสร้างความเดือดร้อนในประเทศก็มี ส่วนตัวจึงมองว่าการออกกฎหมายควบคุมถือเป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้ว ซึ่งหาก NGO ไม่ได้ทำผิดอะไรก็ไม่ต้องกลัวกฎหมายใดๆทั้งสิ้น

“ตนจึงเห็นว่า NGO ที่เคลื่อนไหวร่วมกับม็อบสามกีบ และทำลายความมั่นคงคิดล้มล้างสถาบันเหล่านี้คือกลุ่มอันตรายที่สุด ที่คนไทยส่วนใหญ่ของประเทศที่ปกป้องประเทศชาติและสถาบันเบื้องสูงจะไม่มีวันยอมให้องค์กรเหล่านี้มีที่ยืนเพื่อเคลื่อนไหวก่อความวุ่นวายป่วนบ้านป่วนเมืองเด็ดขาด ประชาชนจึงเห็นด้วยกับรัฐบาลที่จะต้องมีกฎหมายมาควบคุมกับNGO เถื่อนๆ ให้หมดสิ้นไปจากประเทศไทยโดยในสิ้นเดือนมกราคมนี้ ผมและพี่น้องประชาชนที่ได้ลงชื่อขับไล่ NGO แอมเนสตี้ ได้ครบ 1 ล้านรายชื่อเรียบร้อยแล้ว อยู่ระหว่างการตรวจสอบรายชื่อให้ถูกต้องชัดเจน” ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรีกล่าว

เสกสกลระบุถึงแนวทางการเคลื่อนไหวว่า ลำดับแรกจะไปยื่นต่อกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ที่เป็นนายทะเบียน เพื่อให้เร่งรีบเพิกถอนใบอนุญาตให้องค์กรนี้พ้นสภาพโดยเขาระบุเหตุผลว่าเพราะแอมเนสตี้ทำผิดหลายประการไม่ได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขระเบียบในการยื่นขออนุญาตจดทะเบียน

“เมื่อกรมการปกครอง เพิกถอนใบทะเบียนแล้วเท่ากับว่า แอมเนสตี้เป็นองค์กรเถื่อน ใครเคลื่อนไหว อ้างชื่อองค์กรเถื่อนก็จะต้องรับผิดชอบตัวเองและตนจะดำเนินคดีตามกฎหมายให้ถึงที่สุด ไม่ยอมให้ใครอ้างองค์กรเลวๆ ที่ทำลายความมั่นคง ทำลายสถาบันได้มีที่ยืนบนผืนแผ่นไทยอย่างเด็ดขาด” เสกสกลกล่าว

ก่อนหน้านี้ในวันที่เสกสกลประกาศว่าจะรวบรวมรายชื่อคนที่เห็นด้วยกับการไล่แอมเนสตี้ออกจากประเทศครั้งนี้ เขายังกล่าวอีกว่าจะลาออกจากตำแหน่งหากขับไล่ไม่สำเร็จ

"หากตนไล่แอมเนสตี้ฯ ออกจากประเทศไทยไม่ได้ ตนจะลาออกจากตำแหน่ง โดยไม่ออกนอกประเทศ เพราะต้องการมาขับเคลื่อนการไล่แอมเนสตี้ฯ ออกจากประเทศ ร่วมกับพี่น้องประชาชน" แรมโบ้ อีสาน กล่าว

ในวันเดียวกันกับที่เสกสกลประกาศล่ารายชื่อ ทางแอมเนสตี้ ได้ชี้แจงต่อประเด็นที่ถูกกล่าวหาทั้งในประเด็นที่มาของเงินทุนว่าได้มาจากการรับบริจาคของบุคคลทั่วไปที่สนใจด้านสิทธิมนุษยชนและค่าสมาชิกรายปี และปฏิเสธที่จะรับเงินสนับสนุนจากรัฐบาลหรือแหล่งทุนอื่นๆ อีกทั้งแอมเนสตี้ยังเป็นองค์กรรณรงค์ด้านสิทธิมนุษยชนที่ไม่ฝักใฝ่อุดมการณ์ทางการเมืองหรือลัทธิใดๆ เน้นทำงานเพื่อให้เกิดความเท่าเทียม

อย่างไรก็ตาม สำหรับประเด็นร่างพ.ร.บ.การดำเนินกิจกรรมขององค์กรไม่แสวงหากำไร พ.ศ. .... ของรัฐบาล หรือที่เรียกว่า พ.ร.บ.คุมเอ็นจีโอ หลังจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแนวทางของร่างกฎหมายนี้ไปเมื่อ 4 ม.ค.ที่ผ่านมาได้ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ไปดำเนินการรับฟังความเห็นแล้ว

หลังจากที่ประชุม ครม. มีมติดังกล่าวทางกลุ่มองค์กรภาคประชาสังคม 1,867 องค์กรได้รวมตัวกันในชื่อ “เครือข่ายคัดค้านร่างกฎหมายควบคุมภาคประชาชน” และร่วมกันออกแถลงการณ์คัดค้านร่างกฎหมายฉบับดังกล่าว

แถลงการณ์ของเครือข่ายระบุเหตุผลที่คัดค้านว่าร่างกฎหมายดังกล่าวไม่สอดคล้องกับเสรีภาพในการร่วมในการรวมกลุ่ม การชุมนุมสาธารณะ การแสดงออก และสิทธิการเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร มีการใช้อำนาจรัฐเกินขอบเขต โดยเฉพาะอำนาจข้าราชการในการใช้ดุลพินิจว่ากิจการใดขัดต่อความสงบเรียบร้อย ขัดต่อความมั่นคงของรัฐได้ตามอำเภอใจ มีอำนาจสั่งห้ามไม่ให้มีการกระทำนั้นๆได้โดยไม่สามารถฟ้องร้องศาลปกครองได้ แม้ว่าสิทธิเหล่านี้จะได้รับการรับรองไว้ในรัฐธรรมนูญและกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง แสดงให้เห็นถึงเจตนาที่จะต้องการควบคุมและเข้าข่ายคุกคามการรวมกลุ่มของประชาชน ส่อเจตนาไม่บริสุทธิ์และใช้ระบบราชการอำนาจนิยมแบบเผด็จการทหารในการกำกับ

ในแถลงการณ์ยังระบุย้ำด้วยว่าทางเครือข่ายไม่ได้ต้องการปฏิเสธการตรวจสอบเพื่อความโปร่งใสแต่อย่างใด และแต่เดิมประเทศไทยก็มีกฎหมายหลายฉบับที่ทำหน้าที่กำกับดูแลอยู่แล้ว

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท