ไพบูลย์ นิติตะวัน แจงที่ประชุมร่วมคณะกรรมการบริหาร และ ส.ส. พปชร. มีมติเกิน 3 ใน 4 ขับ ธรรมนัส พร้อม 20 ส.ส. พ้นจากการเป็นสมาชิกพรรค หวั่นกระทบเอกภาพและเสถียรภาพภายใน หลังก๊วนธรรมนัสร้องให้มีการปรับโครงสร้างพรรคขนานใหญ่

ภาพนายธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา จากเพจ ธรรมนัส พรหมเผ่า

20 ม.ค. 65 สำนักข่าว Voice TV ไลฟ์สดที่รัฐสภา ไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรคฝ่ายกฎหมายของพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) แถลงข่าวกับสื่อมวลชนระบุว่า เมื่อคืนวานนี้ (19 ม.ค.) ที่ประชุมร่วมของคณะกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ของพรรค พปชร. มีมติเกิน 3 ใน 4 ให้สิ้นสุดความเป็นสมาชิกภาพของ ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า และ ส.ส. รวม 21 คน เนื่องจากเกรงกระทบเอกภาพภายในพรรค  

การประชุมวานนี้เกิดขึ้นเนื่องจากมีกลุ่มสมาชิก ส.ส. นำโดย ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา ของพรรค มีการไปเสนอ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและในฐานะหัวหน้าพรรค พปชร. เรียกร้องให้มีการปรับโครงสร้างพรรคขนานใหญ่ ซึ่งหัวหน้าพรรคเห็นว่าประเด็นข้อเรียกร้องดังกล่าวจะสร้างปัญหา และเกรงจะเกิดความขัดแย้งภายในพรรค 

หัวหน้าพรรค พปชร. จึงเรียกนัดประชุมระหว่างคณะกรรมการบริหารและสมาชิกพรรค เพื่อพิจารณาถึงข้อเรียกร้องของร้อยเอกธรรมนัสและคณะ และมีความเห็นว่าเป็นเรื่องที่พรรคไม่สามารถดำเนินการได้ตามที่ธรรมนัสต้องการ เนื่องจากถ้าดำเนินการ จะสร้างความเสียหายและส่งผลกระทบด้านเอกภาพและเสถียรภาพในพรรค แต่ร้อยเอกธรรมนัส ยืนยันว่าถ้าไม่รับข้อเสนอปรับโครงสร้างพรรค ยืนยันว่าจะมีปัญหาแน่ในการบริหารงานของพรรคต่อไป แต่สิ่งนี้ทำให้กลุ่มผู้บริหารพรรคมองว่านี่เป็นปัญหาร้ายแรง และจำเป็นต้องให้กลุ่มผู้เรียกร้องนำโดย ธรรมนัส และ ส.ส. รวม 21 คน ต้องพ้นจากสมาชิกพรรค เพื่อรักษาเอกภาพส่วนใหญ่อีก 100 คน ให้สามารถขับเคลื่อนต่อไปได้ 

เมื่อคณะกรรมการบริหาร 17 คนมีมติดังกล่าว ก็มีการประชุมร่วมกับ ส.ส. พรรค พปชร. ประมาณ 61 คน รวมทั้งสิ้น 78 คน ไพบูลย์ นิติตะวัน ในฐานะรองหัวหน้าพรรคฯ ชี้แจงต่อที่ประชุมถึงปัญหาร้ายแรงที่อาจเกิดจากข้อเสนอของธรรมนัส และขอให้ที่ประชุมมีมติตาม ข้อบังคับของพรรค ข้อที่ 54 สมาชิกภาพของสมาชิกพรรคสิ้นสุด (5) เมื่อพรรคการเมืองมีมติให้ออก ซึ่งมี 2-3 กรณี ซึ่งกรณีนี้ก็เป็นกรณีที่มีเหตุร้ายแรงอื่น เป็นเรื่องของความมั่นคง และเอกภาพและเสถียรภาพของพรรค หากสมาชิกผู้นั้นเป็น ส.ส. ด้วย มติของพรรคต้องมีคะแนนเสียงมากกว่า 3 ใน 4 ของที่ประชุมร่วมระหว่างคณะกรรมการบริหารพรรค และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ที่สังกัดพรรคการเมืองนั้น 

ต่อมา ที่ประชุมร่วมมีมติเห็นชอบให้สมาชิก 21 คนดังที่กล่าวข้างต้น ให้พ้นจากการเป็นสมาชิกพรรค โดยได้คะแนนเสียงทั้งสิ้น 63 เสียง เกิน 3 ใน 4 หรือ 59 เสียง 

ไพบูลย์ ระบุว่า ขั้นตอนต่อไป พรรค พปชร.จะทำเอกสารส่งไปที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. แต่ทั้ง 21 คนยังเป็น ส.ส.ต่อไป เพียงแต่ต้องหาพรรคใหม่ภายใน 30 วัน ซึ่งเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ 101(9)