ครช. ร้องศาลวินิจฉัยการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่

กลุ่มคณะรณรงค์เพื่อรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน (ครช.) เดินทางมายื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ให้มีการวินิจฉัยว่า การประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ขัดกฎหมายสูงสุดหรือไม่ อย่างไร ชี้กฎหมายนี้ให้อำนาจรัฐบาลเล่นงานผู้ชุมนุมอย่างไม่เป็นธรรม  

สมยศ พฤกษาเกษมสุข 'แชมป์' และชลิตา บัณฑุวงศ์ เดินทางมายื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ปม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ขัดกฎหมายสูงสุดของประเทศ (จากเพจเฟซบุ๊ก 'คณะรณรงค์เพื่อรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน l ครช.')

27 ม.ค. 65 สำนักข่าว Voice TV รายงานวันนี้ (27 ม.ค.) เวลาประมาณ 10.00 น. ที่ศูนย์ราชการ ถนนแจ้งวัฒนะ อาคาร เอ ศาลรัฐธรรมนูญ กลุ่มคณะรณรงค์เพื่อรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน (ครช.) ซึ่งการรวมตัวกันของประชาชนหลากหลายภาคส่วน นำโดย ‘แชมป์’ จาก ครช. สมยศ พฤกษาเกษมสุข แกนนำ 24 มิถุนาประชาธิปไตย และ ศ.ชลิตา บัณฑุวงศ์ นักวิชาการจากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน เดินทางมายื่นคำร้องโดยตรงแก่ศาลรัฐธรรมนูญ ให้วินิจฉัยว่าการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน มาตรา 5 , 11 , 12 และ 16 ที่ประกาศใช้ในห้วงที่ผ่านมา ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 3(2) 26(1)(2) 29(1)(2) และ 197 หรือไม่ อย่างไร

ก่อนหน้านี้ ครช.เคยไปยื่นเรื่องให้ผู้ตรวจการแผ่นดินให้ยื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยกรณีนี้ตั้งแต่ช่วง ก.ย. 64 อย่างไรก็ตาม ทางผู้ตรวจการแผ่นดินได้มีการยุติเรื่อง และไม่ส่งต่อให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย โดยให้ความเห็นว่าการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน มีความจำเป็นต่อการรักษาความมั่นคงของรัฐ และความสงบเรียบร้อยของประชาชน จึงสามารถจำกัดสิทธิเสรีภาพของประชาชนบางประการได้ และมีการระบุด้วยว่ามาตรการใน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ในการเยียวยาประชาชนน่าจะเพียงพอแล้ว ดังนั้น โดยหลักพื้นฐาน หากผู้ตรวจการแผ่นดินไม่รับเรื่อง ยกคำร้อง และไม่ส่งต่อให้ศาลรัฐธรรมนูญ ประชาชนทั่วไปสามารถมายื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญได้โดยตรงภายใน 90 วัน ซึ่ง ครช.ไม่เห็นพ้องกับคำวินิจฉัยของผู้ตรวจการแผ่นดินดังกล่าว วันนี้จึงมายื่นข้อเรียกร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญโดยตรง 

ก่อนการยื่นหนังสือ 'แชมป์' หนึ่งในตัวแทน ครช. กล่าวปราศรัยผ่านเครื่องเสียง หน้าศาลรัฐธรรมนูญ ถึงเหตุผลที่ต้องมาร้องเรียนวันนี้ว่า ครช. และเครือข่าย ไม่สามารถอดทนต่อ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ซึ่งถูกใช้เป็นเครื่องมือสำคัญของรัฐบาลในการดำเนินคดีต่อประชาชนที่ออกมาเรียกร้องสิทธิทางการเมือง

สถิติของ iLaw และศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ระบุว่า จำนวนคดีทางการเมืองตั้งแต่ ก.ค. 63 จำนวน 985 คดี เป็นคดีละเมิด พ.ร.ก.ฉุกเฉิน 600 กว่าคดี หมายความว่า คดีทางการเมืองกว่า 2 ใน 3 ล้วนเป็น พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และผู้ที่ได้รับผลกระทบ หรือถูกดำเนินคดีนี้มีจำนวนประมาณ 1,400 คน ดังนั้น จะเห็นได้ว่า มันสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนอย่างยิ่ง จึงเห็นว่าไม่สมควรให้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ดำรงอยู่ได้

นอกจากนี้ ทาง ครช. ระบุว่า การบังคับใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ของรัฐบาลประยุทธ์ จันทร์โอชา ขัดรัฐธรรมนูญด้วยกัน 4 ประการ 1) พ.ร.ก.ตัวนี้ให้อำนาจกับนายกฯ และรัฐบาลมากเกินไป ในการประกาศใช้ รวมถึงไม่ได้ระบุอย่างชัดเจนว่าอะไรเป็นความผิด และเนื้อหาก็จำกัดสิทธิเสรีภาพของประชาชน ส่งผลให้รัฐบาลมีอำนาจที่บังคับใช้ หรือยัดคดีให้กับประชาชนทุกคน   

2) พ.ร.ก.ตัวนี้ให้อำนาจกับตัวเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการจับกุมผู้ต้องสงสัยในพื้นที่ได้ทันที และเนื้อหาใน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ยังไม่พิทักษ์สิทธิ์ของผู้ต้องหา อีกทั้ง ขัดกับหลักการของรัฐธรรมนูญที่กล่าวไว้ว่าตัวผู้ต้องหายังเป็นผู้บริสุทธิ์จนกว่าการตัดสินคดีความจะถึงที่สุด 

3) พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ตัดอำนาจของศาลปกครองที่จะมาดำเนินคดีที่เป็นคู่ขัดแย้งระหว่างรัฐกับประชาชน พอตัดอำนาจศาลปกครอง มันทำให้อำนาจในการพิจารณาคดี ไปสู่ศาลยุติธรรมและศาลแพ่งแทน ส่งผลให้ประชาชนเสียเปรียบเพราะฐานะของประชาชนเป็นฐานะที่ต่ำกว่ารัฐในทางคดี ดังนั้น เป็นไปได้ยากสำหรับประชาชนที่จะได้รับความยุติธรรมจากกระบวนการนี้

4) การต่ออายุของ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ที่ระบุว่านายกฯ สามารถต่อได้ทุกๆ 3 เดือน แต่ไม่จำกัดว่า ต่อได้ถึงเมื่อไร ดังนั้น เห็นได้ว่า พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ถูกบังคับใช้อย่างยาวนานและไม่รู้ว่าจะอยู่ถึงเมื่อไร ล่าสุดต่อไปจนถึง 31 มี.ค. และไม่รู้จะต่อไปจนถึงเมื่อไร ไม่สามารถวางแผนชีวิตได้ 

“ดังนั้น เรามายื่นหนังสือตัวนี้เพราะว่ามันขัดกับรัฐธรรมนูญ และให้ศาลฯ พิจารณาว่ามันขัดและยกเลิกไป แม้ว่าเราจะคาดหมายได้ว่า อาจถูกยกคำร้องหรือไม่ก็ตาม แต่เราก็คาดหวังว่า ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญทั้ง 9 คน ถ้าท่านมีความหัวจิตหัวใจที่อยากจะพิทักษ์เสรีภาพเพื่อประชาชน ก็บอกว่ากฎหมายตัวนี้ขัดต่อรัฐธรรมนูญ และให้สิ้นผลบังคับไป และเชื่อว่า ถ้ากฎหมายตัวนี้มีผลบังคับ จะไม่ได้เป็นประโยชน์ต่อฝั่งผู้ชุมนุม หรือผู้ประท้วงเท่านั้น แต่มันจะเป็นประโยชน์กับคนไทยทุกคน ทั้งพ่อค้าแม่ค้า คนทำธุรกิจทั้งหลาย คุณจะไม่ต้องอยู่ในสถานการณ์แบบนี้อีกแล้ว” ตัวแทน ครช. กล่าวย้ำ

ต่อมา เวลา 10.48 น. ทาง ครช. ตรวจสอบเอกสาร และยื่นเอกสาร 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท