Skip to main content
sharethis

สปสช.จัดช่องทางให้บริการถุงยางอนามัยและยาเม็ดคุมกำเนิด แก่คนไทยอายุ 15 ปีขึ้นไปทุกเพศทุกสิทธิ โดยให้บริการยาคุมครั้งละ 1-3 แผง ปีละไม่เกิน 13 แผง ดีเดย์ 1 ก.พ. 2565 นี้ ส่วนถุงยางอนามัยมี 4 ไซส์ให้เลือก รับบริการได้ครั้งละ 10 ชิ้น/ สัปดาห์ รอบการจ่าย 7 วัน รับได้ 1 ครั้ง ไม่จำกัดจำนวนถุงยาง/คน/ปี คาดว่าจะเริ่มได้ เมษายน 2565 ขณะที่สถิติ 20 ปีอัตราการเกิดต่ำต่อเนื่อง ปี 64 เหลือ 5.4 แสน

27 ม.ค.2565 ทีมสื่อ สปสช. รายงานต่อสื่อมวลชนว่า นพ.จักรกริช โง้วศิริ รองเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวถึงแนวทางการให้บริการยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดรับประทานและถุงยางอนามัย ปีงบประมาณ 2565 ว่า บริการดังกล่าวเป็นสิทธิประโยชน์ด้านการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรค ซึ่งในปีนี้ สปสช. ได้เพิ่มจุดให้บริการ เพื่ออำนวยความสะดวกให้ประชาชนเข้าถึงบริการมากขึ้น ซึ่งจะทำให้การป้องกันการตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์ โดยเฉพาะในกลุ่มวัยรุ่น มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และเพิ่มความปลอดภัยจากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ด้วย (Safe sex) สำหรับจุดให้บริการ คือ หน่วยบริการในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ประกอบด้วย คลินิกการพยาบาลฯ ร้านขายยา  โรงพยาบาลเอกชน คลินิกเวชกรรม และหน่วยบริการปฐมภูมิ 

นพ.จักรกริช กล่าวอีกว่า ยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดรับประทาน จะให้บริการสำหรับหญิงไทยทุกสิทธิ อายุระหว่าง 15-59 ปี โดย ผู้รับบริการสามารถรับบริการยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดรับประทาน ครั้งละไม่เกิน 3 แผง คนละไม่เกิน 13 แผง/ปี โดยรับบริการได้ 2 วิธี 1) กรณีมีโทรศัพท์มือถือแบบสมาร์ทโฟน สามารถขอรับยาคุมกำเนิด ในแอปเป๋าตัง เมนูกระเป๋าสุขภาพ เลือกบริการสร้างเสริมสุขภาพ เลือกหน่วยบริการที่จะไปรับ จองสิทธิ และไปรับภายในวันที่จองสิทธิ 2)กรณีไม่มีสมาร์ทโฟน ให้แสดงบัตรประชาชนเพื่อขอรับยาคุมกำเนิด ณ หน่วยบริการที่เข้าร่วมโครงการ 

ส่วนถุงยางอนามัย จะให้บริการแก่คนไทยทุกสิทธิอายุ 15 ปีขึ้นไป รับบริการได้ครั้งละ 10 ชิ้น/ สัปดาห์  รอบการจ่าย 7 วัน รับได้ 1 ครั้ง ไม่จำกัดจำนวนถุงยาง/คน/ปี วิธีการรับคือ ใช้สมาร์ทโฟน Add Line สปสช. แล้วสแกน QR code ณ หน่วยบริการที่เข้าร่วมโครงการแจกถุงยางอนามัย (ดูรายชื่อได้ที่เว็บไซต์ สปสช.) เพื่อรับถุงยางอนามัยตามไซส์ มีให้เลือก 4 ไซส์ คือ 49 มม., 52 มม., 54 มม. และ 56 มม  

ทั้งนี้ การให้บริการยาคุมกำเนิดชนิดรับประทาน จะเริ่มตั้งแต่เดือน ก.พ. 2565 นี้เป็นต้นไป ส่วนถุงยางอนามัยจะเริ่มให้บริการในช่วงเดือนเมษายน 2565 

20 ปีอัตราการเกิดต่ำต่อเนื่อง ปี 64 เหลือ 5.4 แสน

เมื่อวันที่ 25 ม.ค.ที่ผ่านมา ผู้ให้เฟซบุ๊ก 'Por Tunyawat' นำข้อมูลการเกิดของคนไทยตั้งแต่ปี 2536 - 2564 พบอัตราการลดลงอย่างต่อเนื่อง

ปี2555255625572558255925602561256225632564
จำนวน818,901782,129776,370736,352704,058702,755666,109618,193587,368544,570

โดยข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติ พบว่า ปี 55 จำนวนการเกิดอยู่ที่ 818,901 คน ส่วนปี 64 อยู่ที่ 544,570 คนเท่านั้น ซึ่งเมื่อ ก.พ.ปี 64 เป็นปีแรกที่มีรายงานว่า ปี 63 มีจำนวนการเกิดของเด็กไทย ลดต่ำกว่า 600,000 คน เป็นครั้งแรกนั้น สาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข ระบุว่า มีแนวโน้มจะลดต่ำลงอย่างต่อเนื่อง สาเหตุมาจากการเปลี่ยนแปลงทางสังคมค่านิยมอยู่เป็นโสด ทั้งโสดแบบตั้งใจ และไม่ตั้งใจ แต่งงานช้า บางคนกังวลเรื่องคนช่วยเลี้ยงลูก กังวลเรื่องความมั่นคงในหน้าที่การงาน จึงชะลอการมีลูก บางครอบครัวมีลูกน้อยลง หรือไม่ต้องการมีลูกเลย

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net