ที่ประชุมวิป 3 ฝ่าย ประกอบด้วยคณะรัฐมนตรี (ครม.) ส.ส.ฝ่ายรัฐบาล และ ส.ส.ฝ่ายค้าน มีมติสรุปวันและเวลาการอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงคะแนนตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 โดยจะเปิดอภิปรายในวันที่ 17-18 ก.พ. นี้ ใช้เวลาทั้งหมด 30 ชั่วโมง ฝ่ายค้าน 22 ชั่วโมง ฝ่ายรัฐบาล 8 ชั่วโมง ด้าน ส.ส.รัฐบาลเผยจะเปิดทางให้ ครม. ตอบคำถามฝ่ายค้านด้วยตัวเอง

2 ก.พ. 2565 สำนักข่าวหลายแห่ง อาทิ มติชนออนไลน์ และผู้จัดการออนไลน์ รายงานตรงกันว่าวันนี้ (2 ก.พ. 2565) ที่ประชุมวิป 3 ฝ่าย ประกอบด้วยคณะรัฐมนตรี (ครม.) ส.ส.ฝ่ายรัฐบาล และ ส.ส.ฝ่ายค้าน มีมติสรุปวันและเวลาการอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงคะแนนตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 ซึ่งพรรคฝ่ายค้านได้ยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายต่อประธานรัฐสภาไปเมื่อวันที่ 21 ม.ค. ที่ผ่านมา

สุทิน คลังแสง ประธานวิปฝ่ายค้าน ส.ส.มหาสารคาม และรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย แถลงต่อผู้สื่อข่าวว่าการอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงคะแนนตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 จะมีขึ้นในวันที่ 17-18 ก.พ. นี้ ใช้เวลาทั้งสิ้น 30 ชั่วโมง โดยจะวันแรกจะเริ่มการอภิปรายตั้งแต่เวลา 09.30 น. ของวันที่ 17 ก.พ. จนถึง 00.30 น. ของวันที่ 18 ก.พ. ส่วนวันที่สอง จะเริ่มตั้งแต่เวลา 09.00 น. ของวันที่ 18 ก.พ. ถึงเวลา 00.00 น. ของวันที่ 19 ก.พ. โดยฝ่ายค้านได้เวลาอภิปรายทั้งสิ้น 22 ชั่วโมง ฝ่ายรัฐบาลได้เวลา 8 ชั่วโมง หากฝ่ายรัฐบาลตอบไม่ครบถ้วนในกรอบเวลาดังกล่าว ก็จะให้โอกาสบวกเวลาไปได้จนกว่าจะตอบได้ชัดเจน โดยสุทินกล่าวว่าฝ่ายค้านจะบริหารเวลาในแต่ละวันโดยการเอาคนของฝ่ายค้านขึ้นอภิปรายวันละ 11 ชั่วโมง เพื่อให้เป็นไปตามเวลา ไม่ไปเบียดเวลาของฝ่ายรัฐบาล

นิโรธ สุนทรเลขา ประธานวิปรัฐบาล และ ส.ส.นครสวรรค์ พรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า รัฐบาลเห็นว่าการอภิปรายตามมาตรา 152 ของฝ่ายค้านเป็นประโยชน์กับรัฐบาลที่จะได้อภิปรายชี้แนะ ชี้ข้อบกพร่องในการบริหารงาน รัฐบาลจึงให้เวลากับฝ่ายค้านอย่างเต็มที่ และมั่นใจว่าฝ่ายรัฐบาลจะสามารถตอบในสิ่งที่ฝ่ายค้านอภิปรายได้ เพราะรัฐบาลมั่นใจในการบริหารงาน จึงใช้เวลาน้อย เพียงแค่ 8 ชั่วโมง อย่างไรก็ตาม ขอขอบคุณฝ่ายค้านที่จะได้ชี้แนะทางรัฐบาลโดยการนำข้อมูลที่เป็นข้อเท็จจริงเพื่อเป็นประโยชน์ต่อรัฐบาลและประเทศชาติ รัฐบาลพร้อมให้ความร่วมมือในการอภิปรายตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 อย่างเต็มที่

ขณะที่ชินวรณ์ บุณยเกียรติ รองประธานวิปรัฐบาล และ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เวลา 22 ชั่วโมงของฝ่ายค้านได้รวมการอภิปรายสรุปญัตติในช่วงสุดท้ายด้วย ทั้งนี้ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 ฝ่ายค้านมีหน้าที่โดยตรงที่จะซักถาม และเสนอแนะแนวทางแก้ปัญหา ส่วน ส.ส.ฝั่งรัฐบาลก็จะไม่ใช้โอกาสนี้ในการตอบ แต่จะเปิดโอกาสให้รัฐมนตรีเป็นผู้ตอบให้เกิดความชัดเจน ตนเห็นด้วยที่การอภิปรายครั้งนี้จะเป็นไปอย่างสร้างสรรค์ เพื่อประโยชน์ของประชาชน ให้ประชาชนมั่นใจว่าระบบรัฐสภายังเป็นที่พึ่งที่หวังของประชาชน

ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 21 ม.ค. 2565 ฝ่ายค้านได้ยื่นขอเวลาอภิปรายทั่วไปตามมาตรา 152 ตั้งแต่วันที่ 16-18 ก.พ. หลังจากนั้นวันที่ 1 ก.พ. 2565 ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีความพร้อมตอบข้อซักถามในการอภิปรายตั้งแต่วันที่ 17-18 ก.พ. และได้ส่งเรื่องให้สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรทราบแล้ว ต่อมาในช่วงเช้าวันนี้ (2 ก.พ. 2565) มติชนออนไลน์รายงานว่าสุทินได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่าเวลาที่ฝ่ายค้านเสนอคือ 36 ชั่วโมง จะแบ่งเวลาอภิปรายเป็นกี่วันก็ได้ แต่หลังจากเห็นข้อตอบรับของ ครม. แล้วก็รู้สึกว่าเวลาเพียง 2 วันสำหรับอภิปรายนั้นน้อยเกินไป หากเป็นเช่นนั้น ฝ่ายค้านจะต้องนำผู้พูดบางคนออกจากการอภิปราย แต่ฝ่ายค้านยังไม่ได้แบ่งเวลาและจัดสรรจำนวนผู้พูด เพราะต้องรอผลการประชุมร่วม 3 ฝ่ายก่อน ขณะที่ช่วงเช้าของวันเดียวกัน มติชนออนไลน์รายงานเพิ่มเติมว่านิโรธให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่าเวลาในตอนแรกที่ฝ่ายค้านเสนอมานั้นมากเกินไป เพราะเพิ่งผ่านการอภิปรายไม่ไว้วางใจมาไม่นาน แต่หากใช้เวลาเพียง 36 ชั่วโมงตามที่ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทยและผู้นำฝ่ายค้านเสนอมาก็น่าจะมีความเป็นไปได้

สำหรับประเด็นการอภิปรายมีทั้งหมด 4 ประเด็นหลัก ได้แก่ วิกฤติเศรษฐกิจ ที่สินค้ามีราคาแพง ค่าแรงถูก, วิกฤติการระบาดของโรคโควิด-19 และโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร (African swine fever : ASF), วิกฤติด้านการเมืองที่ล้มเหลว และการบริหารที่ไร้ประสิทธิภาพของรัฐบาลชุดนี้ เช่น ยาเสพติด การคอรัปต์ชัน ฝุ่นละอง PM2.5 การบริหารราชการแผ่นดินที่ทำให้เสียโอกาสในการค้าระหว่างประเทศ