Skip to main content
sharethis

กกต. ประกาศจำนวน ส.ส. เขต 400 คน แบ่งตามจังหวัดทั่วประเทศ โดยใช้ฐานข้อมูลทะเบียนราษฎร์ปี 2564 คู่ขนาน พ.ร.ป.การเลือกตั้ง 2 ฉบับเตรียมเข้าสภา ส่งสัญญาณอาจมีการเลือกตั้งใหญ่ก่อนกำหนด ทั้งนี้ กทม. มี ส.ส. เขตมากสุด 33 คน ตามมาด้วยโคราช 16 คน และขอนแก่น อุบลฯ เชียงใหม่ จังหวัดละ 11 คน แต่หากแบ่งตามภาคต่างๆ 6 ภาค พบภาคอีสานมีจำนวน ส.ส. เขตมากสุด 132 คน 

2 ก.พ. 2565 สำนักข่าว The Reporters, ข่าวสดออนไลน์, กรุงเทพธุรกิจ และผู้จัดการออนไลน์ รายงานตรงกันว่ากิตติพงษ์ บริบูรณ์ รองเลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ปฏิบัติหน้าที่แทนเลขาธิการ กกต. มีหนังสือด่วนที่สุด เลขที่ ลต 0012/ว 178 ลงวันที่ 1 ก.พ. 2565 ถึงผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัดทั้ง 76 จังหวัดและกรุงเทพมหานคร ประกาศจำนวนราษฎรตามหลักฐานการทะเบียนราษฎร์ และการเตรียมความพร้อมในการแบ่งเขตเลือกตั้ง ส.ส. หลังสำนักทะเบียนกลางกระทรวงมหาดไทย ส่งประกาศสำนักทะเบียนกลาง เรื่องจำนวนราษฎรทั่วราชอาณาจักรตามหลักฐานการทะเบียนราษฎร์ วันที่ 31 ธ.ค. 2564 ซึ่งได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาไปเมื่อวันที่ 18 ม.ค. 2565 มาให้

หลังสำนักทะเบียนกลางกระทรวงมหาดไทย ส่งประกาศสำนักทะเบียนกลางเรื่องจำนวนราษฎรทั่วราชอาณาจักรตามหลักฐานการทะเบียนราษฎร์ ณ วันที่ 31 ธ.ค. 2564 ซึ่งได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาไปเมื่อวันที่ 18 ม.ค. 65 และสำนักงานฯ ได้คำนวณจำนวน ส.ส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้งที่แต่ละจังหวัดจะพึงมี ตามหลักเกณฑ์ที่รัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม 2564 กำหนด เพื่อให้สำนักงาน กกต. ประจำจังหวัดและกรุงเทพมหานคร ที่จำนวน ส.ส.แต่ละจังหวัดจะพึงมีเกิน 1 คน เตรียมแบ่งเขตเลือกตั้งไว้เป็นการล่วงหน้าอย่างน้อย 3 รูปแบบ และเมื่อกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญที่เกี่ยวข้องมีผลใช้บังคับจะได้ดำเนินการตามที่กฎหมายกำหนดต่อไป

สำหรับหลักเกณฑ์การคำนวณจำนวน "ส.ส. พึงมี" ของแต่ละจังหวัด และการแบ่งเขตเลือกตั้ง เป็นไปตามรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม 2564 มาตรา 86 โดยคิดจากจำนวนราษฎรทั้งประเทศที่สำนักทะเบียนกลางประกาศ รวม 66,171,439 คน ขณะที่กฎหมายกำหนดให้มี ส.ส. แบบแบ่งเขตเลือกตั้ง 400 คน กกต. จึงคำนวณจำนวนราษฎรเฉลี่ยต่อ ส.ส. 1 คน อยู่ที่ 165,428.5975 คน

จังหวัดที่มี ส.ส. เขตมากที่สุด ยังคงเป็นกรุงเทพมหานคร 33 คน ตามด้วย จ.นครราชสีมา 16 คน และขอนแก่น เชียงใหม่ อุบลราชธานี จังหวัดละ 11 คน สำหรับจังหวัดอื่นๆ มีจำนวน ส.ส. แบบแบ่งเขตลดหลั่นกันไปตามลำดับ ดังนี้ 

  • มี ส.ส. 10 คน คือ ชลบุรี และบุรีรัมย์
  • มี ส.ส. 9 คน คือ นครศรีธรรมราช ศรีสะเกษ สงขลา และอุดรธานี
  • มี ส.ส. 8 คน คือ เชียงราย นนทบุรี ร้อยเอ็ด สมุทรปราการ และสุรินทร์
  • มี ส.ส 7 คน คือ ชัยภูมิ ปทุมธานี สกลนคร และสุราษฎร์ธานี
  • มี ส.ส. 6 คน คือ กาฬสินธุ์ นครปฐม นครสวรรค์ เพชรบูรณ์ และมหาสารคาม
  • มี ส.ส. 5 คน คือ กาญจนบุรี นราธิวาส พระนครศรีอยุธยา พิษณุโลก ระยอง ราชบุรี และสุพรรณบุรี
  • มี ส.ส. 4 คน คือ กำแพงเพชร ฉะเชิงเทรา ตรัง ตาก นครพนม ปัตตานี ลพบุรี ลำปาง เลย สมุทรสาคร สระบุรี และสุโขทัย
  • มี ส.ส. 3 คน คือ กระบี่ จันทบุรี ชุมพร น่าน บึงกาฬ ประจวบคีรีขันธ์ ปราจีนบุรี พะเยา พัทลุง พิจิตร เพชรบุรี แพร่ ภูเก็ต ยโสธร ยะลา สระแก้ว หนองคาย หนองบัวลำภู และอุตรดิตถ์
  • มี ส.ส. 2 คน คือ ชัยนาท นครนายก พังงา มุกดาหาร แม่ฮ่องสอน ลำพูน สตูล อ่างทองอำนาจเจริญ และอุทยธานี
  • มี ส.ส. 1 คน คือ ตราด ระนอง สมุทรสงคราม และสิงห์บุรี

หากคิดจำนวน ส.ส. เป็นรายภาค ตามประกาศ กกต. เรื่องบัญชีรายชื่อภาคและจังหวัด 2560 ภาคกลาง ภาคตะวันออก ภาคตะวันออก รวม 26 จังหวัด และกรุงเทพมหานคร จะมี ส.ส. 139 คน ภาคใต้ 14 จังหวัดจะมี ส.ส. 58 คน ภาคเหนือ 16 จังหวัด จะมี ส.ส. 71 คน ส่วนภาคอีสาน 20 จังหวัด จะมี ส.ส 132 คน

อย่างไรก็ตาม รัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม 2560 มาตรา 86 กำหนดหลักเกณฑ์การคํานวณจํานวน ส.ส. ที่แต่ละจังหวัดจะพึงมี และการแบ่งเขตเลือกตั้งโดยให้ใช้จำนวนราษฎรทั้งประเทศตามหลักฐานการทะเบียนราษฎร์ที่ประกาศในปีสุดท้ายก่อนปีที่มีการเลือกตั้ง หากสภาผู้แทนราษฎรชุดปัจจุบันอยู่ครบวาระ 4 ปีนับแต่เลือกตั้งวันที่ 24 มี.ค. 2562 ตามที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ประกาศก่อนหน้านี้ การเลือกตั้งครั้งต่อไปจะเกิดขึ้นหลัง 24 มี.ค. 2566 และจะต้องใช้ข้อมูลทะเบียนราษฎร์ปี 2565 โดยปกติแล้วสำนักทะเบียนกลาง กระทรวงมหาดไทย จะประกาศในช่วงต้นเดือน ม.ค. ของปีถัดมา เป็นฐานคิดคำนวณจำนวน ส.ส. ที่แต่ละจังหวัดจะพึงมี

แต่การที่ กกต. ใช้ข้อมูลทะเบียนราษฎร์ปี 2564 เป็นฐานคิดคำนวณจำนวน ส.ส. ที่แต่ละจังหวัดจะพึงมี และสั่งให้จังหวัดเตรียมเรื่องแบ่งเขตเลือกตั้งคู่ขนานกับการที่รัฐสภาจะพิจารณากฎหมายลูก 2 ฉบับที่เกี่ยวข้อง คือ ร่างแก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และร่างแก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง หากแล้วเสร็จและประกาศให้มีผลใช้บังคับ สามารถจัดเลือกตั้งได้ทันที กรณีดังกล่าวอาจเป็นการส่งสัญญาณว่า อาจมีการยุบสภาและมีการเลือกตั้งเกิดขึ้นภายในปี 2565

มติชนออนไลน์รายงานเพิ่มเติมว่าภายหลังสำนักงานคณะกรรมการกษฎีกาตรวจพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. และ ร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. เสร็จเรียบร้อยแล้ว ซึ่งร่างพ.ร.ป.ดังกล่าว ได้มีการแก้ไขเพิ่มเติมในสาระสำคัญ จึงสมควรจัดให้มีการรับฟังความคิดเห็น และทำรายงานวิเคราะห์ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากกฎหมายตามร่าง พ.ร.ป.ที่ตรวจพิจารณาแล้ว ตาม พ.ร.บ.หลักเกณฑ์การจัดทำร่างกฎหมายและการประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย 2562 มาตรา 26 จึงเห็นสมควรเผยแพร่เพื่อให้มีการรับฟังความคิดเห็นของผู้ที่เกี่ยวข้องและประชาชน โดยสามารถแสดงความคิดเห็นผ่านทางไปรษณีย์ ส่งถึงสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง สำนักบริหารการเลือกตั้งและการออกเสียงประชามติ 1 ฝ่ายบริหารการเลือกตั้งและการออกเสียงประชามติ 120 หมู่ 3 ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ อาคารรัฐประศาสนภักดี ถนนแจ้งวัฒนะ แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร 10210 หรือทางโทรสาร หมายเลข 02-143-7662-3 และทางไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ หรือ อีเมล Election@ect.go.th ได้จนถึงวันที่ 3 ก.พ. 2565

ทั้งนี้ มีรายงานว่า ตามกระบวนการหลังจากเปิดรับฟังความคิดเห็นเมื่อเสร็จเรียบร้อยแล้ว ทางสำนักงาน กกต. จะรวบรวมความคิดเห็นที่ส่งมาจากทุกช่องทาง เสนอไปยังเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (ครม.) ก่อนที่จะส่งให้สภาฯ ตามที่รัฐธรรมนูญ มาตรา 131 กำหนดไว้

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net