สถานทูตสหรัฐฯ ในกรุงเคียฟ ประเทศยูเครน โพสต์ภาพมีมบนสื่อออนไลน์ วิจารณ์ ปูติน ปธน.รัสเซีย หลังเขากล่าวหาว่า ยูเครนไม่ใช่รัฐอธิปไตย แต่ถูกหลายฝ่ายติงว่ามีมนี้อาจไม่ช่วยอะไร แถมเข้าทางการตีความประวัติศาสตร์กระแสหลักของอดีตโซเวียต
สถานทูตสหรัฐฯ ในกรุงเคียฟ ประเทศยูเครน เปิดฉากสงครามล้อเลียนประเทศรัสเซีย ด้วยการโพสต์มีมเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (22 ก.พ.) เพื่อสื่อนัยว่ากรุงเคียฟของยูเครนเจริญรุ่งเรืองมาตั้งแต่ก่อนการก่อตั้งมอสโก มีมถูกโพสต์ออกมาหลังปูตินบ่นกราดว่า ยูเครนไม่ใช่รัฐอธิปไตย หลายฝ่ายวิจารณ์ว่ามีมนี้อาจเข้าทางการตีความทางประวัติศาสตร์ของปูติน
รูปมีมที่เป็นประเด็นและถูกโพสต์ลงในทวิตเตอร์ และเฟซบุ๊ก แสดงให้เห็นสถานที่สำคัญทางศาสนา 4 แห่งในกรุงเคียฟ ตั้งแต่ ค.ศ. 966 ถึง ค.ศ. 1108 ขณะข้างใต้ภาพดังกล่าวเป็นรูปป่า 4 รูป พร้อมข้อความ "มอสโก" เขียนอยู่ข้างใต้ โดยระบุช่วงเวลาเดียวกัน
โพสต์ดังกล่าวไม่มีการระบุบรรยายภาพ ไม่นานนักก็มีชาวเน็ตนำไปแชร์ และเข้ามาแสดงปฎิกิริยาและความเห็นกันเป็นจำนวนมาก
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- มองวิกฤติ ‘รัสเซีย-ยูเครน’ ผ่านมิติประวัติศาสตร์-ชาติพันธุ์ สะท้อนสัมพันธ์ที่ ‘รักไม่ได้ เกลียดไม่ลง’
- โลกออนไลน์แห่แชร์คลิป TikTok เผยกองทัพรัสเซียเคลื่อนพล ยูเครนหวั่นเป็นสงครามไซเบอร์ข่มขวัญ
- บทวิเคราะห์: ทำไมการเจรจาประเด็นความขัดแย้งรัสเซีย-ยูเครน ถึงล้มเหลวซ้ำซาก
- ผู้เชี่ยวชาญและนักข่าววิเคราะห์คลิป ‘จัดฉาก’ ในสื่อรัสเซีย หวังอ้างความชอบธรรมบุกยูเครน
มีมดังกล่าวถูกโพสต์เพื่อพาดพิงถึงการออกมาแถลงของ 'วลาดิมีร์ ปูติน' เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (21 ก.พ.) โดยประธานาธิบดีของรัสเซีย อ้างว่า ยูเครนถูกสร้างขึ้นโดยสหภาพโซเวียต และเป็นส่วนหนึ่งของอาณาเขตของรัสเซีย
"ยูเครนไม่เคยมีความเป็นรัฐของตัวเองอย่างแท้จริง ไม่เคยมีความเป็นรัฐอย่างยั่งยืนในยูเครนเลย" ปูติน กล่าว และที่ผ่านมาผู้นำรัฐเซียกล่าวย้ำเสมอว่า ยูเครนไม่ใช่ประเทศจริงๆ และอ้างว่า ชาวยูเครนและชาวรัสเซียเป็นประชาชนชาติเดียวกัน
สำนักข่าว Business Insider ตั้งข้อสังเกตว่า แม้ยูเครนและรัสเซียจะมีประวัติศาสตร์ใกล้ชิดกัน แต่สิ่งที่ปูติน เสนอเป็นภาพแทนอดีตร่วมกันของ 2 ชาติที่บิดเบือนและไม่ถูกต้องในทางประวัติศาสตร์ ในหลายๆ แง่แล้ว รัสเซียเกิดขึ้นจากสหพันธรัฐยุคกลางที่ก่อตั้งโดยชาวไวกิง ซึ่งรู้จักกันในชื่อ 'เคียฟแวน รุส' และครั้งหนึ่งเคยมีเมืองหลวงอยู่ที่เคียฟ และที่จริงแล้วชื่อประเทศ 'รัสเซีย' ก็มาจากคำว่า 'เคียฟแวน รุส'
ด้วยเหตุนี้ สหรัฐฯ จึงพยายามสื่อผ่านมีมดังกล่าวว่า กรุงเคียฟซึ่งเป็นเมืองหลวงของยูเครนในปัจจุบัน เป็นตัวแสดงสำคัญในภูมิภาคมาก่อนที่กรุงมอสโก จะกลายเป็นเมืองเสียอีก ต่อมาอาณาเขตในยูเครนในปัจจุบันถูกยึดครองโดยจักรวรรดิและอาณาจักรต่างๆ มาตลอดหลายร้อยปี รวมถึงจักรวรรดิรัสเซียด้วย และยูเครนก็เคยเป็นส่วนหนึ่งของสหภาพโซเวียตเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ยูเครนก็มีประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมเป็นของตัวเอง และในปี พ.ศ. 2534 ชาวยูเครนก็ลงคะแนนอย่างท่วมท้นให้ออกจากสหภาพโซเวียตในการจัดทำประชามติที่เป็นประชาธิปไตย ทั้งที่มีแง่มุมทางประวัติศาตร์เช่นนี้ ปูติน กลับเห็นว่าอนาคตของยูเครนควรอยู่ภายใต้การกำหนดโดยรัฐบาลมอสโก
อย่างไรก็ตาม หลายคนก็ตั้งคำถามต่อท่าทีดังกล่าวของสถานทูตสหรัฐฯ เช่นกัน
"สถานทูตที่เพิ่งอพยพออกไปเมื่อไม่กี่สัปดาห์ก่อนพยายามล้อเลียนการรุกรานทางทหารโดยมีมแสบๆ คันๆ ซึ่งช่วยเสริมพลังให้กับเรื่องเล่าของฝ่ายตรงข้ามโดยไม่ตั้งใจ ถือเป็นจุดสุดยอดของแนวโน้มหลายอย่างที่มีมายาวนานในนโยบายต่างประเทศของสหรัฐอเมริกา ซึ่งในนั้นไม่มีอะไรดีเลย" เกร็ก คาร์ลสโตรม ผู้สื่อข่าวตะวันกลางของนิตยสาร The Economist กล่าว
"เรื่องเล่ากระแสหลักของประวัติศาสตร์รัสเซียเชื่อว่า อารยธรรมรัสเซียก่อตั้งขึ้นที่เคียฟในศตวรรษที่ 10 ... และนี่คือเหตุผลว่าทำไมยูเครนจึงต้องอยู่ในวงโคจรของรัสเซียตลอดไป ดังนั้น ผมจึงไม่แน่ใจว่าทำไมมีมนี้ถึงเป็นความชนะ" เดวิด เคลียน นักเขียนของ Jewist Currents กล่าวเสริม
ในช่วงที่ผ่าน เนด ไพรส์ โฆษกของกระทรวงต่างประเทศสหรัฐอเมริกา และแอนโทนี บลินเคน รัฐมนตรีต่างประเทศของสหรัฐอเมริกา ประกาศย้ำหลายครั้งว่า รัฐบาลสหรัฐฯ กำลังพยายามลดระดับความตึงเครียดกับรัสเซีย และระบุว่าช่องทางการเจรจาทางการทูตยังคงเปิดอยู่ระหว่างสองประเทศมหาอำนาจ
"เป็นความรับผิดชอบของผมในการทำทุกทางที่ผมสามารถทำได้เพื่อพยายามยับยั้งสงครามด้วยวิธีทางการทูต" แอนโทนี บลินเคน กล่าวกับรายการ Meet the Press ของช่อง NBC
อย่างไรก็ตาม เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (21 ก.พ.) ประธานาธิบดีปูตินสั่งการให้ส่งทหารรัสเซียเข้าไปในเขตดอนบาส หลังประกาศรับรองให้โดเนตสก์ และลูฮานสก์ เป็นรัฐเอกราช แทนที่จะเป็นส่วนหนึ่งในภาคตะวันออกของยูเครน ทั้งสองภูมิภาคเป็นพื้นที่ที่กลุ่มกบฎแยกดินแดนชาวรัสเซียพยายามยึดครอง
ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่สถานทูตของสหรัฐอเมริกาได้ทำการอพยพออกไปประจำการที่ประเทศโปแลนด์ชั่วคราวตั้งแต่คืนวันจันทร์ หลังก่อนหน้านี้ย้ายจากกรุงเคียฟ ไปยังเมืองเลียฟ ซึ่งตั้งอยู่ทางด้านตะวันตก ตามคำสั่งของรัฐบาลสหรัฐฯ ของไบเดน เนื่องจากเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ เชื่อว่ารัสเซียอาจบุกมาถึงเมืองหลวงของยูเครน
นอกจากนี้ ประธานาธิบดีแห่งสหรัฐฯ โจ ไบเดน ยังประกาศการคว่ำบาตรระลอกใหม่ โดยพุ่งเป้าไปที่ผู้มีอำนาจและสถาบันการเงินของรัสเซีย พร้อมประกาศว่าจะร่วมมือกับเยอรมนีในการยกเลิกโครงการท่อส่งก๊าซ Nord Stream 2 ของรัสเซียด้วย
แปลและเรียบเรียงจาก