Skip to main content
sharethis

กลุ่มอนุรักษ์ป่าชุมชนเขาเหล่าใหญ่-ผาจันได ยื่นหนังสือถึงผู้ว่าฯ จ.หนองบัวลำภู ขอให้ตรวจสอบและชี้แจงข้อเท็จจริงกรณีขนย้ายสารเคมีตั้งต้นในการทำระเบิดจากโรงเก็บวัตถุระเบิด บริษัท ธ.ศิลาสิทธิ จำกัด หวั่นเกิดอันตรายในระหว่างการขนย้าย ก่อนหน้านี้มีการตกลงกันว่าก่อนเคลื่อนย้ายจะต้องแจ้งกลุ่มอนุรักษ์ฯ ด้วยทุกครั้ง

กลุ่มอนุรักษ์ป่าชุมชนเขาเหล่าใหญ่-ผาจันได แจ้งข่าวต่อสื่อมวลชนว่าเมื่อวันที่ 11 มี.ค. 2565 ชาวบ้านกลุ่มอนุรักษ์ป่าชุมชนเขาเหล่าใหญ่-ผาจันได ประมาณ 15 คน ได้เดินทางถึงศาลากลางจังหวัดหนองบัวลำภู เพื่อเข้ายื่นหนังสือต่อผู้ว่าราชการจังหวัดหนองบัวลำภู เรื่อง ขอให้ตรวจสอบและชี้แจงข้อเท็จจริงเรื่องการขนย้ายสารเคมีปุ๋ยแอมโมเนียมไนเตรทส่วนผสมประกอบทำวัตถุระเบิดออกจากโรงเก็บวัตถุระเบิด บริษัท ธ.ศิลาสิทธิ จำกัด โดยขณะที่ชาวบ้านกลุ่มอนุรักษ์ฯกำลังเดินขึ้นบันไดบริเวณด้านหน้าอาคารศาลากลางได้มีเจ้าหน้าที่จากสำนักงานปกครองจังหวัดหนองบัวลำภูเดินเข้ามาสอบถามว่าวันนี้มาติดต่อเรื่องอะไร ชาวบ้านกลุ่มอนุรักษ์ฯ ได้แจ้งต่อเจ้าหน้าที่ว่ามายื่นหนังสือกับผู้ว่าฯ และขอให้เปิดห้องประชุมเพื่อชี้แจ้งถึงข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็ได้แจ้งว่าผู้ว่าราชการจังหวัดหนองบัวลำภู รองผู้ว่าราชการจังหวัดหนองบัวลำภู และปลัดอำเภอเมืองหนองบัวลำภู ไปอบรมเชิงปฏิบัติการศูนย์กระจัดปัญหาความยากจนทุกช่วงวัย ที่จังหวัดขอนแก่น แต่จะให้เจ้าหน้าที่ศูนย์ดำรงธรรมเป็นตัวแทนมารับหนังสือ ชาวบ้านกลุ่มอนุรักษ์ฯ จึงแจ้งต่อเจ้าหน้าที่ว่าแม้วันนี้คณะผู้บริหารไม่อยู่แต่ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ทำการชี้แจงข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นและตอบคำถามในข้อสงสัยของชาวบ้านที่มาในวันนี้และเปิดห้องประชุม หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ก็ได้ทำการประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพร้อมทำการเปิดห้องประชุม

หลังจากที่ชาวบ้านกลุ่มอนุรักษ์ฯ และเจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย เจ้าหน้าที่จากสำนักงานปกครองจังหวัดหนองบัวลำภู เจ้าหน้าที่กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดหนองบัวลำภู เจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรจังหวัดหนองบัวลำภู เจ้าหน้าที่อุตสาหกรรมจังหวัดหนองบัวลำภู เจ้าหน้าที่สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดหนองบัวลำภู และเจ้าหน้าที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดหนองบัวลำภู ได้เข้ามาที่ห้องประชุมครบแล้ว นางสาวมนีนุด อุทัยเรือง ตัวแทนชาวบ้านกลุ่มอนุรักษ์ฯได้ทำการอ่านเนื้อหาในหนังสือก่อนยื่นต่อเจ้าหน้าที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดหนองบัวลำภู ซึ่งมีใจความว่า เมื่อวันที่ 9 มี.ค.65 ได้มีรถกระบะ 2 คัน และรถบรรทุกหกล้อ 1 คัน ขับเข้าไปในเขตโรงโม่หิน พร้อมทำการขนย้ายสารเคมีปุ๋ยแอมโมเนียมไนเตรทซึ่งเป็นส่วนผสมประกอบทำวัตถุระเบิดจำนวนหนึ่งออกจากโรงเก็บวัตถุระเบิดของบริษัทฯ โดยที่ไม่มีเจ้าหน้าที่หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามากำกับดูแล ซึ่งเมื่อกลุ่มอนุรักษ์ฯเข้าไปสอบถามรายละเอียดกลุ่มบุคคลที่ทำการขนย้ายก็ได้กล่าวอ้างว่าได้รับคำสั่งจากบริษัทและอำเภอให้เข้ามาขนย้ายเพื่อนำไปเก็บไว้ที่อำเภอ และ 10 มี.ค.65 รถกระบะ 2 คันเดิมก็ได้ขับเข้าไปในเขตโรงโม่อีกครั้งแต่ไม่มีการขนย้ายสารเคมีปุ๋ยแอมโมเนียมไนเตรทแต่อย่างใด ซึ่งเมื่อกลุ่มอนุรักษ์ฯและเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปสอบถามกลุ่มบุคคลก็กล่าวอ้างว่าเป็นพนักงานบริษัทฯเข้ามาตรวจพื้นที่และรอต้อนรับเจ้าหน้าที่ทหารที่จะเข้ามาตรวจสอบคลังเก็บระเบิดของบริษัทฯ พร้อมยื่นเอกสารใบอนุญาตมีซึ่งยุทธภัณฑ์ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ขอเบอร์เจ้าหน้าที่ทหารและโทรติดต่อสอบถามทราบว่าเจ้าหน้าที่ทหารกำลังเดินทางแต่จะไม่เข้าไปตรวจสอบ โดยให้เหตุผลว่าไม่ต้องการปะทะกับชาวบ้าน

นางสาวมนีนุดได้กล่าวเพิ่มเติมว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้กลุ่มอนุรักษ์ฯเกิดความกังวลใจถึงความปลอดภัยในขั้นตอนกระบวนการขนย้ายสารเคมีปุ๋ยแอมโมเนียมไนเตรทซึ่งอาจก่อให้เกิดอันตรายในระหว่างการขนย้าย นอกจากนี้กลุ่มอนุรักษ์ฯยังเกิดข้อสงสัยต่อกระบวนการขนย้ายสารเคมีปุ๋ยแอมโมเนียมไนเตรทออกจากพื้นที่ ดังนี้

1. การขนย้ายสารเคมีปุ๋ยแอมโมเนียมไนเตรทในครั้งนี้มีการรู้เห็นจากหน่วยงานของรัฐหรือไม่ เนื่องจาก (1) ได้มีการกล่าวอ้างว่าทางอำเภอให้เข้ามาขนย้ายสารเคมีปุ๋ยแอมโมเนียมไนเตรทออกจากโรงเก็บวัตถุระเบิด เพื่อนำไปเก็บไว้ที่อำเภอ (2) บุคคลที่เข้ามาขนย้ายสารเคมีปุ๋ยแอมโมเนียมไนเตรทมีกุญแจประตูเข้าโรงเก็บวัตถุระเบิด บริษัท ธ.ศิลาสิทธิ จำกัด และ (3) มีการนำเอกสารใบอนุญาตมีซึ่งยุทธภัณฑ์มาอ้างและกล่าวอ้างว่าจะมีเจ้าหน้าที่ทหารเข้ามาตรวจสอบคลังเก็บวัตถุระเบิด แต่เอกสารที่นำมาแสดงต่อกลุ่มอนุรักษ์ฯ และเจ้าหน้าที่ตำรวจก็เป็นเพียงใบอนุญาตครอบครอง ไม่ใช่ใบอนุญาตขนย้ายแต่อย่างใด

2. ทางจังหวัดหนองบัวลำภูและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนั้นได้ปล่อยปะละเลยให้มีการขนย้ายสารเคมีปุ๋ยแอมโมเนียมไนเตรทที่ใช้ในการผสมทำวัตถุระเบิดจำนวนมากออกจากพื้นที่โรงเก็บระเบิดโดยที่ไม่มีการกำกับดูแลของเจ้าหน้าที่ได้อย่างไร ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นถือเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบอย่างชัดเจน เพราะหากไม่มีการตรวจสอบจะทราบได้อย่างไรว่าที่เหลืออยู่มีจำนวนเท่าไหร่ ขนย้ายออกไปเท่าไหร่ มีการควบคุมความปลอดภัยหรือไม่

3. การประชุมเมื่อวันที่ 14 ธ.ค. 2564 ระหว่างกลุ่มอนุรักษ์ฯ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้มีการตกลงกันอย่างชัดเจนว่าหากมีการขนย้าย เคลื่อนย้าย หรือ ตรวจสอบข้อมูลในพื้นที่ต้องมีการแจ้งกลุ่มอนุรักษ์ฯ ด้วยทุกครั้ง เพื่อให้ชาวบ้านได้มีส่วนร่วม แต่ทางหน่วยงานก็ยังคงเพิกเฉยไม่ทำตามข้อตกลง

4. ความผิดของบริษัท ธ.ศิลาสิทธิ จำกัด ในการขนย้ายสารเคมีปุ๋ยแอมโมเนียมไนเตรทออกจากโรงเก็บวัตถุระเบิดสำเร็จแล้ว ทางจังหวัดต้องมีมาตรการลงโทษให้ชัดเจนเรื่องการขนย้ายสารเคมีซึ่งเป็นส่วนผสมในการทำวัตถุระเบิดออกจากพื้นที่ไม่ใช่เรื่องเล็ก หากเพิกเฉยไม่ดำเนินการเอาผิด กลุ่มอนุรักษ์ฯจะดำเนินการทางกฎหมายต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

ภายหลังจากการยื่นหนังสือชาวบ้านกลุ่มอนุรักษ์ฯ ก็ได้กล่าวถึงรายละเอียดเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันที่ 9 – 10 มี.ค. 2565 เพิ่มเติมต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้รับทราบ

ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรจังหวัดหนองบัวลำภูได้กล่าวว่า วันนี้มารับฟังไว้เพื่อจะได้นำไปเสนอผู้บังคับบัญชา เพื่อที่จะได้สอบถามในส่วนที่เกี่ยวข้องและรายละเอียด ไม่ว่าจะเป็น กลุ่ม EOD ที่รับผิดชอบในวัตถุระเบิด และจะได้วางระเบียบว่าจะดำเนินการยังไง ในวันนี้ขออนุญาตรับฟังข้อมูลเอาไว้ก่อน เจ้าหน้าที่ตำรวจก็อยู่ในพื้นที่และก็รับรู้แล้วในระดับหนึ่งก็จะได้เอาไปประกอบกันในส่วนของพื้นที่และจังหวัด ทางจังหวัดก็ยังไม่รู้ ตอนนี้ก็เป็นหน้าที่ของตำรวจในพื้นที่

ขณะที่เจ้าหน้าที่สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดหนองบัวลำภูก็ได้กล่าวว่า เรื่องของวัตถุระเบิดที่เอามาใช้ในเหมืองจะมีกฎหมายควบคุมอยู่ คือ พ.ร.บ.ยุทธภัณฑ์ ทางอำเภอและทางปลัดจังหวัดทำหน้าที่ดูแลเรื่องนี้อยู่ ต้องรอให้ทางศูนย์ดำรงธรรมทำเรื่องแล้วประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พิจารณาตามข้อกฎหมายไม่ว่าจะการครอบครองยุทธภัณฑ์ตัวนี้ในการที่จะขอขนย้ายต้องทำอะไรบ้าง ซึ่งที่มาตรงนี้ก็ไม่รู้ข้อกฎหมายต้องรอให้คนที่ดูข้อกฎหมายยุทธภัณฑ์มาชี้แจงว่าตามระเบียบการขอขนย้ายต้องแจ้งใครบ้าง ต้องรอให้ประสานก่อนและให้ฝ่ายเกี่ยวข้องมาชี้แจงในประเด็นนี้ ในเบื้องต้นทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะรับเรื่องไว้ก่อนและเจ้าหน้าที่จะมีการประสานหน่วยงานเพื่อหาวันในการมาประชุมพูดคุยกัน

ชาวบ้านกลุ่มอนุรักษ์ฯ จึงได้กล่าวว่าตอนนี้ค่อนข้างกังวลเพราะได้มีการขนย้ายเอาออกไปแล้วบางส่วน สิ่งที่ยังเหลือยู่จะจัดการยังไง ต้องมีมาตรการในการจัดการว่าสิ่งที่เหลืออยู่จะทำยังไง ในเมื่อยังไม่มีใครสามารถชี้แจงรายละเอียดได้เลยว่าที่เข้าไปขนเป็นการขนย้ายที่ถูกต้องหรือไม่ และที่เอาไปขนย้ายไปไว้ที่ไหน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับรู้เรื่องนี้ไหม บริษัทได้แจ้งกับหน่วยงานหรือไม่ และฝากให้เป็นกรณีเร่งด่วน ทางกลุ่มและชาวบ้านในบริเวณใกล้เคียงค่อนข้างห่วงกังวลต่ออันตรายที่จะเกิดขึ้น

ซึ่งเจ้าหน้าที่จากสำนักงานปกครองจังหวัดหนองบัวลำภู กล่าวว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่มาในวันนี้ก็เพื่อรับคำร้องขอของทางกลุ่ม ซึ่งวันนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่กำกับการอนุญาตการขนย้ายวัตถุระเบิดยังมาไม่ครบ มองว่าให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมารับทราบข้อมูลไว้และให้ไปหาวิธีการตรวจสอบข้อเท็จจริง ต้องให้ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาตอบข้อสอบถามของทางกลุ่ม เชิญผู้ว่าฯเป็นประธาน วันนี้ผู้บริหารของเราก็ไม่อยู่ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็ไม่สามารถตอบได้ทั้งหมด

ขณะที่เจ้าหน้าที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดหนองบัวลำภู ก็ได้กล่าวว่า หลังจากได้รับหนังสือวันนี้จะดำเนินการทำบันทึกและทำหนังสือเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แต่ยังไงก็ต้องรอทางผู้ว่าฯกลับมาจากการประชุมก่อน ถ้ามีความคืบหน้าหรือหนังสือออกแล้วจะโทรแจงทางกลุ่มว่าได้วันเวลาไหนและประชุมใด

การที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องบ่ายเบี่ยงที่จะตอบคำถามและข้อสงสัยของชาวบ้านกลุ่มอนุรักษ์ฯในวันนี้นั้น ยิ่งทำให้กลุ่มอนุรักษ์ฯเกิดคำถามมากยิ่งขึ้นว่าการขนย้ายสารเคมีปุ๋ยแอมโมเนียมไนเตรทออกจากโรงเก็บวัตถุระเบิดในครั้งนี้เป็นการขนย้ายแบบไม่ได้รับอนุญาตจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช่หรือไม่ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีส่วนรู้เห็นในกระบวนการขนย้ายหรือไม่ เพราะสารเคมีปุ๋ยแอมโมเนียมไนเตรทบางส่วนได้ถูกขนย้ายออกจากโรงเก็บวัตถุระเบิดเป็นที่เรียบร้อยแล้วโดยที่ไม่มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามากำกับดูแลขั้นตอนกระบวนการขนย้ายแม้แต่หน่วยงานเดียว อีกทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ก็ได้ทราบถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในพื้นที่แต่ก็ไม่มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องใดเข้ามากำกับดูแล ไม่มีมาตรการในการจัดการสารเคมีปุ๋ยแอมโมเนียมไนเตรทที่เหลืออยู่ในโรงเก็บวัตถุระเบิด หรือมาตรการในการติดตามสารเคมีปุ๋ยแอมโมเนียมไนเตรทที่ถูกขนออกไปแล้วว่าถูกขนย้ายไปไว้ที่ใด เปรียบเสมือนปล่อยเกียร์ว่างให้กลุ่มบุคคลที่อ้างตัวว่าเป็นพนักงานบริษัททำการเคลื่อนย้ายสารเคมีปุ๋ยแอมโมเนียมไนเตรทตามอำเภอใจ

ทั้งนี้ชาวบ้านกลุ่มอนุรักษ์ฯ ได้กล่าวทิ้งท้ายก่อนปิดประชุมว่าอยากให้ติดตามโดยเร่งด่วนและให้ตอบหนังสือกลับภายใน 7 วัน

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net