Skip to main content
sharethis

หลังจากผู้ว่าการรัฐเท็กซัสสั่งไต่สวนพ่อแม่ผู้ปกครองและบุคลากรการแพทย์ที่สนับสนุนเด็กและเยาวชนคนข้ามเพศให้เข้าถึงบริการสุขภาพ ผู้พิพากษาก็ตัดสินให้ระงับการใช้คำสั่งดังกล่าวชั่วคราวจนกว่าจะมีการพิจารณาเสร็จสิ้น ทำให้กลุ่มสหภาพแรงงานพยาบาลที่ใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ และกลุ่มสิทธิพลเมืองแสดงความยินดี โดยมองคำสั่งของผู้ว่าฯ เท็กซัสเป็นการกีดกันคนข้ามเพศที่เป็นเยาวชน ทำให้พวกเขาเสี่ยงต่อโรคซึมเศร้าและการฆ่าตัวตาย

(แฟ้มภาพ) ผู้สนับสนุนสิทธิ LGBT หน้าศาลสูงสหรัฐอเมริกาเมื่อ 28 เม.ย. 2558 (ที่มา: Ted Eytan)

กลุ่มสหภาพแรงงานพยาบาลในสหรัฐฯ ร่วมกับกลุ่มสิทธิพลเมืองแสดงความยินดีที่ผู้พิพากษาตัดสินสกัดกั้นไม่ให้รัฐเท็กซัสทำการไต่สวนพ่อแม่ผู้ปกครองของเด็กที่เป็นคนข้ามเพศ หลังจากที่ก่อนหน้านี้ผู้ว่าการรัฐเท็กซัสสังกัดพรรครีพับลิกัน เกร็ก แอ็บบอต สั่งให้มีการไต่สวนพ่อแม่ผู้ปกครองที่อนุญาตให้ลูกของตัวเองมีอัตลักษณ์เป็นคนข้ามเพศ

ในวันที่ 11 มี.ค. ที่ผ่านมา ผู้พิพากษา เอมี คลาก มีชัม ตัดสินในเชิงโต้แย้งแอ็บบอตว่าคำสั่งของแอ็บบ็อตที่ให้หน่วยงานด้านครอบครัวของเท็กซัสไต่สวนพ่อแม่ผู้ปกครองที่อนุญาตให้เด็กที่ต้องการข้ามเพศเข้าถึงบริการตามความเหมาะสมช่วงวัยของพวกเขาเองได้นั้น เป็นคำสั่งที่ "อยู่นอกเหนืออำนาจหน้าที่ของเขา(แอ็บบอต) และขัดต่อหลักรัฐธรรมนูญ"

มีชัมระบุว่าคำสั่งห้ามของศาลไม่ให้มีการไต่สวนพ่อแม่เด็กข้ามเพศมีผลบังคับใช้ทั่วสหรัฐฯ และจะยังคงส่งผลไปเรื่อยๆ จนกว่าศาลแขวง และอาจจะรวมถึงศาลอุทธรณ์ กับศาลสูงสุดของรัฐเท็กซัส พิจารณาคดีนี้เสร็จสิ้น

คำสั่งศาลล่าสุดนี้เกิดขึ้นหลังจากการฟ้องร้องตั้งแต่ต้นเดือนที่ผ่านมาโดยองค์กรสหภาพเสรีภาพพลเมืองอเมริกัน (ACLU) ซึ่งเป็นองค์กรด้านสิทธิพลเมืองและองค์กรแลมบ์ดาลีกัลซึ่งเป็นองค์กรด้านสิทธิพลเมืองที่เน้นทำงานเรื่อง LGBTQ+ ร่วมกันฟ้องร้องต่อต้านคำสั่งของแอ็บบอต

เซเนย์ ทรุนโฟ-คอร์เทซ ประธานสหภาพพยาบาลแห่งชาติสหรัฐฯ (NNU) แถลงแสดงความยินดีต่อเรื่องนี้ว่า นโยบายของแอ็บบอตเป็น "แผนการแฝงเจตนาร้าย" ที่ต้องการกีดกันคนข้ามเพศที่เป็นเยาวชนทั้งจากครอบครัวของพวกเขาเอง และจากผู้ให้บริการสุขภาพในเชิงสนับสนุนอัตลักษณ์ทางเพศ

ในแผนการกีดกันคนข้ามเพศของแอ็บบอตนั้นระบุสั่งให้ พยาบาล, แพทย์, ครูอาจารย์ และบุคคลอื่นๆ ที่อนุญาตให้เยาวชนเข้ารับบริการสุขภาพสนับสนุนอัตลักษณ์ทางเพศ ต้องไปรายงานตัวต่อทางการเท็กซัสมีไม่เช่นนั้นจะมีโอกาสถูกลงโทษทางอาญา

ทรุนโฟ-คอร์เทซ กล่าวว่า "มันอาจจะเป็นเรื่องง่ายที่จะมองการโจมตีแบบนี้ว่าเป็นแค่การเล่นเกมเอาชนะทางการเมือง และพวกเขาก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ แต่การโจมตีเช่นนี้ก็ยังคงนับว่าเป็นของจริงและเป็นภัยคุกคามร้ายแรงต่อ สุขภาพ การดำรงอยู่ และอนาคตของคนข้ามเพศ"

ทรุนโฟ-คอร์เทซ กล่าวอีกว่า การดำเนินคดีทางอาญาต่อพ่อแม่ผู้ปกครองที่สนับสนุนลูกหลานของตัวเอง ไม่ว่าพวกเขาจะเป็นคนข้ามเพศ ผู้มีเพศตรงตามเพศกำเนิด เป็นคนรักเพศเดียวกัน หรือเป็นคนรักต่างเพศ ต่างก็เป็นการละเมิดหลักจริยธรรมอย่างน่ารังเกียจไม่ว่าจะมองด้วยหลักจริยธรรมใดๆ ก็ตาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพูดถึงเรื่องการบริการสุขภาพที่มีโอกาสจะช่วยเหลือชีวิตคนได้อย่างบริการสุขภาพในเชิงสนับสนุนให้เยาวชนได้เป็นเพศของตัวเอง ซึ่งเรื่องนี้มีการพิสูจน์จากงานวิจัยมาแล้ว

ทรุนโฟ-คอร์เทซ ผู้ที่เป็นประธานสหภาพพยาบาลเธอบอกว่า "พยาบาลรู้ดีเกี่ยวกับความรับผิดชอบลำดับแรกสุดที่พวกเรามีต่อคนไข้ของพวกเรา คือการดูแลพวกเขา และคือการส่งเสริมพวกเขาตามที่มีหลักฐานรองรับ... มันแสดงให้เห็นว่าความรับผิดชอบของนักการเมืองเหล่านี้มีอยู่ที่อื่น นั่นทำให้พวกเรายินดีกับคำตัดสินในวันนี้"

เคน แพกซ์ตัน อัยการสูงสุดของรัฐเท็กซัส ผู้ที่สนับสนุนมาตรการกีดกันเยาวชนข้ามเพศของแอ็บบอตอ้างว่าการให้เยาวชนสามารถเข้าถึงบริการสุขภาพทางเพศได้ถือเป็น "การทารุณต่อเด็ก" และเขาได้ยื่นอุทธรณ์ในกรณีคำตัดสินของมีชัมที่ยับยั้งคำสั่งนี้

แต่ประสบการณ์ของพ่อแม่ผู้ปกครองเด็กข้ามเพศนั้นเป็นไปในทางตรงกันข้าม จากตัวอย่างคำให้การของคุณแม่รายหนึ่งระบุว่า ลูกของเธอเคยพยายามฆ่าตัวตายตอนอายุได้ 12 ปี หลังจากที่เขาเปิดเผยตัวเองว่าเป็นคนข้ามเพศ และระบุว่า "เด็กๆ จะตายเพราะคำสั่งของผู้ว่าฯ แอ็บบอต"

เคยมีงานวิจัยออกมาก่อนหน้านี้ในปี 2564 ระบุว่าการให้เด็กหรือเยาวชนที่เป็นคนข้ามเพศหรือเป็นนอนไบนารีสามารถเข้าถึงบริการสุขภาพเช่นการรับฮอร์โมนเพศได้นั้นสามารถลดความเสี่ยงการฆ่าตัวตายและโรคซึมเศร้าได้ ซึ่งงานวิจัยในครั้งนี้ทำการศึกษาโดยมีกลุ่มตัวอย่างคนข้ามเพศและนอนไบนารีที่มีอายุระหว่าง 13-24 ปี มากกว่า 9,000 ราย มีผู้จัดทำงานวิจียคือ โครงการเทรเวอร์ ซึ่งเป็นหน่วยงานป้องกันการฆ่าตัวตายกลุ่มเยาวชน LGBTQ+

อีกทั้งในปี 2563 ยังมีงานวิจัยที่ชิ้นหนึ่งจากมหาวิทยาลัยแพทย์ฮาร์วาร์ด นำโดยนักจิตเวชวิทยา แจ็ค เทอร์บาน ทำการสำรวจเยาวชนคนข้ามเพศถึง 20,619 ราย ระบุว่าคนที่อยากเข้ารับบริการสุขภาพสำหรับคนข้ามเพศแต่ไม่สามารถเข้าถึงได้มีความคิดอยากฆ่าตัวตายถึงร้อยละ 90 เมื่อพวกเขาโตเป็นผู้ใหญ่ แต่กลุ่มคนที่สามารถเข้าถึงบริการสุขภาพเกี่ยวกับการข้ามเพศได้มีความคิดอยากฆ่าตัวตายลดลงอย่างมีนัยสำคัญ

สาเหตุที่บริการสุขภาพเพื่อคนข้ามเพศมีความสำคัญเพราะมันช่วยทำให้ลดความทุกข์หรือคับข้องใจในเพศสภาพ (gender dysphoria) ของเยาวชนคนข้ามเพศได้ ทำให้สุขภาพจิตของคนข้ามเพศดีขึ้น และมีโอกาสช่วยชีวิตคนข้ามเพศได้

ไบรอัน โคลสเตอร์โบเออร์ ทนายความของ ACLU เท็กซัสแถลงว่าคำตัดสินของมีชัมทำให้เยาวชนคนข้ามเพศในเท็กซัสเบาใจได้บ้างแต่พวกเขาก็จะยังไม่หยุดต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชนของครอบครัวที่มีคนข้ามเพศ

โคลสเตอร์โบเออร์ระบุถึงกระบวนการศาลก่อนการตัดสินว่า กลุ่มพยานที่มีทั้งกลุ่มผู้ปกครองที่ถูกโจมตีจากคำสั่งของแอ็บบอต ผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ และผู้บริหารของหน่วยงานคุ้มครองเด็กเท็กซัส ต่างก็ให้การด้วยความกล้าหาญและเปี่ยมไปด้วยความรู้สึกเกี่ยวกับว่าคำสั่งของแอ็บบอตนับเป็นที่ "คำสั่งผิดกฎหมาย" เป็นคำสั่งที่สร้างความกลัวและเป็นอันตรายอย่างไรบ้าง

"เยาวชนคนข้ามเพศทุกคนสมควรได้ใช้ชีวิตอย่างอิสระโดยได้เป็นตัวเองอย่างแท้จริง" โคลสเตอร์โบเออร์กล่าว

เรียบเรียงจาก

Nurses Celebrate Decision Blocking 'Insidious' Texas Probes Into Parents of Trans Kids, Common Dreams, 12-03-2022

Puberty blockers linked to lower suicide risk for transgender people, NBC News, 25-01-2020

Hormone therapy linked to lower suicide risk for trans youths, study finds, NBC News, 15-12-2021

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net