เพจ iLaw รายงานว่าเมื่อวันที่ 19 มี.ค. 2565 เวลา 16.00 น. ที่หน้าสถานทูตรัสเซีย กลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย, กลุ่มสังคมนิยมแรงงาน, กลุ่มโมกหลวงริมน้ำ และชาวยูเครนในไทย จัดกิจกรรมเพื่อแสดงจุดยืนต่อต้านสงคราม และขอให้รัสเซียถอนกำลังทหารออกจากยูเครน
โดยในวันนี้มีชาวยูเครนในไทย และชาวไทยมาร่วมกิจกรรมประมาณมากกว่า 30 คน รวมถึงนักกิจกรรมอย่างสมยศพฤกษาเกษมสุข, เมนู หรือ สุพิชฌาย์ ชัยล้อมและ แซม สาแมท
รูปแบบกิจกรรมในวันนี้เช่นเดียวกับครั้งก่อนคือการยืนเรียงแถวบนฟุตบาทตรงข้างสถานทูตรัสเซีย พร้อมถือป้ายข้อความเช่น “Stop war”, ธงยูเครน รวมถึงรูปภาพเหตุการณ์สงคราม และมีการสลับกันขึ้นปราศรัยของคนไทย และคนยูเครนบนรถขึ้นเสียง
อีกทั้งมีการพ่นสีเสปรย์ลงบนพื้นถนน ข้อความเช่น “stop war”, “DOWN with PUTIN” และ Save UKRAINE ส่วนฝั่งหน้าสถานทูตรัสเซียมีพระวิชาญ ตัวแทนจาดสภาประชาชน สภาพระภิกษุสงฆ์และพุทธบริษัทสี่แห่งชาติ สถาบันประชาธิปไตยแห่งชาติและนานาชาติ นั่งสวดมนต์และกล่าวถึงการยุติสงครามในยูเครน พร้อมตีระฆังในระหว่างกิจกรรม โดยมีพระภิกษุและแม่ชี ทั่งหมด 7 รูป โดยหลังยุติการชุมนุม พระวิชาญประกาศอดอาหารต่อต้านสงครามในยูเครน
ในวันนี้เจ้าหน้าที่มีการปิดจการจราจร 1 เลน
ในช่วงเย็นมีการฉายโปรเจคเตอร์บนกำแพงสถานทูตรัสเซีย ถึงเหตุการณ์ความรุนแรงและภาพข่าวสงครามของประเทศยูเครน ต่อมามีการนำรูปภาพวลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซียออกมาเผาที่หน้ารถเครื่องเสียงจำนวน 2 ภาพ
“เราเป็นตัวแทนจากประเทศไทยที่ไม่ต้องการสงครามและไม่ต้องการเผด็จการ” ตัวแทนคนไทยได้กล่าวถึงกิจกรรมวันนี้
เอเรียน่า ตัวแทนชาวยูเครน กล่าวขอบคุณชาวไทยที่สนับสนุนชาวยูเครน และให้ข้อมูลที่ถูกต้องเกี่ยวกับสถานการณ์สงครามที่กำลังเกิดขึ้น
ซึ่งเป็นเวลากว่า 24 วันแล้วที่กองทัพรัสเซียบุกบ้านของเรา จังหวัดที่วิกฤติที่สุดคือจังหวัดเมลิโทโปล ซึ่งถูกตัดความช่วยเหลือ ทำให้มีเด็กตายจากสงครามอย่างน้อย 110 คน
การโจมตีปัจจุบันเป็นการโจมตีทางอากาศ นั่นจึงเป็นสาเหตุที่เราเรียกร้องให้ NATO มีการปิดน่านฟ้ารวมถึงเรียกร้องให้การตัดความสัมพันธ์ทุกรูปแบบจากประเทศรัสเซีย และเราต้องให้กองทัพทหารรัสเซียถอนกำลัง ชาวยูเครนกว่า 9 ล้านคนต้องอพยพเพื่อหาที่อยู่ที่ปลอดภัย
“เราขอบคุณทุกท่านที่มารวมตัวกันและสนับสนุนชาวยูเครน คุณสามารถมองดูภาพข้างล่างนี้เพื่อทราบถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทุกวันนี้ชาวยูเครนตื่นขึ้นมาต้องพยายามติดต่อญาติพี่น้องที่อยู่ในยูเครนว่ายังมีชีวิตหรือไม่ นี่คือกิจวัติประจำวันที่เราต้องเจอ”
๐ ตัวแทนชาวยูเครนในไทยคนที่สอง กล่าวขอบคุณทุกคนที่ออกมาร่วมกันในวันนี้ และการโฆษณาชวนเชื่อของประเทศรัสเซียที่ว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นในยูเครนนั้นไม่เป็นเรื่องจริง
“สิ่งที่เราต้องการคืออยากให้กองทัพชาวรัสเซียออกจากประเทศเรา ประเทศยูเครน
ตอนนี้มีชาวยูเครนอย่างน้อย 9 ล้านคนที่ต้องอพยพออกไปหาที่ปลอดภัยเช่นประเทศข้างเคียง
ก่อนวันที่ 24 กุมภา ก่อนจะมีสงคราม เรามีทิวทัศน ที่สวยงาม เราอยากเชิญชวนทุกคนให้มาเยี่ยมเยียนประเทศยูเครนถ้ายังไม่เกิดเหตุการณ์นี้
ในปัจจุบันมีเด็กยูเครนหลายคนที่เสียชีวิตเพราะยังไม่มีน้ำดื่ม และนี่เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในประเทศยูเครน
ในปี 2565ทางรัสเซียอ้างว่าจะสร้างระเบียงสีเขียวหรือพื้นที่ในการอพยพ แต่ในพื้นที่ระเบียงสีเขียวนั้นมีแต่ระเบิดที่ซ่อนเอาไว้ใต้พื้นดิน
อุ๊ ขึ้นปราศรัยกล่าวว่าที่ผ่านมาสงครามไม่ว่าจะเกิดขึ้นครั้งไหนๆมีแต่นำไปสู่ความเสียหาย เราสูญเสียภูมิภาคประชากรมากมายในสงคราม ที่เป็นบาดแผล ที่จำเป็นต้องคำนึงถึงพลเมืองเด็ก ซึ่งมีจำนวนเสียชีวิตไม่น้อยกว่า100คน
อนุสัญญาสิทธิเด็ก1989 ที่ประชาคมโลกร่วมลงนาม อาชญากรสงครามไม่เคยเห็นถึงทรัพยากรมนุษย์ แต่สิ่งที่จะเป็นบาดแผล คือเด็กที่กำลังต้องเกิดและเติบโตในแผ่นดินยูเครน
เธอเสริมว่า สันติภาพไม่ใช่เรื่องเพ้อฝัน แต่มวลมนุษยชาติล้วนฝันถึงสันติภาพ เห็นได้จากคอนเสิร์ตWoodstock 1969 ที่มีสโลแกนว่า Peace Love No War ท่ามกลางสงครามเย็น และสงครามเวียดนาม
วันนี้เราขอให้รัสเซียยุติการรุกรานยูเครนและขอให้สันติภาพเกิดในแผ่นดินยูเครน
แถลงการณ์ประชาชนไทยต่อต้านการรุกรากยูเครนของรัสเซีย
รัสเซียได้เริ่มบุกยูเครนตั้งแต่วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2565 เป็นต้นมา ปฏิบัติการทางทหารโดยเฉพาะอย่างยิ่งคือการยิงกระสุนปืนใหญ่และการโจมตีทางอากาศไม่เพียงแต่ทำลายเป้าหมายทางการทหาร หากแต่ยังสร้างความเสียหายให้กับบ้านเรือนและสาธารณูปโภคพื้นฐานในเมืองสำคัญหลายเมือง อีกทั้งยังคร่าชีวิตพลเรือนบริสุทธิ์ไปหลายพันชีวิตโดยเฉพาะผู้หญิงและเด็ก นอกจากนี้ แม้กองทัพยูเครนจะต่อสู้อย่างกล้าหาญ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งคือประชาชนชาวยูเครนจำนวนมากได้ร่วมต่อสู้เพื่อปกป้องประเทศของตนอย่างไม่หวั่น ทว่าชาวยูเครนกว่าสามล้านคนได้ลี้ภัยสงครามไปยังประเทศต่างๆ ขณะที่รัสเซียก็ยังคงเดินหน้ารุกรานยูเครนแม้จะมีเสียงประณามจากทั่วโลก
ไม่ว่ารัสเซียจะพยายามหาเหตุผลมาสนับสนุนการรุกรานยูเครนของตนอย่างไร ก็ไม่สามารถเป็นที่ยอมรับได้ เนื่องจากการรุกรานยูเครนของรัสเซียเป็นการฝ่าฝืนกฎหมายระหว่างประเทศและกฎหมายมนุษยธรรม และเป็นการละเมิดกฎบัตรสหประชาติที่ห้ามไม่ให้ประเทศสมาชิกใช้กำลังรุกล้ำอำนาจอธิปไตย บูรณภาพเหนือดินแดน และอิสรภาพทางการเมืองของรัฐใดก็ตาม โดยเฉพาะในกรณีนี้ที่ยูเครนไม่ได้เป็นภัยคุกคามความมั่นคงของรัสเซีย ซึ่งแข็งแกร่งกว่าและมีอาวุธยุทโธปกรณ์มากกว่า การรุกรานยูเครนของรัสเซียจึงเป็นการกระทำที่ไร้ศีลธรรมและไม่สามารถอ้างความชอบธรรมใดได้ เป็นการกระทำที่ทำลายสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาคและในโลก อีกทั้งยังเป็นภัยคุกคามประชาธิปไตย เสรีภาพ และสิทธิมนุษยชน
เรา ประชาชนชาวไทย ขอประณามรัสเซียที่รุกรานยูเครน โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือการโจมตีพลเรือน บ้านเรือน และสาธารณูปโภคพื้นฐาน เราเรียกร้องให้รัสเซียยุติปฏิบัติการทางทหารทั้งหมดโดยทันที ให้ถอนกำลังทหารออกจากพื้นที่ทั้งหมดของยูเครน และหวนคืนสู่โต๊ะเจรจาทางการทูตเพื่อคลี่คลายข้อพิพาท เราขอให้สหประชาชาติแสดงบทบาทในการคลี่คลายความขัดแย้งผ่านช่องทางการทูต และเรียกร้องให้ฝ่ายที่สามโดยเฉพาะอย่างยิ่งคือนาโตแก้ปัญหาข้อพิพาทอย่างเร่งด่วน ให้ถอนกำลังทหารต่างชาติทั้งหมดออกจากยูเครน และให้มีการสร้างกลไกใหม่ที่ตอบสนองความต้องการของประชาชนได้ดีกว่า ป้องกันสงครามได้มีประสิทธิภาพกว่า รวมทั้งยึดมั่นในเสรีภาพและสิทธิมนุษยชน
เรายืนเคียงข้างประชาชนชาวยูเครนด้วยความสมานฉันท์และเห็นอกเห็นใจ ที่ชีวิต เสรีภาพ และศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของพวกเขาถูกคุกคามมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี พ.ศ. 2557 ตลอดจนทุกคนที่ได้รับผลกระทบจากความขัดแย้งนี้ เราขอแสดงความเสียใจไปยังทุกคนที่สูญเสียบุคคลอันเป็นที่รัก คนที่ได้รับบาดเจ็บทุพพลภาพ ตลอดจนคนที่สูญเสียทรัพย์สินจากการรุกรานของรัสเซีย เราชื่นชมและสนับสนุนประเทศสมาชิกสหภาพยุโรปที่เปิดรับผู้ลี้ภัยชาวยูเครนเรายืนเคียงข้างประชาชนชาวรัสเซียที่ไม่เห็นด้วยกับการรุกรานและเรียกร้องสันติภาพทว่ากลับถูกกดปราบและจับกุมโดยเจ้าหน้าที่ และเรายืนเคียงข้างผู้คนทั่วโลกที่จะหยุดสงครามที่อยุติธรรมนี้
เรายืนยันว่าประชาชนในรัสเซียและประเทศอื่นทุกประเทศจะต้องสามารถเลือกระบบการเมืองของตนรวมถึงความสัมพันธ์ภายในภูมิภาคและในโลกได้อย่างอิสระ สงครามไม่ใช่คำตอบ ความขัดแย้งจะคลี่คลายได้ก็ด้วยวิธีการที่สันติเท่านั้น
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)