Skip to main content
sharethis
  • 5 องค์กรสิทธิฯ จัดเวทีเสวนา "ผู้หญิงกับความยุติธรรม : การต่อสู้ไม่สิ้นสุด” ระบุทุกคนมีสิทธิเป็นเหยื่อความรุนแรงโดยรัฐ วอนสังคมอย่าเงียบเฉย ซัดรบ.ลอยนวลพ้นผิด ไม่เคยขอโทษเหยื่อความรุนแรง
  • 'อังคณา' ปูดรัฐบาลประยุทธ์ได้ทีเป่า 12 เคสบุคคลสูญหายออกจากลิสต์สหประชาชาติ 
  • มึนอ 'ภรรยาบิลลี่' ถามไม่เชื่อนิติวิทยาศาสตร์แล้วโลกนี้ยังเชื่ออะไรได้อีก
  • ขณะที่ด้วยใจรักและครอบครัว 'ชัยภูมิ' ยังเดินหน้าตามหาความยุติธรรม 
  • ส่วน 'พะเยา อัคฮาด' ลั่นเปิดหน้าสู้กองทัพ-รบ.ประยุทธ์ ทวงความยุติธรรมให้ลูกสาว 'เบญจา' ส.ส.ก้าวไกลจี้รัฐคืนความยุติธรรมให้ครอบครัวผู้เสียหาย

28 มี.ค.2565 ผู้สื่อข่าวได้รับรายงานจากทีมสื่อสารของ Protection International หรือ PI ว่า เมื่อวันที่ 27 มี.ค.ที่ผ่านมาที่หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร ทาง PI กลุ่มดินสอสี กลุ่มด้วยใจรัก  และลานยิ้มการละคร ร่วมกันจัดเวทีเสวนา จากบิลลี่ถึงชัยภูมิ สู่ ผู้หญิงนักปกป้องสิทธิมนุษยชน “Woman : Unfinished Justice ผู้หญิงกับความยุติธรรม: การต่อสู้ไม่สิ้นสุด” โดย ตัวแทนผู้หญิงที่ต่อสู้เพื่อความยุติธรรมและสร้างสรรค์สังคมในด้านต่างๆ  ได้แก่ อังคณา นีละไพจิตร ผู้หญิงนักปกป้องสิทธิมนุษยชน ภรรยาทนายสมชาย นีละไพจิตร ผู้ถูกอุ้มหายบนถนนกลางกรุงเทพฯ ยุพิน ซาจ๊ะ ผู้หญิงนักปกป้องสิทธิฯจากกลุ่มด้วยใจรัก ตัวแทนครอบครัวชัยภูมิ ป่าแสผู้ถูกทหารวิสามัญฆาตกรรมที่ด่านรินหลวง อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ พิณนภา พฤกษาพรรณ ผู้หญิงนักปกป้องสิทธิ ภรรยาบิลลี่ พอละจี รักจงเจริญ ผู้สูญหายไปหลังจากถูกหัวหน้าและเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน จ.เพชรบุรี ควบคุมตัว พะเยาว์ อัคฮาด ผู้หญิงนักปกป้องสิทธิมารดา กมนเกด อัคฮาด พยาบาลอาสาที่เสียชีวิตขณะปฏิบัติหน้าที่ในการดูแลผู้บาดเจ็บในเหตุการณ์การชุมนุมทางการเมือง ปี 2553 และ ฐปนีย์ เอียดศรีไชย สื่อมวลชนที่เผยแพร่เรื่องราวสิทธิมนุษยชนและเรียกร้องความยุติธรรมให้กับโรฮิงญา เบญจา แสงจันทร์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ร่วมในเวที 

ปรานม สมวงศ์ จาก Protection International ในฐานะตัวแทนผู้จัดงานและผู้ดำเนินรายการกล่าวว่า  เดือนนี้เป็นเดือนวันสตรีสากลและงานนี้จัดขึ้นเพื่อให้ผู้หญิงนักปกป้องสิทธิมนุษยชนในฐานะผู้เป็นแม่ พี่สาว ภรรยา คนดูแล ฯลฯ ที่ยังคงตามหาความยุติธรรมที่ยังไม่เกิดขึ้นกับคนที่รักที่จากไปหรือสูญหายไปจากการกระทำของรัฐทั้งโดยตรงและโดยอ้อม แม้เรื่องราวจะผ่านมาหลายปีและความยุติธรรมยังไม่ปรากฏ วัฒนธรรมลอยนวลพ้นผิดก็ยังคงอยู่แต่ผู้หญิงเหล่านี้ยืนหยัดที่จะสู้กับความยุติธรรมที่ยังไม่สิ้นสุด และผู้หญิงเหล่านี้ยังคงยืนหยัดที่เรียกร้อง เพรียกหา และพร้อมต่อสู้ให้ได้ความยุติธรรมเพราะฉะนั้นพวกเธอเหล่านี้เป็นตัวแทนกระบอกเสียงของผู้หญิงคนเล็กคนน้อยอีกมาที่ไม่สิ้นสุดกำลังใจและพลังในการปกป้องสิทธิมนุษยชนและต่อสู้ให้ได้มาซึ่งความยุติธรรมทั้งของตนและผู้อื่นในสังคม พวกเธอเหล่านี้เป็นผู้บุกเบิกนวัตกรรมทางความยุติธรรมที่จับต้องได้ให้เป็นจริง และนี่คือที่มาของงาน “Woman : Unfinished Justice ผู้หญิงกับความยุติธรรม: การต่อสู้ไม่สิ้นสุด”

อีกทั้งเดือนมีนาคม เป็นเดือนแห่งการรำลึกถึง รำลึกครบรอบ 18 ปีอุ้มหาย ทนายสมชาย นีละไพจิตร ทนายความสิทธิมนุษยชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ และรำลึกครบรอบ 5 ปี ชัยภูมิ ป่าแส นักกิจกรรมเยาวชนนักปกป้องสิทธิมนุษยชนลาหู่ ที่ถูกเจ้าหน้าที่ทหารที่ด่านบ้านรินหลวง อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ วิสามัญฆาตกรรม ที่แม้เวลาผ่านไปเนิ่นนานแล้วกระบวนการยุติธรรมก็ยังไม่สามารถนำผู้กระทำผิดมาลงโทษได้ในทั้งสองกรณี รวมถึงเดือนมีนาคมนี้ยังเป็น “วันสตรีสากล” ที่รำลึกถึงการต่อสู้ของขบวนการแรงงานหญิงและผู้หญิงจากทั่วโลก

'อังคณา' เหยื่อไม่ใช่คนที่ถูกฆ่าหรือถูกอุ้มหายแต่เหยื่อคือคนที่อยูข้างหลัง และเหยื่อก็จะมีความเปราะบางมากขึ้นไปอีกเมื่อคนเหล่านั้นคือผู้หญิง

ขณะที่อังคณา กล่าวว่า ถ้าถามว่าผ่านมาได้อย่างไร 18 ปี ถ้าอายุความเรื่องการฆาตกรรมอีกสองปีก็หมดอายุความแล้ว การต่อสู้ไม่ว่าคุณจะต่อสู้สักแค่ไหนถึงเวลามันก็จะถูกทำให้ยุติ และในฐานะของเหยื่อตนอยากจะบอกว่า อันที่จริงแล้วเหยื่อไม่ใช่คนที่ถูกฆ่าหรือถูกอุ้มหายแต่เหยื่อคือคนที่อยูข้างหลัง และเหยื่อก็จะมีความเปราะบางมากขึ้นไปอีกเมื่อคนเหล่านั้นคือผู้หญิง อาจจะเป็นกลุ่มชาติพันธุ์ เป็นคนที่ไม่ได้มีสถานะทางสังคม ไม่ได้ฐานะร่ำรวยไม่ได้มีการศึกษาสูง และหากสังเกตุผู้หญิงทั้ง 4 คนในเวทีนี้ทั้งหมดก็เป็นเหยื่อของการละเมิดสิทธิมนุษยชนโดยเจ้าหน้าที่รัฐ การที่เราเป็นเหยื่อยิ่งทำให้เกิดความซับซ้อนในการที่เราจะเข้าถึงความยุติธรรมมากขึ้นไปอีก ที่ผ่านมามีความพยายามช่วยเหลือจากรัฐด้านการเงิน แต่เป็นการที่โยนเงินให้และขอให้จบ ทั้งนี้เหยื่อทุกคนสิทธิ์ที่จะรับทราบความจริง เพราะผู้หญิงที่ครอบครัวถูกอุ้มหายชีวิตจะอยู่กับความคลุมเครือ ไม่ใช่แค่ใครสักคนหายไป ความคลุมเครือเหล่านี้ตามหลอกหลอนคนในครอบครัวทุกคน แต่คนที่ไม่เคยถูกคุกคามก็จะคิดว่าทำไม ไม่ยอมจบ รับเงินแล้วก็อยู่เงียบๆ แต่ชีวิตมันไม่ได้ง่ายขนาดนั้น

อังคณา กล่าวว่า ทั้งนี้จะได้ยินเหยื่อพูดซ้ำอยากให้เป็นกรณีสุดท้าย ซึ่งเป็นไปไม่ได้ หากผู้ทำผิดยังคงลอยนวล คนที่อุ้มทนายสมชาย คนที่เกี่ยวกับการเสียชีวิตของกมนเกด ชัยภูมิ หรือบิลลี่ ทุกคนก็ยังอยู่ละมีหน้ามีตาในสังคม คนที่เกี่ยวข้องกับการละเมิดสิทธิ์เหล่านั้นหลายคนยังรับราชการที่สูงขึ้น โดยไม่ได้ใส่ใจว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับครอบครัวหนึ่ง ชุมชน และสังคมทำให้เกิดแรงกระเพื่อมแค่ไหน  ผู้หญิง 4 คนบนเวทีนี้สิ่งที่ทุกคนต้องเจอเหมือนกันคือการคุกคาม เรามานั่งตรงนี้หลายท่านอาจจะไม่ทราบว่าเราผ่านอะไรมาบ้าง การคุกคามมีหลายรูปแบบ ทั้งการใช้กฎหมาย การดำเนินคดี การตั้งหาร้ายแรงซึ่งหลายคนยังเผชิญอยู่  สิ่งเหล่านี้ไม่มีวันหมดไปหากเจ้าหน้าที่ยังลุแก่อำนาจ ในขณะที่สังคมยังนิ่งเฉย ความเจ็บปวดที่ครอบครัวหลายๆ ครอบครัวต้องเผชิญนั้นมันยังไม่เท่ากับการที่สังคมเงียบ ไม่ตั้งคำถามและปล่อยให้มันผ่านเลยไป

อังคณา ยังกล่าวอีกว่า ในเรื่องการทำให้บุคคลสูญหายที่ผ่านมามีคนส่งกรณีของบิลลี่ไปที่สหประชาชาติ โดยวิธีการตรวจสอบเขาก็ส่งเรื่องกลับมาที่รัฐบาลไทย ซึ่งความพยายามที่รัฐบาลประยุทธ์ จันทร์โอชาทำคือพยายามลดจำนวนคนที่สูญหาย โดยกรณีบุคคลถูกบังคับให้สูญหายไทยอยู่ในอันดับ 3 ของอาเซียน รองจากฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย  ซึ่งตัวเลขของรัฐบาลไทยไม่มีจำนวนที่แน่ชัด เพราะไม่เคยให้ความสำคัญ แต่รายชื่อปรากฏในสหประชาชาติ  แต่เมื่อไรก็ตามที่ญาติเชื่อว่าได้ทราบที่อยู่และชะตากรรม เขาจะถือว่าการบังคับสูญหายสิ้นสุด นับเป็นการเสียชีวิตและนับอายุความ กรณีดีเอสไอเจอกระดูกบิลลี่ รัฐบาลก็ดีใจส่งเรื่องไปสหประชาชาติและขอลบกรณีบิลลี่ออก  อีกทั้งมีการลบกรณีอื่นออกได้รวม 12 กรณี ถอนชื่อบุคคลสูญหายออกบัญชีของสหประชาชาติ รัฐบาลโน้มน้าวให้ญาติถอนเชื่อออก และญาติต้องจำยอม

“การที่ใครสักคนจะขึ้นมายืนอยู่ตรงนี้ และทำเพื่อคนอื่นได้เป็นระยะเวลานานหลายปีไม่ใช่เรื่องง่าย หลายมือที่สนับสนุนและลมใต้ปีกเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้เราทะยานไปได้และไม่ตกลงมา ชีวิตที่เกิดขึ้นกับผู้หญิงทุกคนในที่นี้ ไม่ใช่ชีวิตที่เราเลือก วันหนึ่งอาจไม่ใช่แค่เราแต่เป็นใครก็ได้ที่อยู่ข้างนอก ทุกคนสามารถเป็นเหยื่อได้ ถ้าเราไม่สามารถเลิกวัฒนธรรมกับพ้นผิดลอยนวลได้ เรื่องความยุติธรรมเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่ รัฐบาลไม่ว่ายุคไหนสมัยไหนก็เป็นรัฐที่ไร้ยางอางในการรับผิด หรือรับผิดชอบในสิ่งที่ได้ทำไป ทั้งกรณีเสียชีวิตในเหตุการณ์พฤษภา 2553 ไม่เคยมีคำขอโทษครอบครัวผู้เสียชีวิต และบาดเจ็บ ผู้พิการ รวมทั้งกรณีความรุนแรงภาคใต้ หรือกรณีพฤษภาทมิฬปี 2535 หรือกรณีอื่นๆ  ไม่เคยมีใครต้องรับโทษ สิ่งเหล่านี้หมักหมมในประเทศไทยมานาน เสียงเรียกร้องจากทุกท่านมีความสำคัญ ในการที่จะส่งสาส์นไปถึงรัฐบาลว่าสิ่งเหล่านี้ต้องไม่เกิดขึ้นอีก  ความหวังจึงอยู่ที่สังคมที่ต้องไม่หยุดและไม่เหนื่อยที่จะพูดเพื่อปกป้องคนรุ่นหลังต่อไป”อังคณากล่าว

ตัวแทนครอบครัว 'ชัยภูมิ' เผยเวลาผ่านไปห้าปีแล้วแต่ความยุติธรรมยังไม่เกิดกับกรณีของชัยภูมิ

ยุพิน กล่าวว่า  เวลาผ่านไปห้าปีแล้วแต่ความยุติธรรมยังไม่เกิดกับกรณีของชัยภูมิ ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาว่าทหารที่ยิงชัยภูมิไม่ต้องรับผิดเพราะเป็นการป้องกันตัว แต่หลักฐานของฝ่ายเราคือกล้องวงจรปิด ไม่ถูกนำมาพิจารณาในชั้นศาล และศาลก็ไม่เยียวยาครอบครัวชัยภูมิ ปฏิเสธการเยียวย้ำซ้ำแล้วซ้ำอีก คนที่ทำผิดและยังไม่ได้รับการลงโทษและคำขอโทษคำเดียวก็ไม่มีให้แม่ของชัยภูมิ สมควรแล้วหรือที่แม่คนหนึ่งที่ต่อสู้เพื่อความยุติธรรมต้องได้รับ กลุ่มของตนยังเรียกร้องให้อีกคนหนึ่งคือ  นาหวะ จะอื่อ ผู้ดูแลชัยภูมิ ที่ถูกจับและใช้ชีวิตในเรือนจำ 300 กว่าวัน โดยไม่มีหลักฐานอะไรเลย ศาลยกฟ้องปล่อยตัวออกมา แต่รัฐยังปฏิเสธการเยียวยา ความยุติธรรมที่เราเรียกร้องให้ชัยภูมิ และนาหวะ  ยังไม่เกิดขึ้น และในเส้นทางการเรียกร้องความยุติธรรมครอบครัวของเราก็ถูกข่มขู่คุกคาม ถึงชีวิต ร่างกาย จิตใจ โดยใช้กฎหมายมากมาย เราพูดซ้ำแล้วซ้ำอีกและก็เจ็บจากการที่ไม่ได้รับความยุติธรรมจากรัฐ และยังถูกตราหน้าและดูถูกเหยียดหยามศักดิ์ศรีความเป็นคน  การทำความจริงให้ปรากฏมันยากนักหรือ อยากถามรัฐว่าอยากให้คนจดจำแบบไหน  อยากให้จดจำว่าใช้อำนาจโดยชอบธรรมหรือใช้อำนาจทำลายผู้บริสุทธิ์ในกระบวนการยุติธรรม  ความยุติธรรมเกิดขึ้นกับคนมีเงินอย่างเดียว แต่คนรากหญ้าไม่มีสิทธิ์หรือ 

ยุพิน ตัวแทนครอบครัว 'ชัยภูมิ' 

“ยังมีช่องทางให้เดินเราก็ยังมีความหวังว่าจะได้รับความยุติธรรม ความยุติธรรมต้องเกิดกับครอบครัวของชัยภูมิและอีกหลายครอบครัวที่เกิดความสูญเสีย เราไม่ยอมแพ้ แม้การต่อสู้จะเจออุปสรรคมากมายและยังมีกำลังใจที่จะทำเพื่อน้อง เราจะสู้จนกว่าจะไม่มีช่องทางให้เราเดิน สู้จนกว่าจะได้รับสิทธิ ความเท่าเทียม ความยุติธรรม จนกว่าความยุติธรรม สิทธิความเท่าเทียมจะเบ่งบานในใจของทุกคนและให้คนทั่วโลกได้เห็น เราจะไม่หมดหวัง เราอาจจะพ่ายแพ้ในคดี แต่เราจะทำให้ดีที่สุดและไม่เสียใจเพราะได้ทำสุดกำลังแล้ว”ยุพินกล่าว  

'มึนอ' หวังวันหนึ่งลูกจะเรียนรู้ให้มากขึ้นและเป็นตัวแทนในการต่อสู้

ขณะที่พิณนภาหรือมึนอ กล่าวว่า อยากจะบอกว่าเวลาเห็นรูปบิลลี่แล้วใจจะละลาย แต่ต้องทำใจให้เข้มแข็ง ถ้าถามว่าตอนบิลลี่หายผ่านมาได้อย่างไร ตนรู้สึกว่าถูกกระทำมาตั้งแต่เด็กแล้ว พอบิลลี่หายตัวไปตนก็บอกกับญาติที่มาปรึกษาว่าว่าปัญหาเกิดขึ้นก็ต้องแก้ไขให้ได้ แต่พอมาเดินเรื่องแจ้งความเรียกร้องเรื่องต่างๆ  ก็พบว่าปัญหายากมากที่จะแก้ไข ที่อยู่ได้จนถึงทุกวันนี้เพราะตัวเองมีความหวัง และมีหลายคนและญาติติพี่น้องเป็นกำลังใจให้  เรื่องคดีล่าสุด 18 ม.ค.ที่ผ่านมา ได้มาติดตามเรื่องที่ดีเอสไอ ซึ่งได้ส่งสำนวนไปที่อัยการสูงสุดแล้ว ผ่านมา 3 เดือนยังไม่มีความคืบหน้า ที่ผ่านมามีชิ้นส่วนที่ดีเอสไอบอกว่าบิลลี่เสียชีวิตแล้ว แต่ทางอัยการสูงสุดอาจจะ ไม่เชื่อในสิ่งที่ดีเอสไอยืนยัน อยากถามและอยากฝากทุกคนว่าในเมื่อไม่เชื่อในนิติวิทยาศาสตร์แล้ว จะเชื่ออะไรได้อีกบ้างในโลกและในประเทศนี้ 

พิณนภาหรือมึนอ (กลาง)

พิณนภา กล่าวต่อว่า ทุกวันนี้แรงบันดาลใจของตนมาจากคนรอบข้างและญาติพี่น้องทุกคนที่คอยเป็นกำลังใจ  รวมทั้งลูกๆ ที่กำลังจะโต หวังว่าวันหนึ่งลูกจะเรียนรู้ให้มากขึ้นและเป็นตัวแทนในการต่อสู้ของเราต่อไป  เราทุกคนต้องมีความหวัง ถ้าเราสิ้นหวังก็จะกลายเป็นคนที่ไม่มีชีวิตแล้ว ทุกคนในบางกลอยก็หวังว่าจะมีที่ดินทำกินในพื้นที่ดั้งเดิม เชื่อว่าการที่บิลลี่ถูกกระทำและหายตัวไป ก็เพราะเรียกร้องสิทธิ์ในที่ดินทำกินให้ญาติพี่น้อง ซึ่งมีคนถูกจับกุม 30 ราย ล่าสุดทราบว่าคดีจะยุติแต่ก็ยังไม่แน่ใจว่ายุติจริงหรือไม่ จึงอยากฝากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่าไม่ต้องกลัวเสียหน้า  แต่ขอให้ทำให้เหมาะสมศักดิ์ศรีกับการประกาศกลุ่มป่าแก่งกระจานเป็นมรดกโลก ให้มีแต่เรื่องดีๆ เกิดขึ้น

'พะเยาว์' ระบุความยุติธรรมที่ตามหาไม่คืบหน้าไปไหน แต่ไปหยุดที่กระบวนการยุติธรรมในรัฐบาลประยุทธ์

พะเยาว์ กล่าวว่า  ในกรณีของลูกสาวตนเป็นเวลา 12 ปี ที่ความยุติธรรมที่เราตามหาไม่ได้คืบหน้าไปไหน แต่ไปหยุดที่กระบวนการยุติธรรมในรัฐบาลประยุทธ์ ซึ่ง 3 ป. ที่สั่งฆ่าประชาชนในปี 2553 ยังอยู่กันครบหมด  ซึ่งทำให้ประชาชนเสียชีวิตมากที่สุดในประวัติศาสตร์  และตนยังไม่ได้รับคำขอโทษจากคนที่กระทำ ที่ผ่านมาคดีของลูกตนดำเนินการโดยดีเอสไอและศาลพลเรือน  พอมีการรัฐประหารล่าสุด ได้ข่าวว่าเจ้าหน้าที่ดีเอสไอทั้งหมดถูกเปลี่ยนตัวโดยมีทหารเข้าควบคุม และมีคำสั่งให้อัยการทำคดีเป็นมุมดำ คือให้หาคนกระทำผิดไม่ได้ ซึ่งตนไม่ยอม  มีนายพลเดินแรง เข้าไปถึงดีเอสไอให้ทำคดีมุมดำให้หมด แต่อัยการยืนยัน 6 ศพวัดปทุมทำไม่ได้ เพราะศาลชี้มูลมาแล้ว เป็นที่ไม่พอใจนายพลคนนี้มาก  ซึ่งในยุคของประยุทธ์ที่กุมอำนาจกระบวนการยุติธรรมใช้ไม่ได้ ดังนั้นเรายังต้องสู้กันไปอีกนาน 

“ทุกคนยังมีความหวังเพราะความยุติธรรมยังไม่มาถึงเรา ซึ่งเขาจะไม่ยอมให้ถึงเราอยู่แล้ว จนกว่าคดีจะหมดอายุความ อายุความของตน 20 ปี ตนต่อสู้มาแล้ว 12 ปี แต่ขณะนี้คดีอยู่ในมืออัยการศาลทหาร ทั้งที่ผ่านมาอยู่ศาลพลเรือนมาตลอด กลายเป็นว่าคดีถูกล็อกไว้ในมือของศาลทหาร ทำให้ต้องสู้หนักกว่าเดิมกับกองทัพที่เปิดหน้าสู้ คู่กรณีของตนคือกองทัพนำโดยประยุทธ์ จันทร์โอชา ส่วนเรื่องสิทธิมนุษยชนในประเทศไทย ต้องขอฝากความหวังไว้ที่เด็กรุ่นใหม่ในประเทศไทย”พะเยาว์กล่าว

'ฐปนีย์' ระบุ 8 ปีที่ผ่านมาอาจเจอความไม่ยุติธรรม แต่เมื่อสังคมมีความเข้าใจมากขึ้น สิ่งที่ทำในเรื่องสิทธิมนุษยชนก็ไม่ได้สูญเปล่า

ฐปนีย์  กล่าวผ่านคลิปวีดีโอว่า ส่วนตัวเป็นนักข่าวที่ทำข่าวเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนมาโดยตลอดและตนก็เจอเรื่องความไม่ยุติธรรม ในเรื่องการทำข่าวเพื่อสิทธิมนุษชน ฟังดูแล้วอาจเข้าใจยาก ซึ่งการทำข่าวที่เกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนมันเป็นเรื่องยากมาสำหรับนักข่าว ถือเป็นข่าวนอกกระแส ถ้านักข่าวจะทำข่าวเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนมีน้อยมาก แต่ตนทำเรื่องนี้มาตลอดตั้งแต่ 20 ปีที่ผ่าน ตั้งแต่สมัชชาคนจนเรื่อยมา เชื่อหรือไม่ว่าเป็นเรื่องยากในกอง บก. ที่จะขอพื้นที่ข่าวในเรื่องเหล่านี้ และต้องใช้พลังอย่างมากในการต่อสู้ ที่ผ่านมายังต้องเผชิญกับกลุ่มผู้มีอิทธิพลทั้งถูกขู่ฆ่า อาฆาต ถึงขั้นขู่เอาชีวิตก็มี ทั้งเรื่องการใส่ร้ายกล่าวหาบิดเบือนในโซเชียลมีเดียต่างๆ ตนแรกเข้าใจว่าเป็นผู้สูญเสียผลประโยชน์ แต่ภายหลังก็ทราบว่าเป็นการใช้ขบวนการไอโอในการปลุกปั่น ทั้งในกรณีแรงงานทาสในอินโดนีเซีย และการนำเสนอข่าวโรฮิงญา  เราในฐานะเป็นสื่อก็พยายามทำให้คนมีความเข้าใจในเรื่องโรฮิงญามากขึ้น เพื่อกลบทับข้อมูลเท็จจากไอโอ แม้ว่าจะถูกโจมตี อย่างหนักแต่ก็ต่อสู้และอดทนมาเรื่อยๆ และทำให้รู้สึกภาคภูมิใจที่สังคมมีความเข้าใจในเรื่องเหล่านี้มากขึ้น ในช่วง 8 ปีที่ผ่านมาอาจเจอความไม่ยุติธรรม แต่เมื่อสังคมมีความเข้าใจมากขึ้น สิ่งที่เราทำในเรื่องสิทธิมนุษยชนก็ไม่ได้สูญเปล่า  มีหลายคนที่มาขอโทษตนทีหลังหลังจากที่มีความเข้าใจมากขึ้น

'เบญจา' ขอเป็นเสียงหนึ่งที่ยืนหยัดเคียงข้างนักสิทธิมนุษยชน

เบญจา กล่าวผ่านคลิปวิดีโอว่า ตนขอเป็นเสียงหนึ่งที่ยืนหยัดเคียงข้างนักสิทธิมนุษยชน ขอเรียกร้องไปให้ถึงหน่วยงานรัฐ และหน่วยงานที่เกี่ยวของ เพื่อทวงคืนสิทธิ์และความยุติธรรมให้กับผู้เสียหายและครอบครัวให้มากที่สุด ทั้งครอบครัวทนายสมชาย  ครอบครัวชัยภูมิ ครอบครัวบิลลี่ ครอบครัวกมนเกด  และผู้สูญเสียทุกคน  ทั้งนี้เราจะแพ้ไม่ได้เราต้องมีความหวัง ไม่หมดหวัง การที่ทุกคนลุกขึ้นสู้แบบที่กำลังทำอยู่สำคัญอย่างมาก เป็นการแสดงถึงความไม่จำนน และทุกฝ่ายต้องต่อสู้ร่วมกันต่อไป  เพราะยังไม่มีผู้รับผิดกับกรณีเหล่านี้เลย เราจึงต้องช่วยกันไม่ให้เรื่องเหล่านี้เลือนหายไป ต้องร่วมกันเรียกร้องไปกับครอบครัวของผู้สูญเสีย เป็นภารกิจที่ทุกคนต้องช่วยกันผลักดันสังคมนี้ต่อไป

การแสดงจากกลุ่มลานยิ้มการละคร

ทั้งนี้ภายในงานนอกจากจะมีวงเสวนาแล้ว ยังมีการแสดงดนตรีจากศิลปินชื่อดังอาทิ ศิรศักดิ์ อิทธิพลพาณิชย์ พัดชา เอนกอายุวัฒน์ และ Stoondio นอกจากนี้ยังมีการฉายหนังสั้นเรื่อง The Purple Kingdom” กำกับโดย พิมพกา โตวิระ ซึ่งเป็นหนังสั้นที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากการอุ้มหายบิลลี่ พอละจี รักจงเจริญ และยังมีการแสดงเดี่ยว “นับหนึ่งให้ถึงศูนย์” โดย นลธวัช มะชัย กลุ่มลานยิ้มการละคร  และยังมีการจัดแสดงนิทรรศการภาพถ่ายผู้หญิงนักปกป้องสิทธิมนุษยชนอีกด้วย

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net