Skip to main content
sharethis

โฆษกรัฐบาล เผยออกมาตรการลดเงินสมทบผู้ประกันตนทุกมาตราเป็นเวลา 3 เดือน ช่วยนายจ้าง-ลูกจ้าง ฝ่าเศรษฐกิจ ขณะที่กระทรวงแรงงานยันไม่กระทบต่อเสถียรภาพกองทุนประกันสังคม

 

28 มี.ค.2565 เว็บไซต์สำนักงานประกันสังคม รายงานว่า บุปผา พันธุ์เพ็ง รองปลัดกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า จากการที่รัฐบาลออกมาตรการช่วยเหลือประชาชน หนึ่งในนั้นคือการลดอัตราเงินสมทบประกันสังคม เพื่อช่วยเหลือ นายจ้าง และผู้ประกันตน ซึ่งได้รับ ความเดือดร้อนจากสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด 19 และสถานการณ์สงครามระหว่างประเทศรัสเซีย และยูเครนที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ ค่าครองชีพ ต้นทุนการผลิต และบริการของทั้งในและต่างประเทศ สำนักงานประกันสังคม พร้อมดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลภายใต้การดำเนินงาน โดยพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่มุ่งช่วยเหลือพี่น้องผู้ประกันตนในยามเดือดร้อนจากสถานการณ์ดังกล่าว การลดเงินสมทบในครั้งนี้ จะส่งผลให้ผู้ประกันตนสามารถนำเงินสมทบที่ลดลงไปใช้เพิ่มกระแสเงินสดให้ผู้ประกันตนมีสภาพคล่องมากขึ้น ประกอบกับสถานการณ์โควิด-19ที่ยังคงระบาดลูกจ้างผู้ประกันตนติดเชื้อต้องรักษาตัวไม่สามารถประกอบอาชีพได้ ทำให้ขาดรายได้ มาตรการดังกล่าวจะช่วยให้ผู้ประกันตนมีเงินไว้ใช้จ่ายเพิ่มขึ้น นอกจากนั้นแล้วยังช่วยแบ่งเบา ลดภาระต้นทุนที่สูงขึ้นและเพิ่มสภาพคล่องให้กับนายจ้าง เพิ่มศักยภาพในการรักษาการจ้างงานส่งผลให้สามารถประกอบธุรกิจต่อไปได้อย่างต่อเนื่อง เงินสมทบที่ลดลงมากกว่า 30,000 ล้านบาท จะกลายเป็นเม็ดเงินที่นำมาใช้จ่ายช่วยหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจของประเทศ ส่งผลให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจให้เติบโตได้ต่อไป

รองปลัดกระทรวงแรงงาน กล่าวต่อไปว่า ต่อข้อห่วงใยที่มีความกังวลว่าการลดอัตราเงินสมทบนั้น จะมีผลต่อการรับสิทธิประโยชน์กรณีชราภาพหรือไม่ ขอชี้แจงว่าการลดอัตราเงินสมทบนั้นจะไม่มีผลต่อสิทธิประโยชน์กรณีบำนาญชราภาพและสิทธิประโยชน์กรณีอื่นๆแต่อย่างใด เพราะการคำนวณสิทธิประโยชน์กรณีบำนาญคิดจากฐานค่าจ้างเงินเดือน ไม่ได้คิดจากอัตราเงินสมทบที่ส่งเข้ากองทุน ดังนั้นผู้ประกันตนก็จะได้รับสิทธิประโยชน์กรณีบำนาญเท่าเดิม การลดอัตราเงินสมทบอาจกระทบต่อการรับบำเหน็จฃองผู้ประกันตน เนื่องจากการจ่ายกรณีบำเหน็จ จะคำนาณจากเงินสมทบกรณีชราภาพที่ผู้ประกันตนและนายจ้างสมทบเข้ากองทุน รวมผลประโยชน์ตอบแทน ดังนั้น เมื่อลดอัตราเงินสมทบกรณีชราภาพลง ผู้ประกันตนที่มีสิทธิรับบำเหน็จชราภาพก็จะได้รับเงินบำเหน็จที่ลดลง ด้วยความห่วงใยของท่านพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จึงได้มีข้อสั่งการ สุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ให้ดูแลสิทธิประโยชน์ให้กับผู้ประกันตนในกรณีดังกล่าวด้วย ท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน สุชาติ ชมกลิ่น จึงได้มอบหมายให้สำนักงานประกันสังคมไปพิจารณานำเงินสมทบในส่วนของรัฐบาลที่ได้อุดหนุนเงินสมทบกรณีสงเคราะห์บุตรและชราภาพ เข้ากองทุน มาเพิ่มเงินบำเหน็จให้แก่ผู้ประกันตนที่มีสิทธิในช่วงที่มีการลดเงินสมทบในช่วงดังกล่าว

สำหรับเสถียรภาพของกองทุนประกันสังคมนั้น ถึงแม้จะมีการลดเงินสมทบเพื่อช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนของผู้ประกันตนและนายจ้าง ขอเรียนว่าสำนักงานประกันสังคมมีการบริหารสภาพคล่องอย่างมีประสิทธิภาพ และมุ่งเน้นสร้างผลตอบแทนให้มีการเติบโตในระยะยาวเพื่อให้มีเงินกองทุนเพียงพอสำหรับการจ่ายสิทธิประโยชน์ทุกกรณี โดยไม่กระทบเสถียรภาพของกองทุนประกันสังคม และที่ผ่านมาสำนักงานประกันสังคม ได้พิจารณาการลงทุนโดยนักลงทุนมืออาชีพอย่างรอบคอบ เพื่อสร้างประโยชน์สูงสุดให้แก่พี่น้องผู้ประกันตนที่เป็นเจ้าของเงินกองทุนร่วมกัน และได้มีการเปิดเผยข้อมูลผลตอบแทนของกองทุนฯ ให้ทราบทั้งรายปีและรายไตรมาส ผ่านทางเว็บไซต์ สปส. www.sso.go.th โดยการลงทุนมีทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งผลการบริหารกองทุนประกันสังคม ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2564 มีการลงทุนในหลักทรัพย์ที่มีความมั่นคงสูง ดอกผลสะสมจากการลงทุนกว่า 8.34 แสนล้านบาท จึงขอให้พี่น้องผู้ประกันตนทุกท่านเชื่อมั่นในเสถียรภาพของกองทุนประกันสังคมว่ามีเพียงพอต่อการจ่ายสิทธิประโยชน์ให้กับผู้ประกันตนในระยะยาวอย่างแน่นอน รวมถึงไม่กระทบกับบำนาญที่จะได้รับในอนาคตนโยบายการลดเงินสมทบและเพิ่มสิทธิประโยชน์กรณีบำเหน็จในช่วงที่มีการลดเงินสมทบดังกล่าว จะเสนอต่อคณะกรรมการประกันสังคมพิจารณา โดยจะเร่งดำเนินการเพื่อให้ประกาศใช้เป็นกฎหมายโดยเร็ว จึงขอให้นายจ้างและผู้ประกันตนมั่นใจการดำเนินงานของสำนักงานประกันสังคมในการช่วยเหลือแก้ไขปัญหาของผู้ประกันตนให้ตรงจุดและทันท่วงทีเนื่องจากปัญหาเรื่องความเป็นอยู่ปากท้องของพี่น้องผู้ใช้แรงงานเป็นเรื่องสำคัญ ทั้งนี้ ผู้ประกันตนสามารถตรวจสอบเงินสะสมกรณีชราภาพได้ผ่านทาง เว็บไซต์ www.sso.go.th หรือ SSO Mobile App : SSO CONNECT และทาง LINE : @SSOTHAI สอบถามรายละเอียดเพิ่มได้ที่ สายด่วน 1506 ตลอด 24 ชั่วโมง ไม่เว้นวันหยุดราชการ

กระทรวงแรงงาน ยันไม่กระทบต่อเสถียรภาพกองทุนประกันสังคม

รายละเอียดเพิ่มเติมจากเว็บไซต์ทำเนียบรัฐบาลนั้น ธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ สั่งการทุกหน่วยงานประเมินพร้อมออกมาตรการช่วยเหลือประชาชนจากสถานการณ์ผลกระทบจากราคาพลังงาน ในส่วนของกระทรวงแรงงาน ได้กำหนดมาตรการลดเงินสมทบทั้งในส่วนของนายจ้างและผู้ประกันทุกมาตรา ม.33, ม. 39 และ ม. 40  เป็นระยะเวลา 3 เดือน เริ่มตั้งแต่เดือนพฤษภาคม – กรกฎาคม 2565 ได้แก่

  1. ผู้ประกันตนมาตรา 33 จำนวน 11.2 ล้านคน จะได้ลดเงินสมทบจากร้อยละ 5 ของค่าจ้าง เหลือ ร้อยละ 1 ของค่าจ้าง ยกตัวอย่างหากคิดบนฐานค่าจ้าง 15,000 บาท จากเดิมต้องส่งเงินสบทบ 750 บาท จะลดลงเหลือส่งเงินสมทบ 150 บาท ทำให้สามารถลดภาระค่าครองชีพ ไปได้ประมาณ 600 บาทต่อคนต่อเดือน
  2. ผู้ประกันตนมาตรา 39 จำนวน 1.9 ล้านคน จะได้ลดเงินสมทบจากร้อยละ 9 เหลือร้อยละ 1.9 คือจากเดิมที่ต้องส่งเงินสมทบ 432 บาท จะลดลงเหลือส่งเงินสมทบ 91 บาท หรือลดภาระค่าครองชีพไปได้ประมาณ 341 บาทต่อคนต่อเดือน
  3. ผู้ประกันตนมาตรา 40 จำนวน 10.7 ล้านคน จะได้ลดเงินสมทบในแต่ละทางเลือกลงร้อยละ 40 มี 3 ทางเลือก คือ ทางเลือกที่ 1 ลดการส่งเงินทบจากเดิม 70 บาท ลดลงเหลือ 42 บาท ทางเลือกที่ 2ลดการส่งเงินทบจากเดิม 100 บาท ลดลงเหลือ 60 บาท และ ทางเลือกที่ 3 ลดการส่งเงินทบจากเดิม 300 บาท ลดลงเหลือ 180 บาท หรือลดภาระค่าครองชีพไปได้ประมาณ 84 – 360 บาทต่อคนต่อ 3 เดือน

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ระบุว่า มาตรการช่วยเหลือแรงงานนี้ ยังช่วยนายจ้าง จำนวน 5 แสนราย จะได้ลดเงินสมทบจากร้อยละ 5 เหลือร้อยละ 1 ซึ่งเป็นการลดต้นทุนการผลิต ยกตัวอย่างเช่น หากนายจ้างจ่ายค่าจ้างบนฐานเงินเดือน 15,000 บาทต่อลูกจ้าง 1 คน หากนายจ้างมีลูกจ้าง 1,000 คน จะสามารถลดต้นทุนการผลิตของนายจ้างต่อเดือนลง 600,000 บาท รวมระยะเวลา 3 เดือนเป็นเงินทั้งสิ้น 1,800,000 บาท ทั้งนี้ ในส่วนของมาตรการลดเงินสมทบผู้ประกันตนดังกล่าวจะเกิดประโยชน์แก่พี่น้องประชาชนประมาณ 24.2 ล้านคน เป็นเม็ดเงินมูลค่าประมาณ 34,540 ล้านบาท

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net