Skip to main content
sharethis

ศาลอาญาพิพากษายกฟ้อง "อ้วน กิตติศักดิ์"(คดีชายชุดดำ) และ "เสกสรร" ในคดีระเบิดปี 53 อีก 3 คดี ทนายเผยฝ่ายโจทก์มีแค่ EOD ที่เบิกความว่าเป็นระเบิดชนิดเดียวกันกับคดีคาร์บอมบ้านริมน้ำย่านรามอินทราแต่ไม่มีหลักฐานและประจักษ์พยานอื่น แต่กิตติศักดิ์ยังต้องถูกขังต่อเพราะถูกฟ้องคดีชายชุดดำซ้ำอีกคดีแม้เป็นเหตุการณ์เดียวกับที่ศาลฎีกาเคยพิพากษายกฟ้องไปแล้ว

กิตติศักดิ์ สุ่มศรี (นั่งซ้ายสุด) หลังถูกจับกุมในคดีชายชุดดำเมื่อปี 2557

30 มี.ค.2565 วิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความโพสต์ถึงผลคำพิพากษาของศาลอาญา รัชดาฯ ในคดีเหตุระเบิด 3 แห่งในช่วงปี 2553 ที่มีจำเลย 2 คนคือ เสกสรร วรปีติเจริญกุลและกิตติศักดิ์ สุ่มศรี เเนวร่วม นปช.เป็นจำเลยที่ 1-2 โดยศาลคำพิพากษายกฟ้อง

วิญญัติให้สัมภาษณ์กับประชาไทเพิ่มเติมว่าคดีนี้เป็นคดีที่รวมสำนวนของ 3 คดีเข้าด้วยกัน ได้แก่ คดีหมายเลขดำที่ อ2613/2564, อ2614/2564 และ อ2615/2564 ซึ่งเป็นคดีที่จำเลยทั้งสองคนถูกฟ้องจากเหตุวางระเบิด 3 แห่ง

เหตุการณ์แรกคือ เหตุระเบิดเมื่อวันที่ 25 ก.ค.2553 ที่หน้าห้างบิ๊กซี ราชดำริ โดยการใช้ระเบิดต่อวงจรเข้ากับนาฬิกาเป็นตัวจุดชนวนส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 1 คนและบาดเจ็บอีกหลายคน เหตุที่สองและสามเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 3 เม.ย.2553 เจ้าหน้าที่พบระเบิดแสวงเครื่องที่ไม่ระเบิดบริเวณทางเท้าหน้าบ้านหลังหนึ่งในเขตป้อมปราบศัตรูพ่ายและที่หน้าองค์การโทรศัพท์ในพื้นที่เขตเดียวกัน

ทนายความกล่าวถึงเหตุผลที่ศาลมีคำพิพากษายกฟ้องว่า ศาลเห็นว่าไม่มีประจักษ์พยานในเหตุการณ์เห็นจำเลยทั้งสองอยู่ในเหตุการณ์ทั้ง 3 แห่ง

วิญญัติกล่าวถึงในตอนสืบพยานคดีนี้ด้วยว่าคดีนี้ทางฝ่ายโจทก์เองก็มีเพียงพยานพ.ต.อ.กำธร อุ่ยเจริญ เจ้าหน้าที่ EOD ที่เบิกความว่าระเบิดที่ตรวจพบในคดีนี้มีการต่อวงจรในลักษณะเดียวกันกับระเบิดที่เจอในคดีพบระเบิดคาร์บอมในอพาร์ทเม้นท์บ้านริมน้ำ ย่านรามอินทรา ซึ่งในคดีดังกล่าวมีจำเลยทั้งสองคนเหมือนกันเท่านั้นและยังเป็นคดีที่ศาลก็มีคำพิพากษายกฟ้องไปแล้วเช่นกัน นอกจากนั้นแล้วในคดีที่ศาลพิพากษาวันนี้ก็ไม่มีหลักฐานภาพกล้องวงจรปิด ดีเอ็นอี มายืนยันได้ว่ากิตติศักดิ์และเสกสรรเกี่ยวข้องกับคดี

ศาลอุทธรณ์ยืนตามศาลชั้นต้น ยกฟ้องคดี 'ชายชุดดำ' คดีซุกคาร์บอมบ์ปี 53

แม้ว่าศาลจะมีคำพิพากษายกฟ้องทั้ง 2 คนในคดีระเบิด 3 แห่งนี้แล้ว แต่ทนายความกล่าวว่าสำหรับกิตติศักดิ์จะยังไม่ได้รับการปล่อยตัวในวันนี้เนื่องจากเขาถูกฟ้องในอีกคดีคือคดีที่กิตติศักดิ์ถูกกล่าวหาว่ามีเจตนาฆ่าเจ้าหน้าที่ทหารด้วยอาวุธสงครามในเหตุการณ์คืนวันที่ 10 เม.ย.2553 ทำให้มีทหารจำนวน 25 นายในถนนตะนาว บริเวณสี่แยกคอกวัว ได้รับบาดเจ็บ โดยคดีนี้มีปรีชา อยู่เย็น เป็นจำเลยร่วมอีกหนึ่งคน

วิญญัติกล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตามอาวุธสงครามที่นำมาใช้ฟ้องในคดีนี้เป็นอาวุธชุดเดียวกันในคดีชายชุดดำที่มีจำเลย 5 คน ในคดีนี้ก็มีกิตติศักดิ์และปรีชาเป็นจำเลยร่วมอยู่ด้วยเช่นกัน โดยคดีชายชุดดำนี้ศาลฎีกาก็มีคำพิพากษายกฟ้องไปแล้วด้วยเช่นกัน

“ในทางกฎหมายเราเห็นว่าเป็นการฟ้องซ้ำเพราะว่าคดีแรกมันถึงที่สุดไปแล้ว” ทนายความมีความเห็นถึงการฟ้องเพิ่มมาอีกคดีในคดีที่ศาลฎีกายกฟ้องไปแล้ว และทางทนายความเองก็พยายามทำให้เห็นว่าคดีล่าสุดของกิตติศักดิ์นี้เป็นการฟ้องซ้ำ แต่สุดท้ายแล้วก็ต้องเข้าสู่กระบวนการพิจารณาคดีมีการสืบพยาน

ทั้งนี้วิญญัติยังมีความเห็นอีกว่าการฟ้องคดีมาเพิ่มในคดีที่เกี่ยวกับเหตุการณ์เดียวกับที่ศาลพิพากษายกฟ้องไปแล้วแบบนี้ไม่เป็นธรรมกับกิตติศักดิ์ด้วยเพราะทำให้เขาต้องจำคุกต่อไปอีก

ศาลฎีกายกฟ้องชายชุดดำอีกคดี พยานโจทก์ปากสำคัญไม่น่าเชื่อถือให้การสองคดีไม่ตรงกัน

ส่วนรายละเอียดที่ศาลฎีกายกฟ้องพวกเขาในคดีชายชุดดำนั้น วิญญัติเคยให้สัมภาษณ์ในวันที่ศาลมีคำพิพากษาเอาไว้ว่า พยานปากสำคัญที่สุดในคดีคือพยานทหารที่อ้างว่าพลขับรถฮัมวี่ที่จอดอยู่ในเหตุการณ์แล้วมีรถตู้ที่ขับสวนผ่านทหารนายนี้ซึ่งเขาจำหน้าผู้ก่อเหตุได้และศาลชั้นต้นก็รับฟังพยานปากนี้เพราะเห็นว่าเป็นพยานที่น่าเชื่อถือและเป็นทหารน่าจะมีความสามารถในการจดจำใบหน้าได้

อย่างไรก็ตามพยานทหารปากนี้เคยเบิกความไว้ในการไต่สวนการตายของช่างภาพชาวญี่ปุ่นคือ ฮิโรยูกิ มุราโมโตะ ที่ถูกยิงเสียชีวิตในวันที่ 10 เม.ย.2553 ซึ่งการไต่สวนนี้เกิดขึ้นตั้งแต่ 16 ก.ค.2556 ก่อนที่จะมีการพิจารณาคดีชายชุดดำนี้ โดยพยานทหารปากนี้ให้การไว้ว่าจำหน้าคนในรถตู้ไม่ได้เลยและก็เห็นหน้าไม่ชัดด้วย แต่พอมาเบิกความในคดีนี้ก็บอกว่าจำหน้าได้ซึ่งเป็นการเบิกความที่ไม่ตรงกัน

ศาลฎีกาเห็นว่าคำให้การของพยานทหารในคดีไต่สวนการตายที่ฝ่ายทนายจำเลยแสดงต่อศาลนี้รับฟังได้ คำให้การของพยานทหารในการไต่สวนการตายขัดแย้งกับคำให้การในคดีชายชุดดำแบบนี้ อีกทั้งสองคดีนี้ยังห่างกันหลายปีแล้วคำให้การพยานจึงไม่น่าเชื่อถือ ศาลฎีกาจึงยกฟ้อง

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net