Skip to main content
sharethis

"สกลธี" ให้ทนายเตรียมฟ้อง 2 พิธีกร Voice TV "วิโรจน์" และ "คำผกา" อ้างว่าพิธีกรทั้ง 2 ด้อยค่าและหยาบคายเกินหน้าที่สื่อ จากการวิจารณ์บทบาทของสกลธีในการขวางเลือกตั้ง 62 ร่วมกับ กปปส.และได้เป็นรองผู้ว่า กทม.จากการแต่งตั้งแต่ไม่มีผลงานตลอด 4 ปี

20 เม.ย.2565 แฟนเพจของ สกลธี ภัททิยกุล ระบุว่าจะมีการดำเนินคดีกับ 2 พิธีกรของช่อง Voice TV คือ วิโรจน์ อาลี และลักขณา ปันวิชัย หรือ “คำ ผกา” ในรายการ Talking Thailand ครั้งวันที่ 24 มี.ค. และ 11 เม.ย.2565 ที่มีการกล่าวถึงบทบาทของสกลธีในการเข้าร่วมการชุมนุมกับ กปปส. และการเข้ามาอยู่ในตำแหน่งรองผู้ว่ากรุงเทพมหานครโดยการแต่งตั้งมาจากรัฐบาลทหารเป็นเวลา 4 ปี

โพสต์ในแฟนเพจสกลธี ภัททิยกุล

สกลธีระบุว่าตนได้มอบหมายให้ทนายความดำเนินการฟ้อร้องดำเนินคดีกับทั้ง 2 คนและบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้องในวันศุกร์ที่จะถึงนี้ เนื่องจากเขาเห็นว่าสิ่งที่พิธีกรทั้งสองคนกล่าวถึงเขาในรายการทั้งสองครั้งว่าเป็นการ “ด้อยค่าและถ้อยคำหยาบคาย เกินกว่าหน้าที่ของสื่อมวลชนจะติชมหรือวิพากษ์วิจารณ์โดยสุจริต และเป็นที่เชื่อได้ว่าอาจทำให้ผมถูกเกลียดชังจากบุคคลที่ได้รับชมรายการ”

นอกจากนั้นสกลธียังระบุอีกว่าเขาไม่ได้ปฏิเสธตัวตนและอุดมการณ์ที่ผ่านมาและเชื่อมันกับการเข้าร่วมต่อสู้กับมวลชนเมื่อ 8 ปีที่แล้ว

“ผมผ่านการต่อสู้กับคดีความที่ติดตัวผมมาจนศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ยกฟ้องผมในทุกข้อกล่าวหา แต่กลับกันนั้นในสิ่งที่ผมออกมาต่อสู้ด้วย ศาลกลับพิพากษาว่ามีความผิดหลายคดีต่างกรรมต่างวาระและต่างบุคคล รวมถึงมีการสรุปความเสียหายจากโครงการจำนำข้าวแล้วกว่า 500,000 ล้านบาทและฟ้องร้องเป็นคดีกว่า 1,000 คดี” ผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่า กทม.ระบุในโพสต์

ในโพสต์ของสกลธีได้แนบลิงก์รายการทั้ง 2 เทปจากเพจของ Voice TVไว้ โดยในเทปของวันที่ 24 มี.ค.2565 ที่มีชื่อตอนว่า “แคนดิเดตหน้าไหน “นิสัยสลิ่ม” มีศักยภาพก็ไร้ค่า-ถ้าหัวใจรับใช้เผด็จการ” วิโรจน์ อาลี และลักขณา ปันวิชัยได้กล่าวถึงนโยบายที่สกลธีใช้หาเสียงว่าเป็นสิ่งที่เขาจะสามารถทำได้ตั้งแต่ตอนที่เขายังเป็นรองผู้ว่า กทม. แต่ทำไม่ได้ และการนโยบายเข้าไปจัดระเบียบหาบเร่แผงลอยที่กระทบปากท้องของคนมีรายได้น้อย รวมถึงประเด็นที่เขาไปรับตำแหน่งรองผู้ว่าฯ จากการแต่งตั้งเข้ามา ซึ่งวิโรจน์กล่าวในรายการว่าเป็นการสะท้อนถึงความเป็น “สลิ่ม” ตามที่มีคนวิพากษ์วิจารณ์มา

“คุณเป็นแกนนำ กปปส. คุณก็เป็นสลิ่ม แล้วที่คนเขาด่าคุณว่าสลิ่มเพราะคุณทำลายประชาธิปไตย แล้วการที่คุณทำลายประชาธิปไตยเป็นการทำลายสิทธิเสรีภาพในการปกครองตนเองของประชาชนคนไทยทุกคนที่พึงมีตามรัฐธรรมนูญแล้วคุณมาทำลาย ดังนั้นในสายตาของประชาชนที่ยึดมั่นในประชาธิปไตย เราก็จะมองพวกคุณว่าเป็นสิ่งมีชีวิตที่น่ารังเกียจ แล้วมันก็เป็นสิทธิของเราที่จะมองคุณว่าเป็นสิ่งมีชีวิตที่น่ารังเกียจ แล้วสิ่งที่น่ารังเกียจคือคุณทำลายประชาธิปไตยแล้วยังมาเสนอหน้ามาพัฒนาเมืองพัฒนาประเทศบนหลักการของการทำให้คนมีความสุข คุณทำลายความสุขนับตั้งแต่คุณไปเป็นแกนนำ กปปส.” ลักขณากล่าวไว้ในรายการเมื่อวันที่ 24 มี.ค.

ลักขณายังได้กล่าวอีกว่าความรู้ความสามารถของใครก็ตามที่มีอยู่ก็หมดค่าไปเมื่อไปเป็น “สลิ่ม”

ส่วนเทปของวันที่ 11 เม.ย.2565 มีชื่อตอนว่า “อยากจับตาย “บก.ลายจุด” !! พอถูกขุดก็ไม่ขอโทษ แค่บอกว่าทำเกินเลยไปหน่อย” ซึ่งในเทปนี้มีการกล่าวถึงการตอบคำถามนักข่าวของสกลธีเกี่ยวโพสต์เฟซบุ๊กเก่าของสกลธีช่วงที่คณะรัฐประหารมีการติดตามจับกุมสมบัติ บุญงามอนงค์หรือหนูหริ่งว่าอยากให้จับตายทันทีว่าเป็นเพียงการแสดงความคิดเห็นเกินเลยไปหน่อย

วิโรจน์กล่าวในรายการว่าให้สกลธีออกมาขอโทษดีกว่าและกล่าวถึงบทบาทของสกลธีในการเข้าร่วมการชุมนุมกับ กปปส.และขัดขวางการเลือกตั้งในปี 2557 แต่ก็ต้องมายกมือไหว้ขอคะแนนเสียงกับประชาชนเมื่อมาเป็นผู้สมัครเลือกตั้งผู้ว่า กทม. พร้อมตั้งคำถามกับสกลธีว่าไปทำลายกระบวนการเลือกตั้งเมื่อ 8 ปีที่แล้วทำไม

“เรื่องที่ทุเรศยิ่งกว่าคือเอาตำแหน่งที่ได้มาจากการแต่งตั้งเข้าไปนั่งกินภาษีของพวกเราอยู่ 4 ปี แล้วไม่มีอะไรดีขึ้นมา หน้าด้านฉิบเป๋งคนเรา ยอมรับดิผิดไป ยอมรับดิว่าสุดท้ายก็ต้องมาขอคะแนนเสียงอยู่ดีแล้วที่ทำไปนี่ผมขอโทษด้วยที่ทำให้ฉิบหายบรรลัยกันจนถึงจุดนี้” วิโรจน์กล่าวในรายการเมื่อ 11 เม.ย.2565 และยังกล่าวอีกว่าสกลธียังไม่ไม่กล้าที่จะพูดว่าสิ่งที่เคยทำไปทำให้บ้านเมืองดีขึ้น

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net