'ก้าวไกล' จี้ 'ทอ.-กลาโหม' ช่วย 'พลทหาร' หลังพิการกลับจากค่าย ระบุเหตุการณ์เกิดขึ้นในเรือนจำทหาร

'ก้าวไกล' จี้กองทัพอากาศ - กลาโหม ช่วยเหลือครอบครัว 'พลทหาร' หลังพิการกลับจากค่าย - ชี้เหตุการณ์เกิดขึ้นในเรือนจำทหาร ถ้าไม่มีมาตรฐานดูแลได้ก็ควรยกเลิก

 

22 เม.ย.2565 ทีมสื่อพรรคก้าวไกล รายงานต่อสื่อมวลชนว่า ที่ จ.ตรัง ณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.พรรคก้าวไกล ในฐานะคณะทำงานนโยบายปฏิรูปกองทัพของพรรคก้าวไกล รุดเยี่ยม ประจักษ์ แก้วคงธรรม อดีตพลหทารที่ถูกซ้อมระหว่างประจำการ สังกัดกองพันทหารอากาศโยธิน กองบิน 56 อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา จนกลายเป็นผู้พิการที่ต้องเขัารับการรักษาอย่างต่อเนื่อง โดย ปพิชญา เอียดนุ่น ผู้เป็นแม่ได้ต่อสู้เรียกร้องความเป็นธรรมให้กับลูกชายผ่าน ปริญญา ช่วยเกตุ คีรีรัตน์ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ สัดส่วนคนพิการ พรรคก้าวไกล ซึ่งปัจจุบันยังไม่ได้รับการดูแลเยียวยาจากหน่วยงานต้นสังกัดอย่างเป็นธรรม เรียกร้องกองทัพอากาศ - กระทรวงกลาโหม เข้ามาดูแลเยียวยา

ณัฐชา กล่าวว่า เหตุการณ์นี้แม้ว่าเรื่องเกิดนานแล้ว แต่ที่ผ่านมาผู้เป็นแม่ซึ่งต้องต่อสู้อยู่คนเดียวนั้นก็คิดเอาเรื่องชีวิตของลูกชายเป็นหลัก พยายามรักษาจากที่เดินไม่ได้ ไม่ได้สติ ออกจากค่ายมาด้วยอาการที่จำแม่ตัวเองไม่ได้ วันนี้เริ่มดีขึ้น จึงได้มาเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับลูก เพราะที่ผ่านมา คุณแม่บอกว่าไม่เคยมีการเหลียวแล มีแต่เพียงการชี้แจงของกองทัพอากาศทำนองว่า ประจักษ์หนีทหาร ไม่กลับมารับการฝึกทหารตามกำหนด รับโทษเข้าเรือนจำ และมีเรื่องยาเสพติด ทั้งๆ ที่แม่และเจ้าตัวยืนยันว่าไม่มี ซึ่งประเด็นนี้จะอย่างไรก็แล้วแต่ ที่สำคัญกว่าคือว่า เขากลับเข้าไปยังค่ายทหารแล้ว ถูกรับตัวไปทำโทษ แต่กระบวนการทำโทษของกองทัพทำให้เขาเกือบเอาชีวิตไม่รอดขนาดนี้เลยเหรอ ตนและพรรคก้าวไกลเดินทางมาเยี่ยมในครั้งนี้ เพราะเราอยากเห็นความยุติธรรมเกิดขึ้น กองทัพต้องแสดงสปิริตในการดูแลรักษาพลทหารใต้บังคับบัญขา ควรยกระดับคุณภาพมากขึ้นกว่านี้ ไม่ใช่ตั้งธงแต่ว่าเขาทำผิด เพราะหน้าที่คุณคือ เขากลับเข้ารั้วกองทัพไปแล้ว เหตุการณ์เกิดในเรือนจำทหาร ซึ่งถ้าเกิดเรือนจำทหารไม่มีคุณภาพ จนทำให้นักกีฬาคนหนึ่งมีสภาพเป็นคนพิการออกมาแบบนี้ ก็ยกเลิกเลยไหมสำหรับศาลทหารและเรือนจำทหาร แล้วไปใช้ของประชาชนจะได้มาตรฐานเดียวกัน 

"วันนี้ ได้มาเจอสภาพความเป็นจริงที่เกิดขึ้นแล้ว อย่างน้อยๆ ผมอยากให้ลดเรื่องการบอกว่าเขาทำผิดกฎทหาร อยากให้คิดถึงเรื่องหลักด้านมนุษยธรรม ด้านสิทธิมนุษยชน คุณเป็นผู้บังคับบัญชาควรต้องเข้ามาดูแลให้ความช่วยเหลือ ตลอดระยะเวลาที่เกิดเหตุ ครอบครัวผู้เสียหายยืนยันว่า ได้รับการช่วยเหลือเพียงเงิน 2,000 บาท ข้าวสาร 10 กิโลกรัม และไข่ไก่ 3 แผง จาก ผบ.ร้อย ในขณะนั้นที่มาเยี่ยมที่บ้าน ผมอยากจะถามว่า กรณีของผู้ใต้บังคับบัญชาของคุณที่เขามีความชื่นชอบทหาร สมัครเข้าไปเป็นทหารเองเพราะอยากรับใช้ชาติ แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาคือ กระบวนการลงโทษที่ตัดอนาคตของเขา ลงโทษเกินกว่าเหตุหรือไม่? อยากให้ผู้บังคับบัญชาระดับสูง คือ กองทัพอากาศ หรือกระทรวงกลาโหม หันมามอง เข้ามาพูดคุย รับฟัง แลกเปลี่ยน คืนความยุติธรรมให้กับเขา คืนโอกาสที่เขาควรจะได้รับ เยียวยาในสิ่งที่เขาสูญเสียไปสำหรับประชาชนคนหนึ่งที่รักทหาร อยากเป็นทหาร แต่กลับออกมาจากค่ายต้องกลายเป็นคนพิการแบบนี้" ณัฐชา กล่าว 

ด้าน ปริญญา กล่าวว่า ประจักษ์เป็นนักกีฬาเปตอง แชมป์ 14 จังหวัดภาคใต้ เป็นคนที่มีร่างกายแข็งแรง แต่สภาพหลังจากรับโทษจากเรือนจำทหารกลับมาต้องกลายเป็นคนพิการ และมีอาการทางสมอง เขามีลูกชาย 5 ขวบ 1 คน และมีแม่ที่วันนี้ก็อายุ 60 ปีแล้ว โดยตลอดระยะเวลาเกือบ 3 ปี ของการเข้ารับการรักษาตัว แม่สู้ตัวคนเดียวมาตลอด สิ่งที่แม่ต้องการวันนี้ คือ ให้หน่วยงานที่รับผิดชอบเข้ามาดูแล อย่างน้อยก็ได้มาพูดคุยแลกเปลี่ยน มารับรู้ความเป็นจริงว่า นอกจากความเจ็บช้ำด้านจิตใจแล้ว ยังต้องขายที่ดินผืนสุดท้ายเป็นค่ารักษาตัวลูกชาย นี่คือสิ่งที่ครอบครัวต้องเผชิญ อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มาคุยกันว่าพอจะมีแนวทางช่วยเหลืออย่างไรได้บ้าง กองทัพอากาศ รวมถึงกระทรวงกลาโหมต้องไม่เพิกเฉยต่อเรื่องนี้ 

สำหรับกรณีนี้ เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อปี 2560 หลังจากประจักษ์ สมัครเข้าเป็นพลทหารประจำการ ผลัด 2 ภายหลังเข้ารับการฝึก 3 เดือน กองพันทหารอากาศโยธิน กองบิน 56 จะให้พลทหารใหม่ทุกนายกลับบ้าน รอบแรกจำนวน 10 วัน แต่เมื่อครบ 10 วัน พลทหารประจักษ์ไม่ได้กลับเข้ากองพันตามกำหนด จนกระทั่งเมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2561 จึงกลับเข้าไปประจำการยังกองพันอีกครั้ง ตลอดระยะเวลาเข้าประจำการร่างกายสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรง จนกระทั่งวันที่ 1 พฤษภาคม 2562 ทางกองพันแจ้งไปยังครอบครัวไปรับตัวพลทหารประจักษ์กลับบ้าน ในสภาพอิดโรย ตามร่างกายมีร่องรอยบาดแผล รอยฟกช้ำ ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ปกติ ไม่ได้สติ รวมทั้งไม่สามารถจำแม่ของตนได้ จนต้องเข้ารับการรักษาพยาบาลตรังจนกระทั่งปัจจุบัน

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท