Skip to main content
sharethis

ช่วงปลายเดือน เม.ย. 2565 สำนักข่าว Aljazeera รายงานว่าในเมืองเล็กๆ ติดชายฝั่งที่ชื่อ โพโมรี ทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศบัลแกเรีย มีกลุ่มชุมชนลิตเติลมอสโกที่ประกอบด้วยกลุ่มผู้อพยพชาวรัสเซีย เปิดบ้านและร้านค้าของพวกเขา เพื่อให้ที่พักพิงแก่ชาวยูเครนที่หนีตายจากสงคราม


ที่มาภาพ: capital.bg (อ้างใน bnr.bg)

ที่ล็อบบีของโรงแรมซันนีเบย์ ในเมืองโพโมรี ประเทศบัลแกเรีย มีหนังสือเดินทางหลายสิบเล่มของบุคคลสัญชาติยูเครนกระจัดกระจายอยู่บนโต๊ะ มีผู้ลี้ภัยชาวยูเครนหลายคนพักพิงอยู่ที่นี่เพราะต้องหนีตายจากสงครามในยูเครนที่รัสเซียเป็นผู้ก่อ สาเหตุที่หนังสือเดินกระจัดกระจายอยู่บนโต๊ะในโรงแรมนั้นเป็นเพราะว่าพวกเขาจำเป็นต้องนำหนังสือเดินทางไปจดทะเบียนที่สถานีตำรวจเพื่อให้เป็นไปตามกฎหมายของบัลแกเรีย

มิคาอิล สเตปานอฟ เป็นชาวสัญชาติรัสเซียที่หนีออกจากประเทศในปี 2557 หลังจากที่รัสเซียทำการผนวกรวมแคว้นไครเมียของยูเครน เขากับภรรยาที่ชื่อเอเลนาอาศัยอยู่ด้วยกันในบัลแกเรียนับตั้งแต่ปี 2562 เป็นต้นมา และในตอนนี้เขาก็กลายเป็นคนที่นำทีมอาสาสมัครช่วยเหลือกลุ่มผู้ลี้ภัยชาวยูเครนที่มาใหม่ นับตั้งแต่รัสเซียรุกรานยูเครนในวันที่ 24 ก.พ. ที่ผ่านมาจนถึงตอนนี้ ทีมของสเตปานอฟได้ทำการช่วยเหลือจดทะเบียนครอบครัวผู้ลี้ภัยรวมแล้ว 650 ครอบครัว นับได้ประมาณ 2,400 คน และพวกเขาก็ยังคงทำงานอาสาสมัครในเรื่องนี้ต่อไป

สเตปานอฟกล่าวว่า "มันเป็นเรื่องน่าปวดใจสำหรับผมที่ได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นในยูเครน ... ผมหวังว่าสงครามจะจบลงในเร็ววัน แต่ในตอนนี้ สิ่งที่พวกเราสามารถทำได้คือการให้ความช่วยเหลือในทุกทางเท่าที่เป็นไปได้"

โพโมรี เป็นเมืองที่ถูกเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า "ลิตเติลมอสโก" เป็นพื้นที่ๆ มีประชาชนประมาณ 15,000 คนอาศัยอยู่และเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่นิยมในหมู่ชาวรัสเซีย มีการประเมินว่าร้อยละ 70 ของโรงแรมและอพาร์ทเมนต์สำหรับนักท่องเที่ยวที่นี่มีเจ้าของเป็นชาวรัสเซีย

หลังจากที่มีชาวรัสเซียในเมืองโพโมรีรู้ว่ามีชาวยูเครนเดินทางมาเพื่อต้องการขอลี้ภัยในเมืองรีสอร์ทของพวกเขา ชาวรัสเซียก็ดำเนินภารกิจเพื่อให้ความช่วยเหลือชาวยูเครนเหล่านี้ โดยการให้ที่พักอาศัยและปัจจัยดำรงชีพ บริจาคเสื้อผ้าให้ และจัดตั้งศูนย์เพื่อมนุษยธรรมสำหรับชาวยูเครน

เอเลนาบอกว่า ในตอนแรกชาวยูเครนบางคนก็ยังไม่ค่อยเชื่อถือชาวรัสเซียในโพโมรีเท่าไหร่ เพราะพวกเขารู้สึกไม่สบายใจที่จะยุ่งเกี่ยวกับชาวรัสเซีย แต่พอให้เวลาพวกเขาไปสักพัก ชาวยูเครนก็เริ่มเล็งเห็นว่าที่ชาวรัสเซียในโพโมรีทำทุกสิ่งทุกอย่างให้เป็นเพราะความเอื้ออาทรต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน

กายา โตรอสซาน ชาวรัสเซียที่อาศัยอยู่ในบัลแกเรียมาตั้งแต่ปี 2556 เป็นผู้คอยดูแลจัดการให้ครอบครัวชาวยูเครน 6 ครอบครัวสามารถเข้าพักพิงในอพาร์ทเมนต์ที่มีชาวรัสเซียอีกคนหนึ่งเป็นเจ้าของได้ โดยที่โตรอสซานเป็นผู้จัดการอพาร์ทเมนต์นี้ในช่วงที่เจ้าของไม่อยู่

โตรอสซานเล่าว่า เธอร้องไห้เมื่อรัสเซียเริ่มรุกรานยูเครน และหลังจากนั้นเธอก็คอยคิดตามข่าวอยู่ทุกวัน พอถึงตอนที่เธอได้พบกับผู้ลี้ภัยชาวยูเครนเป็นครั้งแรก เธอก็ขอโทษกับสิ่งที่เกิดขึ้นในประเทศของพวกเขาที่มาจากน้ำมือของรัฐบาลสัญชาติเดียวกับเธอ เธอบอกกับชาวยูเครนว่า เธอจะไม่โกรธเลยถ้าหากชาวยูเครนเหล่านี้ถ่มน้ำลายรดหน้าเธอ

ที่ล็อบบีของโรงแรม มีนาฬิกา 3 เรือนแขวนอยู่ เรือนหนึ่งบอกเวลาของกรุงมอสโก ประเทศรัสเซีย อีกเรือนหนึ่งบอกเวลาของกรุงโซเฟีย ประเทศบัลแกเรีย และอีกเรือนหนึ่งบอกเวลาของรัฐนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐฯ ราวกับว่าจะแสดงให้เห็นถึงการที่บัลแกเรียตั้งอยู่บนจุดที่เปราะบางระหว่างการเมืองโลกตะวันออกกับการเมืองโลกตะวันตก

บัลแกเรียเป็นอดีตประเทศคอมมิวนิสต์ที่ยากจนที่สุดในกลุ่มสหภาพยุโรป และถึงแม้ว่าบัลแกเรียจะเข้าร่วมกับนาโตในปี 2547 แต่ก็มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดทางวัฒนธรรมและทางเศรษฐกิจกับรัสเซีย จากการที่บัลแกเรียนำเข้าก๊าซจากรัสเซียร้อยละ 95 ของความต้องการใช้ในประเทศทั้งหมด

แต่หลังจากที่เกิดสงครามขึ้น ความสัมพันธ์ระหว่างรัสเซียกับอียูก็แทบจะพังทลายลง และรัฐบาลรัสเซียก็ขู่ซ้ำๆ ว่าจะหยุดส่งก๊าซให้กับยุโรป

ในวันที่ 27 เม.ย. ที่ผ่านมา รัฐวิสาหกิจด้านพลังงานยักษ์ใหญ่ของรัสเซีย Gazprom ก็ทำการตัดการส่งแก็สให้กับบัลแกเรียและโปแลนด์ ซึ่งผู้สังเกตการณ์บางคนมองว่าเป็นการที่รัสเซียส่งสัญญาณเตือนต่อประเทศอื่นๆ ในสหภาพยุโรป

หนึ่งสัปดาห์ก่อนหน้านี้ รัฐมนตรีต่างประเทศของยูเครน ดิมิโทร คูเลบา ได้เดินทางไปเยือนบัลแกเรียเป็นเวลา 2 วัน เขาแสดงความขอบคุณต่อบัลแกเรียที่รองรับผู้ลี้ภัยชาวยูเครน แต่ก็กล่าวตัดพ้อในเรื่องที่บัลแกเรียสงวนท่าทีในการส่งอาวุธให้ยูเครน และบอกว่าการที่พวกเขาไม่ยอมส่งอาวุธให้นับเป็นส่วนหนึ่งของการส่งเสริม "การรุกรานของรัสเซีย"

ในรัฐบาลบัลแกเรียเองก็หาข้อสรุปกันไม่ได้ในเรื่องนี้ จากที่พรรคแนวร่วมรัฐบาล 4 พรรค มีความคิดเห็นต่างกัน พรรคสังคมนิยมขู่ว่าจะตัดความสัมพันธ์กับรัฐบาลถ้าหากรัฐบาลบัลแกเรียตัดสินใจส่งอาวุธให้กับยูเครน ขณะที่พรรคเดโมแครตของยูเครนขู่ในทำนองเดียวกันถ้าหากรัฐบาลกระทำในทางตรงกันข้ามคือไม่ยอมส่งอาวุธให้กับยูเครน

สเว็ตลานา โกโลโลโบวา เป็นผู้ลี้ภัยแม่ลูกสามที่เดินทางลี้ภัยจากเมืองโบโรเดียนกา เมืองของยูเครนที่ถูกทำลายจากสงครามตั้งอยู่ใกล้กับกรุงเคียฟ เธอมาถึงที่บัลแกเรียเมื่อวันที่ 19 เม.ย. พร้อมกับลูกของเธอ 2 คน คนหนึ่งอายุ 7 อีกคนหนึ่งอายุ 10 ปี ส่วนลูกคนโตของเธอที่อายุ 20 ปี และสามีของเธอนั้นไม่ได้เดินทางมาด้วย เพราะยูเครนสั่งแบนไม่ให้ผู้ขายที่มีอายุในเกณฑ์สู้รบได้เดินทางออกจากประเทศ

หลังจากที่เมืองโบโรเดียนกาตกอยู่ภายใต้การยึดครองโดยรัสเซียเป็นเวลา 36 วัน โกโลโลโบวา ก็บอกว่าเธอเดินทางมาที่บัลแกเรียเพื่อต้องการแสวงหาความสงบสุข ถึงแม้ว่าเธอจะไม่เคยเหยียบย่างเข้ามาในบัลแกเรียมาก่อน แต่ในช่วงก่อนที่เธอจะออกจากบ้านตัวเอง เธอฝันเห็นน้ำทะเลใส หาดทราย และบ้านกระจก ซึ่งเธอเชื่อว่าฝันนี้คือลางบอกเหตุล่วงหน้าเกี่ยวกับสถานที่ชื่อโรงแรม ซันนี เบย์ ในบัลแกเรีย

"ในที่สุดฉันก็รู้สึกสงบสุขขึ้นมาบ้าง ... ฉันสามารถคิดถึงเรื่องอนาคต คิดเรื่องเกี่ยวกับงานแต่งงานของลูกชายคนโตของฉัน และคิดถึงเรื่องการสิ้นสุดของสงครามได้" โกโลโลโบวา กล่าว

โกโลโลโบวา เป็นหนึ่งในผู้ลี้ภัยชาวยูเครนในซันนี เบย์ ที่ได้รับความช่วยเหลือจากชาวรัสเซียในเมืองโพโมรี ชาวรัสเซียที่นี่คอยเป็นล่ามช่วยให้ชาวยูเครนสื่อสารกับชาวบัลแกเรียได้

"ฉันไม่แปลกใจในเรื่องความช่วยเหลือของพวกเขา ... พวกเราต่างก็เป็นมนุษย์ พวกเรามีทั้งแง่ดีและแง่ไม่ดี มันไม่ใช่เรื่องถูกต้องที่จะโยงผู้คนกับรัฐบาลของพวกเขา" โกโลโลโบวากล่าว

แต่ชาวรัสเซียในโพโมที่ทำดีกับชาวยูเครนบางคนกลับถูกโต้ตอบจากคนบางกลุ่ม ซึ่งไม่แน่ใจว่าว่าเป็นใคร อาจจะเป็นกลุ่บชาวยูเครนเอง หรืออาจจะมาจากคนที่ไม่พอใจที่ชาวรัสเซียเหล่านี้ให้ที่พักพิงแก่ชาวยูเครนกันแน่

เช่นกรณีของ คอนสแตนติน อูเตเยฟ วิศวกรทหารรัสเซียที่เกษียณอายุแล้วและอาศัยอยู่ในบัลแกเรียตั้งแต่ปี 2559 อูเตเยฟให้ที่พักพิงแก่ชาวยูเครนในอพาร์ทเมนต์หลายแห่งที่ชายฝั่งตั้งแต่เดือน มี.ค. ที่ผ่านมา แต่รถของเขากลับถูกฉีดพ่นด้วยสีเหลืองและฟ้าเป็นรูปธงยูเครน โดยที่ไม่รู้ว่าใครเป็นผู้ก่อเหตุ แต่ อูเตเยฟ เชื่อว่าไม่ใช่ฝีมือของชาวยูเครน

ทั้งนี้ยังมีปัญหาเรื่องที่ว่า ฤดูกาลท่องเที่ยวของโพโมรีใกล้เข้ามาทุกขณะ เหลือเวลาอีกเพียงเดือนเดียวเท่านั้นก็เข้าสู่ฤดูกาลท่องเที่ยวแล้ว มีเจ้าของโรงแรมบางคนบอกว่าพวกเขาไม่สามารถให้ที่พักพิงแก่ชาวยูเครนต่อไปได้ จากการที่พวกเขามีนักท่องเที่ยวที่จองห้องของพวกเขาล่วงหน้าเอาไว้แล้ว

โกโลโลโบวาอยากกลับไปที่ยูเครนหลังจากสงครามจบลงแล้ว แต่ถ้าหมดเดือน พ.ค. ไปแล้วสงครามยังไม่จบ เธอก็ไม่รู้ว่า เธอและลูกๆ จะไปอยู่ที่ไหนดี

ขณะเดียวกัน โตรอสซาน กับ สเตปานอฟ ที่เป็นชาวรัสเซียบอกว่าพวกเขาไม่มีแผนการที่จะกลับรัสเซียในเร็วๆ นี้ โตรอสซานบอกว่า "ฉันจะไม่กลับไปตราบใดที่รัฐบาลนี้(รัฐบาลปูติน)ยังคงอยู่"

เทศกาลอีสเตอร์ที่เพิ่งจะมีขึ้นในช่วงกลางเดือน เม.ย. ที่ผ่านมา ก็มีการจัดพิธีการเฉลิมฉลองในแบบของชาวคริสต์นิกายออโธดอกซ์ที่โรงแรม ซันนี เบย์ ซึ่งผู้จัดการโรงแรมและแขกได้จัดเตรียมขนมเค้กอีสเตอร์เอาไว้พร้อมกับไข่อีสเตอร์ที่ทาสีต่างๆ

เอเลนา สเตปาโนวา กล่าวว่า "ฉันหวังว่ายูเครนจะได้รับอิสรภาพ และประชาชนทุกคนที่หนีมาจะสามารถกลับไปที่บ้านของพวกเขาได้ ... แต่จนกว่าจะถึงตอนนั้น พวกเราก็พยายามทำให้พวกเขารู้สึกเหมือนได้อยู่บ้านขึ้นมาสักเล็กน้อยก็ยังดี"


เรียบเรียงจาก
In Bulgaria’s ‘Little Moscow’, Russians help Ukrainian refugees, Aljazeera, 28-04-2022

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net