‘ชลน่าน’ เปิดเวทีฝ่ายค้าน ปลุก ‘ทวงคืนอำนาจประชาชน’

‘ชลน่าน’ เปิดเวทีฝ่ายค้าน ปลุก ‘ทวงคืนอำนาจประชาชน’ ชี้ 8 ปีประยุทธ์ ‘ประชาธิปไตยเสื่อม ประเทศโทรม  แรงงานสิ้นหวัง’ - ‘จาตุรนต์’ ชี้ยิ่ง 2 ป.ผลัดเป็นนายกฯ ยิ่งทำให้ประเทศพัง ปลุกเลือกฝ่ายค้านให้แลนด์สไลด์สกัด 2 ป.สืบทอดอำนาจ

1 พ.ค. 2565 นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทยและผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กล่าวเปิดโครงการผู้นำฝ่ายค้านพบประชาชน : ทั่วไทยทวงคืนอำนาจประชาชน เวทีที่ 3 ‘ประชาธิปไตยเสื่อม ประเทศโทรม แรงงานสิ้นหวัง’ ซึ่งจัดขึ้นที่จังหวัดชลบุรี ว่า การบริหารประเทศภายใต้อำนาจของรัฐบาลชุดนี้ ทำให้พี่น้องประชาชนขาดสิทธิ์ หมดเสียง สิ้นเสรีภาพ พี่น้องประชาชนถูกละเมิดสิทธิตั้งแต่วินาทีแรกที่มีการยึดอำนาจ โดยเฉพาะการออกกฎหมายพิเศษและรัฐธรรมนูญชั่วคราวมาบังคับใช้ หรือแม้แต่รัฐธรรมนูญถาวรที่ถูกยกร่างขึ้นโดยพวกเขาก็ละเมิดสิทธิเสรีภาพพี่น้องประชาชนอย่างรุนแรง เสียงที่พี่น้องประชาชนเลือกเข้าไปเป็นตัวแทนในสภาฯ ก็ถูกใช้กลไกที่บิดเบือนปิดกั้น แม้แต่การเสนอเรื่องที่เป็นประโยชน์กับประชาชน หรือการเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญก็ถูกปิดกั้นด้วยกลไกที่บิดเบี้ยว จากการกำหนดให้ใช้สภาเดี่ยว ที่มี ส.ว.เป็นเสียงข้างมาก ไปจนถึงเสรีภาพของพี่น้องประชาชนก็ถูกจำกัด ทั้งพรรคการเมือง นักการเมือง และเยาวชนผู้เห็นต่างกับรัฐ ถูกจับกุมคุมขังจนสิ้นเสรีภาพ

“รัฐธรรมนูญที่พวกเขาบัญญัติขึ้นมา ส่งผลให้เกิดวิกฤตกับพี่น้องประชาชน รัฐธรรมนูญเปรียบเหมือนหัวใจของมนุษย์ ทำให้วันนี้พวกเราเสมือนมนุษย์ที่มีหัวใจพิการและร่างกายยังถูกล่ามโซ่ด้วยยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ทำให้พี่น้องประชาชนตกอยู่ในภาวะสิ้นหวัง” ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กล่าว  

นายแพทย์ชลน่าน กล่าวว่า วันนี้คนไทยที่เป็นกำลังแรงงาน 39 ล้านคนในทุกภาคส่วนต้องได้รับความเดือดร้อนจากการบริหารงานที่ล้มเหลวของรัฐบาล ซึ่งสะท้อนไปที่ตัวเลขการว่างงานและเสมือนว่างงานที่มากเกือบ 4 ล้านคนหรือเกือบร้อยละ 10 หรือของแรงงานทั้งหมด 8 ปีที่ผ่านมารัฐบาลนี้ได้ทำประชาชนจนลง ประเทศเจ๊ง หนี้เพิ่มรายได้หด ประเทศเสียหายยับเยินจากมาตรการที่ผิดพลาด กู้เงินมาใช้ก็ไม่เกิดประสิทธิภาพ สร้างหนี้สินแต่ไม่สร้างรายได้จนประเทศใกล้เข้าสู่ทางตันทางการคลัง

‘จาตุรนต์’ ชี้ยิ่ง 2 ป.ผลัดเป็นนายกฯ ยิ่งทำให้ประเทศพัง ปลุกเลือกฝ่ายค้านให้แลนด์สไลด์สกัด 2 ป.สืบทอดอำนาจ

นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทยและอดีตรองนายกรัฐมนตรี จากพรรคเพื่อไทย กล่าวบนเวทีเสวนา ‘ประชาธิปไตยเสื่อม ประเทศโทรม แรงงานสิ้นหวัง’ โครงการผู้นำฝ่ายค้านพบประชาชน : ทั่วไทยทวงคืนอำนาจประชาชน เวทีที่ 3 ว่า ปัญหาประชาธิปไตยเสื่อมตลอดเวลาที่ผ่านมาภายใต้การบริหารของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ทำให้ประชาชนไม่ได้รับการใส่ใจในการแก้ปัญหา เพราะรัฐบาลที่ไม่เป็นประชาธิปไตยมีเสียงสนับสนุนจากกลไกอื่นที่ไม่ใช่เสียงประชาชน เมื่อประเทศชาติเกิดปัญหาก็จะมีวิธีแก้ไขอย่างบิดเบี้ยว อาทิ การเกิดวิกฤตโควิด-19 ที่ผ่านมา รัฐบาลนี้ก็ใช้ฝ่ายความมั่นคงมาดูแลปัญหาทั้งหมด ไม่ได้ใช้หมอหรือผู้เชี่ยวชาญอื่นๆ มาช่วยกันระดมสมองทำให้เราได้เห็นภาพการรับมือปัญหาที่ผิดทิศผิดทาง ความเสียหายจึงสูงผิดปกติ ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจประเทศก่อเกิดเป็นวิกฤตเศรษฐกิจในเวลาต่อมา และเมื่อโลกเกิดวิกฤตจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน ทำให้เศรษฐกิจไทยแปรปรวนอย่างหนัก กลายเป็นวิกฤตที่หนักกว่าเดิม อีกทั้งรัฐบาลยังไม่มีความชัดเจนในการแก้ปัญหา ทั้งเรื่องการเปิดเศรษฐกิจ และเปิดการท่องเที่ยว ซึ่งสร้างผลกระทบหลักให้เศรษฐกิจประเทศฟื้นตัวได้ช้า

ส่วนกรณี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ มีกระแสข่าวจะเป็นนายกฯ สำรองนั้น นายจาตุรนต์ ระบุว่า ไม่ว่านายกฯ คนปัจจุบัน หรือลูกพี่ ก็ไม่ไหวทั้งคู่ จะทำให้บ้านเมืองยิ่งพัง เพียงแต่เรามองไปแล้ว 2 คนนี้คนใดคนหนึ่งจะเป็นนายกฯ เพราะ 2 คนนี้ร่วมกันตั้ง 250 ส.ว.กันมา ลองไม่มี ส.ว. ลองเลือกให้ฝ่ายค้านชนะได้เสียงเยอะๆ 2 คนนี้จะไม่ได้เป็นนายกฯ จะได้หยุดสร้างความเสียหายเสียที 

‘ก้าวไกล’ เชื่อ ‘ประยุทธ์’ ยังหวงตำแหน่ง รอเวลาระเบิดขัดแย้งลูกใหม่ปะทุ ผสมโรงกับศึกในกลุ่มก๊วนรัฐบาลแตกแยก

ด้าน น.ส.เบญจา แสงจันทร์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวว่า เราเห็นการที่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แสวงหาการใช้อำนาจเพื่อพวกพ้อง การละเมิดสิทธิมนุษยชน การทำลายผู้เห็นต่าง ปิดกั้นการใช้สิทธิและเสรีภาพของประชาชนและสื่อมวลชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจ ระบบยุติธรรม สิ่งที่ทำให้ประชาธิปไตยถดถอยคือเรื่องนี้ ถ้าไม่นับรวมกรุงเทพฯและปริมณฑล จ.ชลบุรี มีภาคเศรษฐกิจใหญ่ และมีการจ้างงานมากในภาคตะวันออก ขณะนี้ภาคเศรษฐกิจส่งออกก็ยังติดลบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทั้งนี้ 4-8 ปีที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ไม่ได้จัดสรรงบประมาณที่เหมาะสม 

น.ส.เบญจา ยังระบุว่า 8 ปีที่ผ่านมาเป็นทศวรรษที่สูญหายของประชาชนและคนทั้งประเทศ เราอยู่ท่ามกลางความขัดแย้งทางการเมืองความขัดแย้งในสังคม เราไม่เห็นความพยายามนี้ต้องการประนีประนอมพี่น้องประชาชนไปแก้ไขปัญหาความขัดแย้งของประชาชน ใน 8 ปีที่ผ่านมามีการต่อสู้ทางการเมือง ติดคุกและมีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก และมีการตั้งคำถามการศึกษา ประเทศไทยมีขีดจำกัดการศึกษาล้าหลังกว่าประเทศเพื่อนบ้าน และนักศึกษาก็ออกมาต่อสู้เพื่ออนาคตที่ดีของพวกเขา เราก็ยังไม่รู้อนาคตการศึกษาของไทยจะเดินไปแบบไหนในสถานการณ์ที่ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรี ตนเห็นระเบิดเวลาลูกใหม่จะปะทุรุนแรงในอนาคต ทำให้เป็นความตึงเครียดของสถานการณ์การเมืองในปัจจุบัน อีกทั้งสถานการณ์รัฐบาลมีศึกในรัฐบาล มีความง่อนแง่น คนข้างกาย พล.อ.ประยุทธ์ หนีหายไปหมด พล.อ.ประยุทธ์ นั่งกอดเก้าอี้นั่งรากเหง้า ได้สร้างความเหลื่อมล้ำ จะถ่างสูงระหว่างคนรวยกับคนจน ถ้าการเมืองดีจะเห็นการจัดสรรทรัพยากรอย่างเท่าเทียม

"รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ไร้ความศรัทธาจากประชาชนและต้องคืนอำนาจให้กับประชาชน" เบญจา ระบุ

ขณะที่ รศ.ดร.สมชัย ศรีสุทธิยากร ประธานยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนนโยบายพรรคเสรีรวมไทย กล่าวว่า การมี ส.ว. 250 คนเพื่อมาโหวตนายกรัฐมนตรีนั้นเป็นไปเพื่อสืบทอดอำนาจของรัฐประหารอย่างแท้จริง ตนได้เข้าชื่อประชาชน 70,000 คน ได้แก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 272 ให้ ส.ว.เลือกนายกฯ ใน 5 ปีออกไปจากรัฐธรรมนูญ 

รศ.ดร.สมชัย กล่าวว่า องค์กรอิสระเป็นที่รวมของคนที่เกษียณอายุราชการ แต่ละเรื่องทำได้ตรงใจประชาชนหรือไม่ ประชาชนอยากถอดถอนทุกวันแต่ทำไม่ได้ สุดท้ายสิ่งที่แก้ไขรัฐธรรมนูญไม่ได้แก้ไขได้ง่าย ที่แก้แล้วก็แก้แต่เรื่องที่เป็นประโยชน์กับตัวเองเท่านั้น บัตรใบเดียวทำลายพรรคเพื่อไทยเพื่อไม่ให้ได้ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ จากนั้นก็แก้ให้เป็นบัตรเลือกตั้ง 2 ใบเพื่อประโยชน์ตัวเอง แก้เพื่อเห็นแก่พวกเดียวกัน 

รศ.ดร.สมชัยกล่าวว่า ประชาธิปไตยเสื่อมจากการออกแบบรัฐธรรมนูญแบบนี้ทำให้ได้ 18 พรรคการเมืองเป็นรัฐบาล ทำให้ได้พรรคเล็ก 1 ส.ส.ต่อรองเป็นจำนวนมาก  แต่พรรคพลังปวงชนไทย มี ส.ส. 1 เสียงอยู่ฝ่ายประชาธิปไตยไม่เอากล้วย 

ส่วนกรณี นายเสกสกล อัตถาวงศ์ หรือแรมโบ้อีสาน อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรีนั้น รศ.ดร.สมชัย กล่าวว่า นายเสกสกล กำลังมีเรื่องซื้อเสียงเลือกตั้ง รวมถึงใช้เงินเกินกำหนดด้วย เรื่องนี้ส่งให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แล้ว การใช้ตำแหน่งหน้าที่สร้างประโยชน์ให้ตัวเองหรือจะใช้กับพรรคที่จะตั้งใหม่หรือไม่ เรื่องนี้ต้องพิสูจน์ใน ป.ป.ช. อีกครั้ง นายเสกสกล ทำผิดจริยธรรรมของข้าราชการการเมือง แม้จะลาออกจากตำแหน่งผู้ช่วยรัฐมนตรีหรือลาออกจากผู้ก่อตั้งพรรครวมไทยสร้างชาติไม่ใช่เรื่องนี้จะจบ ถ้าทุกเรื่องอยู่ที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทยแล้ว เรื่องนี้ขอเพียงแค่ใช้เท้าเขี่ยเท่านั้น

พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการพรรคประชาชาติ กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ ไร้สัจจะ เพราะถวายสัตย์ฯ ยังไม่ครบก่อนเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี คนไม่มีสัจจะยิ่งหมดราคา อีกทั้ง วันนี้ประชาธิปไตยเสื่อม แรงงานสิ้นหวัง ที่เสื่อมเพราะมีผู้นำเสื่อม ผู้นำที่ไร้สัจจะ

ด้าน นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อชาติ กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ อยู่มา 8 ปีบริหารใช้งบฯมาแล้วกว่า 20 ล้านล้านบาท และมีอะไรเป็นชิ้นเป็นอันบ้าง มีแต่ประเทศแย่ลง เศรษฐกิจพัง ประชาชนได้แต่เศษเงินที่มาแจก แต่ไม่สร้างประสิทธิภาพอะไร ไม่ทำให้เศรษฐกิจหมุนเวียน ปกติเงินที่จะไปถ้าสร้างให้เกิดประโยชน์ ตนขอยืนยันว่ารัฐบาลต้องให้ความสำคัญ ทหารเป็นรัฐบาลไม่ได้ ทหารมีหน้าที่ปกป้องประเทศ ต้องให้ผู้คนที่เป็นนักบริหาร ถ้าเป็นนักธุรกิจก็เข้าใจเศรษฐกิจ ประเทศจะได้เจริญ

‘พลังปวงชนไทย’ ได้สัญญาณ ‘ประยุทธ์’ ลาออก จวกอยู่ยาวข่มขืนใจประชาชน

นายนิคม บุญวิเศษ หัวหน้าพรรคพลังปวงชนไทย ระบุว่าประเทศไทย 4 ปีมีรัฐประหารครั้งหนึ่ง ถือว่ามากที่สุดของโลก ทั้งนี้รัฐบาลพรรคไทยรักไทยที่มาจากการเลือกตั้งมีการบริหารประเทศต่อเนื่อง ประชาชนกำลังมีความหวัง ตนเกิดมาเห็นประเทศกำลังพัฒนาก็ยังไม่พัฒนาเสียที พอมีรัฐบาลพรรคไทยรักไทย ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ มาบริหารก็ทำให้ประเทศที่เคยเป็นหนี้ สามารถใช้หนี้ไอเอ็มเอฟได้ก่อนกำหนด และเป็นประเทศให้กู้ ทั้งนี้ พรรคฝ่ายค้านล้วนแต่เป็นพรรคที่มีความรู้ แต่ถูกกีดกันโดยกฎหมายเอาเปรียบ หลังวันเลือกตั้งพรรคฝ่ายค้านลงสัตยาบันมีเสียงมากกว่าพรรครัฐบาล แต่กลับมีการเกลี่ยคะแนนให้พรรคที่ไม่ถึง 75,000 เสียง 
นายนิคม ยังเชื่อว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะลาออกในเดือน มิ.ย. อีกทั้งที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ ก็ข่มขืนจิตใจประชาชนอยู่ ทั้งที่ประชาชนไม่อยากให้เป็นนายกรัฐมนตรี  

จากนั้น นายนิคมได้ถามประชาชนที่มารับฟังเวทีเสวนาว่าอยากให้ พล.อ.ประยุทธ์ อยู่ต่อหรือไม่ ทำให้ประชาชนส่งเสียงพร้อมเพรียงกันว่า "ออกไป"

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
เรื่องที่เกี่ยวข้อง
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท