Skip to main content
sharethis
  • 'จาตุรนต์' โต้ 'อภิสิทธิ์' "อย่าขู่ประชาชนว่าถ้าเลือกพรรคนั้นพรรคนี้แล้วจะเกิดรัฐประหาร”
  • ขณะที่ 'อภิสิทธิ์' ยันไม่เคยขู่ประชาชนเลือก 'เพื่อไทย' แล้วจะเกิดรัฐประหารอีก ชี้ แค่ห่วง 'แพทองธาร' นั่งนายกฯเอื้อประโยชน์ครอบครัว ระบุ 'เพื่อไทย' ยังมีคนอีกมากนำพาพรรคเป็นสถาบันการเมืองได้ 
  • 'วรชัย เหมะ' ย้อนถาม 'อภิสิทธิ์' ใครทำลายประชาธิปไตยกันแน่ ตั้งแต่ตั้งรัฐบาลในค่ายทหาร สลายการชุมนุมเลือด บอยคอตเลือกตั้ง จนนำไปสู่รัฐประหาร 57

3 พ.ค.2565 จากกรณี อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ออกมากล่าวถึงพรรคเพื่อไทยกับตระกูลชินวัตรและการรัฐประหารนั้น จาตุรนต์ ฉายแสง แกนนำพรรคเพื่อไทย โพสต์เฟซบุ๊กแฟนเพจ 'Chaturon Chaisang' ในหัวข้อ "อย่าขู่ประชาชนว่าถ้าเลือกพรรคนั้นพรรคนี้แล้วจะเกิดรัฐประหาร”

จาตุรนต์ ระบุว่า ที่อภิสิทธิ์บอกให้ระวังว่าถ้าพรรคเพื่อไทยแลนด์สไลด์ อาจมีการรัฐประหารอีกนั้น หากมองว่าเป็นการพูดเพื่อไม่ให้คนเลือกพรรคใดพรรคหนึ่งก็พอเข้าใจได้ แต่ที่เป็นปัญหาก็คือการพูดอย่างนี้เป็นการทำลายหลักการประชาธิปไตยและสนับสนุนเผด็จการและการรัฐประหาร ในหลักการประชาธิปไตย มีด้วยหรือที่หากรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งมี ”พฤติกรรมหรือการกระทำที่เป็นลักษณะของการเอื้อประโยชน์ ให้ครอบครัว ให้พวกพ้องหรือไปทำอะไรที่ฝืนกับหลักธรรมาภิบาล หลักกฎหมาย” อย่างที่คุณอภิสิทธิ์ยกขึ้นมาแล้ว จะเป็นความถูกต้องชอบธรรมในการทำรัฐประหาร

ถ้ามีพฤติกรรมอย่างนั้นจริง ทำไมไม่ใช้กระบวนการบังคับใช้กฎหมายที่มีอยู่จัดการกับรัฐบาลนั้น ในระบบปัจจุบันจะบอกว่ารัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งจริงๆสามารถแทรกแซงศาลหรือองค์กรอิสระก็ไม่ได้อยู่แล้ว

ทำไมจะใช้การรัฐประหารที่ทำลายหลักกฎหมายและธรรมาภิบาลยิ่งกว่าสิ่งใด ในเรื่องการรัฐประหาร ผมเห็นต่างจากคุณอภิสิทธิ์มาตลอด คุณอภิสิทธิ์เห็นว่าในบางเงื่อนไข การรัฐประหารเป็นเรื่องจำเป็นหรือกระทั่งเป็นเรื่องถูกต้อง แต่ผมเห็นว่าไม่ว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไร การทำรัฐประหารก็ไม่เป็นสิ่งที่ถูกต้องและไม่ว่าสถานการณ์จะเลวร้ายอย่างไร การรัฐประหารก็จะนำไปสู่สถานการณ์ที่เลวร้ายิ่งกว่าเสมอ

"บนหลักการประชาธิปไตยจึงไม่มีข้ออ้างใดๆที่จะทำให้การรัฐประหารจะกลายเป็นสิ่งที่ชอบธรรมไปได้ ผมเคยรู้สึกเห็นใจคุณอภิสิทธิ์เมื่อคราวที่ต้องลาออกจากหัวหน้าพรรคและต่อมาต้องลาออกจากการเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสืบเนื่องจากการที่พรรคปชป.ลงมติเข้าร่วมรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ ทั้งๆที่ในโค้งสุดท้ายของการเลือกตั้งเมื่อปี 2562 คุณอภิสิทธิ์ซึ่งเป็นหัวหน้าพรรคอยู่ประกาศไม่สนับสนุนพลเอกประยุทธ์เป็นนายกรัฐมนตรี" จาตุรนต์ โพสต์

จาตุรนต์ กล่าวว่า ตนเข้าใจผิดไปว่าอภิสิทธิ์เปลี่ยนใจนาทีสุดท้ายก่อนการเลือกตั้งเป็นไม่เห็นด้วยกับการสืบทอดอำนาจเผด็จการ แต่ในที่สุดกาลเวลาก็พิสูจน์ว่าคุณอภิสิทธิ์กับแกนนำคนอื่นๆก็เพียงแค่แบ่งบทกันเล่นในการเลือกตั้งครั้งที่แล้วเท่านั้นเอง การเสนอความเห็นของอภิสิทธิ์ในครั้งล่าสุดนี้เป็นการยืนยันความคงเส้นคงวาของอภิสิทธิ์ ก่อนการรัฐประหารปี 2549 อภิสิทธิ์ร่วมอยู่กับการบอยคอตการเลือกตั้งที่ชักชวนให้กองทัพยึดอำนาจและเมื่อเกิดการรัฐประหารขึ้น อภิสิทธิ์ก็บอกว่าการรัฐประหารเป็นสิ่งจำเป็น ก่อนการรัฐประหารในปี 2557 อภิสิทธ์เข้าร่วมขบวนการเป่านกหวีดของกปปส. นำพรรคปชป.บอยคอตการเลือกตั้ง สร้างเงื่อนไขให้เกิดการรัฐประหาร และเมื่อเกิดการรัฐประหาร ก็เออออห่อหมกไปด้วยอย่างออกนอกหน้า

เมื่อนึกย้อนหลังไปแล้ว ก็คงต้องสรุปว่าการแสดงความเห็นครั้งหลังสุดที่ว่าหากพรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้งแบบถล่มทลาย อาจนำไปสู่การรัฐประหารได้นี้ เป็นความเห็นที่คงเส้นคงวาของคุณอภิสิทธิ์ในการที่เห็นว่าการรัฐประหารเป็นสิ่งที่ทำได้และในบางสถานการณ์ก็เป็นสิ่งที่ดีถึงขั้นที่ต้องช่วยสร้างเงื่อนไขหรือเชื้อเชิญให้เกิดขึ้น

"ที่ผมยังไม่เข้าใจก็คือเหตุใดคุณอภิสิทธิ์จึงออกมาพูดในตอนนี้ ทำไมจึงมาขู่ประชาชนว่าอย่าเลือกพรรคนั้นพรรคนี้ มิฉะนั้นจะเกิดรัฐประหาร ในขณะที่คนทั่วบ้านทั่วเมืองเขาเห็นกันหมดแล้วว่าการรัฐประหารที่ผ่านมาได้ทำให้บ้านมืองเสียหายล่มจมไปแล้วอย่างไร" จาตุรนต์ โพสต์ทิ้งท้าย

'อภิสิทธิ์' ยันไม่เคยขู่ประชาชนเลือก 'เพื่อไทย' แล้วจะเกิดรัฐประหารอีก ชี้ แค่ห่วง 'แพทองธาร' นั่งนายกฯเอื้อประโยชน์ครอบครัว ระบุ 'เพื่อไทย' ยังมีคนอีกมากนำพาพรรคเป็นสถาบันการเมืองได้ 

ไทยโพสต์ รายงานเพิ่มเติมว่า อภิสิทธิ์ กล่าวว่า ว่า หวังว่าคำวิพากษ์วิจารณ์ของจาตุรนต์เกิดจากการอ่านแค่พาดหัวข่าว ไม่ใช่การจงใจบิดเบือนสิ่งที่ตนได้ให้สัมภาษณ์ไว้ ทั้งนี้ ได้พูดอย่างชัดเจนว่าการที่ประชาชนจะสนับสนุนพรรคเพื่อไทย ที่อาจมี แพทองธาร ชินวัตร เป็นผู้ถูกเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรีนั้น ไม่ได้เป็นปัญหา เพราะทุกคนต้องเคารพการตัดสินใจของประชาชนอยู่แล้ว แต่เตือนว่าถ้า แพทองธาร บริหารประเทศแล้วนำไปสู่การเอื้อประโยชน์ให้บุคคลในครอบครัวและพวกพ้อง ทำลายหลักนิติรัฐ นิติธรรม ตลอดจนกลไกการตรวจสอบถ่วงดุลทั้งหลาย รวมทั้งองค์กรอิสระก็อาจเป็นเงื่อนไขให้เกิดการรัฐประหารเหมือนกับในอดีตได้ โดยตนไม่เคยแสดงความคิดเห็นว่า การรัฐประหารในสถานการณ์นั้นจะมีความชอบธรรม เช่นเดียวกับทั้งในปี 2549 และ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปี 2557 ไม่เคยเรียกร้องหรือยอมรับว่าการรัฐประหารมีความชอบธรรม ในทางตรงกันข้าม ตนได้พยายามเสนอทางออกเพื่อหลีกเลี่ยงการรัฐประหารตั้งแต่เดือนมี.ค.2557 อีกทั้งพยายามโน้มน้าวตัวแทนของพรรคเพื่อไทยและรัฐบาลในขณะนั้นให้แสวงหาทางออก จนถึงนาทีสุดท้ายก่อนการรัฐประหาร แต่ไม่ได้รับการตอบสนอง

อภิสิทธิ์ กล่าวอีกว่า ที่นำเสนอเรื่องนี้ ก็เพื่อพยายามสรุปบทเรียนจากปัญหาการล้มลุกคลุกคลานของระบอบประชาธิปไตยในอดีต เพื่อเป็นแนวทางให้นักการเมืองทุกฝ่ายร่วมมือกันพัฒนาประชาธิปไตยต่อไป และตนไม่ได้มีส่วนได้เสียทางการเมืองในขณะนี้ เนื่องจากยังไม่มีแนวคิดที่จะหวนกลับเข้าสู่การเมืองในเร็วๆนี้ ส่วนที่กล่าวถึงพรรคเพื่อไทยว่าก้าวไม่พ้นครอบครัวชินวัตรนั้น เป็นการสะท้อนความรู้สึกของประชาชนจำนวนมากที่มองเห็นว่า พรรคเพื่อไทยมีบุคลากรมากมาย รวมทั้งจาตุรนต์ ที่อยู่ในสถานะที่จะนำพาพรรคให้เป็นสถาบันทางการเมืองได้มากขึ้น

'วรชัย เหมะ' ย้อนถาม 'อภิสิทธิ์' ใครทำลายประชาธิปไตยกันแน่ ตั้งแต่ตั้งรัฐบาลในค่ายทหาร สลายการชุมนุมเลือด บอยคอตเลือกตั้ง จนนำไปสู่รัฐประหาร 57

ขณะที่ทีมสื่อพรรคเพื่อไทย รายงานอีกว่า วรชัย เหมะ อดีต ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย แกนนำคนเสื้อแดง กล่าวว่า การที่อภิสิทธิ์ พูดแบบนี้เหมือนจงใจให้ตระกูลชินวัตรเป็นสาเหตุของการรัฐประหาร ทั้งที่คำพูดของนายอภิสิทธิ์เองเป็นการทำลายหลักการประชาธิปไตย แต่หาเงื่อนไขเหตุผลเพื่อสนับสนุนความชอบธรรมสนับสนุนรัฐประหาร ซึ่งผิดหลักการอย่างยิ่ง แต่ถ้ามองย้อนกลับไปก็ไม่แปลกใจเพราะนายอภิสิทธิ์ ก็เคยตั้งรัฐบาลกันในค่ายทหารอย่างน่าอับอายเพื่อให้ได้เป็นนายกรัฐมนตรี เมื่อมีประชาชนไม่เห็นด้วยออกมาประท้วงว่าถ้าอยากเป็นนายกฯ ที่สง่างามก็ควรยุบสภาฯ และเลือกตั้งใหม่ แต่แทนที่นายอภิสิทธิ์จะยุบสภา กลับใช้กำลังทหารเข้าสลายการชุมนุมด้วยกระสุนจริงจนพี่น้องประชาชนเสียชีวิตไปกว่า 99 ศพ ทุกวันนี้กระบวนการยุติธรรมก็แทบจะ “ยุติ-ทำ” กันไปแล้ว

วรชัย กล่าวต่อว่าจากนั้นการเลือกตั้งปี 2554 ประชาชนทั้งประเทศก็เลือกพรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้งได้ ส.ส.มาเป็นลำดับ 1 ได้ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มาเป็นนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรก ก็ไม่ใช่นายอภิสิทธิ์และผู้สนับสนุนหรอกหรือ ที่ออกมาประท้วงสร้างความวุ่นวายจนรัฐบาลยิ่งลักษณ์ตัดสินใจตามระบอบประชาธิปไตยยุบสภาและจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่  เมื่อมีการเลือกตั้งใหม่ปี 2557 ไม่ใช่นายอภิสิทธิ์และพรรคประชาธิปัตย์อีกหรือ ที่บอยคอตการเลือกตั้ง ไม่ส่งคนลงสมัครรับเลือกตั้ง ส่วนแนวร่วมผู้สนับสนุนอย่างนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ในขณะนั้นก็ช่วยกันขัดขวางการเลือกตั้งในทุกวิถีทาง จนการเลือกตั้งกุมภาพันธ์ 2557 ล้มเหลว และก่อม็อบปิดส่วนราชการ ไล่ล่ารัฐมนตรีไปทุกที่ ตั้งเวทีปิดกรุงเทพฯด้วยข้ออ้าง “ปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง” จนเหตุการณ์ล่วงเลยไปสู่การยึดอำนาจในเดือนพฤษภาคม 2557 ก็ต้องถามนายอภิสิทธิ์ว่า ทั้งหมดที่กล่าวมานี้ เป็นวิถีทางประชาธิปไตยตรงไหน ต่อให้หลับตานึกภาพมันคือการสนับสนุนหาความชอบธรรมให้เกิดการรัฐประหารทั้งสิ้น 

นอกจากนี้  วรชัย ยังกล่าวถึง แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยว่า เป็นคนรุ่นใหม่ที่มีวิสัยทัศน์ มีความรู้ มีความคิดที่จะช่วยเหลือคนยากจน มีนโยบายที่ดี ที่จะสานต่อความคิดของพรรคเพื่อไทย และถ้านางสาวแพทองธาร จะเข้ามาสู่การเมืองก็เข้ามาภายใต้กระบวนการในระบอบประชาธิปไตย ผ่านการเลือกตั้งของพี่น้องประชาชน ดังนั้นการที่นายอภิสิทธิ์พูดว่าคนในตระกูลชินวัตรจะเป็นเหตุให้เกิดรัฐประหารดูจะเป็นการสร้างเงื่อนไขเห็นชอบ เพื่อให้เกิดการทำรัฐประหารเพื่อให้ตนได้ประโยชน์ ขัดหลักประชาธิปไตย ซึ่งคำพูดนี้ไม่ควรออกมาจากปากอดีตนายกรัฐมนตรี

“ตกลงแล้ว ใครกันแน่ไม่ยอมลงสมัครรับเลือกตั้ง ใครไปชุมนุมสร้างกระแสสนับสนุนให้ทหารออกมายึดอำนาจ ดังนั้น นายอภิสิทธิ์ อย่ามาโทษว่าเป็นเพราะคนตระกูลชินวัตร ผมว่านายอภิสิทธิ์และพวกพ้องนั้นแหละ คือตัวสร้างเงื่อนไขทำลายประชาธิปไตยสนับสนุนให้มีการยึดอำนาจ ต้องเลิกดีแต่พูด เอาดีใส่ตัวเอาชั่วใส่คนอื่นเสียที” อดีต ส.ส.สมุทรปราการ กล่าว 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net